ขอนแก่น จนท.3 ฝ่าย แจ้งความจับหนุ่มตุ๋นชาวบ้านเปื่อย สามารถประสานทุนต่างชาติให้ปล่อยกู้คนไทยได้รายละ 1 ล้าน ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาท เตือน ประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ ตร.เร่งล่าตัว หลังพบเพียงภรรยาอยู่ที่บ้าน

เนื่องจากมีการแชร์ประกาศจับตามหมายจับที่ จ.20/2560 ลงวันที่ 27 ม.ค. 60 ให้จับกุม นายอินทัช สารพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 7 บ้านโคกใหญ่ ต.ห้วยยาง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น ประธานชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทย (ศูนย์เวียงคำฟ้ากระนวน) ตามโซเชียลว่า ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน พบเห็นแจ้ง สภ.เมืองไหม จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ตรวจสอบที่ อ.กระนวน จ.ขอนแก่น

โดยเมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 30 มกราคม 2560 พ.ต.อ.วิสุทธิ์ เคร่งจริง ผกก.สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง นำหมายจับที่ จ.20/2560 ลงวันที่ 27 ม.ค. 60 ไปที่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 7 บ้านโคกใหญ่ ต.ห้วยยาง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เพื่อจับกุม นายอินทัช สารพันธ์ เจ้าของบ้าน ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน แต่เจ้าตัวไม่อยู่บ้าน พบเพียง นางสายัณฑ์ เจนไพร อายุ 54 ปี ภรรยา ซึ่งภรรยากล่าวว่าสามีไม่อยู่บ้านมาเป็นเดือนแล้ว บอกเพียงว่าจะไปพบนายทุนชาวต่างชาติ เพื่อจัดการเอกสารของชาวบ้านที่มายื่นกู้เงินเอาไว้ มีบางรายเอกสารไม่สมบูรณ์ กรณีที่สามีถูกออกหมายจับ และกล่าวหาว่าฉ้อโกงประชาชนนั้น รู้สึกเสียใจ เพราะไม่เชื่อว่าสามีจะทำเช่นนั้นได้ หากสามีติดต่อกลับมาจะให้สามีเข้ามอบตัวเพื่อเปิดเผยความจริงทั้งหมด

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ อ.เมือง ขอนแก่น พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี ผบ.ร้อย.รส.กกล.รส.จว.ขอนแก่น นำกำลัง 3 ฝ่าย เข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น เลขที่ 670/ 90 ศูนย์การค้าพัฒนาแสควร์ ถ.กลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น และตรวจสอบบ้านเลขที่ 97/1 หมู่ 4 บ้านพรหมนิมิต ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น

...

ซึ่งทั้งการออกหมายจับ และการตรวจสอบอีก 2 จุดนั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก พล.ต.ชาญชัย ว่านเครือ ผบ.มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น ว่า เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทหารได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่า ให้ตรวจสอบชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทย หรือ ศูนย์เวียงคำฟ้า อ.กระนวน ซึ่งมี นายอินทัช สารพันธ์ อยู่บ้านเลขที่ 61 หมู่ 7 บ้านโคกใหญ่ ต.ห้วยยาง อ.กระนวน จ.ขอนแก่น เป็นประธาน แต่ถูกปิดไปแล้ว และไม่มีการต่อใบอนุญาต แต่ยังมีการเปิดรับสมาชิก และตั้งชมรมต่างๆ ขึ้นมาอีกมาย เกรงว่าจะสร้างความเสียหายกับชาวบ้าน จึงได้มีการตรวจสอบ ซึ่งก็พบว่า นายอินทัช และเครือข่ายได้เปิดอาคารพาณิชย์ 2 ชั้น เลขที่ 670/ 90 ศูนย์การค้าพัฒนาแสควร์ ถ.กลางเมือง ต.ในเมือง และที่เลขที่ 97/1 ม.4 บ้านพรหมนิมิต ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น

ส่วนการออกหมายจับนั้น เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ ที่บ้านเลขที่ 97/1 ม.4 บ้านพรหมนิมิต ต.โคกสี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ได้มีการเปิดรับสมัครสมาชิก และเรียกเก็บเงินจากชาวบ้าน รายละ 500 บาท ในนามชมรมพัฒนาอาชีพข้าราชการไทย โดยอ้างว่า ผู้ที่เป็นสมาชิกสามารถกู้ได้รายละ 5 แสนถึง 1 ล้านบาท ดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อปี ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย เข้าตรวจสอบที่ชมรมดังกล่าว พบชาวบ้านเข้าสมัครเป็นสมาชิกจำนวนมาก และมีการเรียกเก็บเงินจริง เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวพนักงานประจำที่ทำการชมรม 3 คน ไปสอบสวนที่ สภ.เมืองไหม ทราบว่า มีการเรียกเก็บจากชาวบ้าน รายละ 500 บาท หักเป็นค่าบำรุงชมรม 100 บาท อีก 400 บาท จัดส่งให้ นายอินทัช ซึ่งเป็นผู้จัดการใหญ่ ที่จะนำเงินมาจากต่างประเทศกว่าแสนล้านบาท มาปล่อยกู้ให้ชาวบ้านในประเทศไทย โดยผู้ที่สมัครเป็นสมาชิกจะกู้ได้รายละ 1 ล้านบาท แต่ก็ยังไม่มีสมาชิกรายใดได้กู้เงินแม้แต่รายเดียว

เจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ร่วมกันสอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการภายในชมรม รวม 3 คน จนทราบรายละเอียดความเป็นมาทั้งหมดของนายอินทัช ถึงที่มาของการตั้งชมรมต่างๆ แล้วประชุมร่วมกันรวมทั้งรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ทราบ จนเป็นที่สรุปว่า ถึงแม้ยังไม่มีสามชิกของชมรมแจ้งความเป็นผู้เสียหาย แต่เจ้าหน้าที่ของรัฐ สามารถแจ้งความเอาผิดได้ ในฐานฉ้อโกงประชาชน ดังนั้น ในวันที่ 27 มกราคม ที่ผ่านมา ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง จึงร่วมกันแจ้งความจับ นายอินทัช ที่ สภ.เมืองไหม ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบประวัติของนายอินทัช พบว่า ไม่มีสภาพและฐานะที่จะได้เงินกู้แสนล้านบาทจากแหล่งเงินทุนจากต่างประเทศมาปล่อยกู้ให้ชาวบ้านได้ เชื่อว่าเป็นขบวนการต้มตุ๋นหลอกลวงประชาชน จึงขอเตือนประชาชนอย่าไปหลงเชื่อ นายอินทัช ที่จะให้สมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอกู้เงิน 1 ล้านบาท เสียดอกเบี้ยร้อยละ 1 บาทต่อปี ไม่ต้องมีคนค้ำประกันนั้น ไม่เป็นความจริง ถ้าใครเสียเงินค่าสมาชิกไปแล้ว ก็ขอให้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองไหม เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พ.ต.อ.วิสุทธิ์ เคร่งจริง ผกก.สภ.กระนวน จ.ขอนแก่น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าติดตามนายอินทัชมาตลอด แต่ยังไม่พบตัว พบเพียงภรรยา ซึ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี และหากสามีติดต่อกลับมาที่บ้าน จะชักชวนให้สามีเข้ามอบตัวตามหมายจับ นอกจากนี้ ยังได้ตรวจสอบที่ไปที่มาของชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทย (ศูนย์เวียงคำฟ้ากระนวน) ว่าจริงๆ แล้วชื่อ วิสาหกิจเวียงคำฟ้ากระนวน ตั้งขึ้นเมื่อปี 2549 ขณะนั้นมีการจดทะเบียนถูกต้อง และหมดอายุ เมื่อปี 2552 จากนั้นก็หายเงียบไปและไม่มีการต่อทะเบียน กระทั่งกลายมาเป็นชมรมพัฒนาอาชีพแห่งประเทศไทย (ศูนย์เวียงคำฟ้ากระนวน) และชมรมอื่นๆอีกกว่า 5 ชมรม มีสมาชิกในพื้นที่ภาคอีสานมากที่สุด โดยเฉพาะจังหวัดสุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ กว่า 8 หมื่นราย ล่าสุด เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.กระนวน สืบสวน ภ.จว.ขอนแก่น สืบสวนภาค 4 ลงพื้นที่หาเบาะแสของนายอินทัช พบว่ามีการเคลื่อนไหวรับสมัครสมาชิกในจังหวัดกาฬสินธุ์ ในพื้นที่ อ.ห้วยเม็ก อ.หนองกุงศรีด้วย

...