ภาวะการซื้อขายหุ้น
ดัชนีหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,590.80 จุด เพิ่มขึ้น 1.78% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้น 11.35% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 57,403.16 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 643.84 จุด เพิ่มขึ้น 0.81% จากสัปดาห์ก่อน โดยตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นช่วงต้น-กลางสัปดาห์ จากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ท่ามกลางการรายงานผลประกอบการบริษัทไตรมาส 4/59 ที่ส่วนใหญ่ออกมาดี กอปรกับมีแรงซื้อทางเทคนิค
สำหรับสัปดาห์นี้ (30 ม.ค.-3 ก.พ.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,580 และ 1,565 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,605 และ 1,620 จุด โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินของสหรัฐฯ รวมทั้งการรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไทย ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนีต้นทุนค่าจ้างแรงงาน และการจ้างงานนอกภาคการเกษตร
ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ การรายงานข้อมูลจีดีพี ไตรมาส 4/59 ของยูโรโซน รวมทั้งข้อมูล PMIs ของจีนและประเทศในยุโรป ตลอดจนการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ และญี่ปุ่น.
ภาวะตลาดเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 2 เดือนที่ 35.19 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนลงช่วงบวกลงในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงเทขายเมื่อเทียบกับเงินหลายสกุลท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ
สำหรับสัปดาห์นี้ (30 ม.ค.-3 ก.พ.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.20-35.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของนักลงทุนน่าจะอยู่ที่ผลการประชุม FOMC และความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร ดัชนี PMI ภาคการผลิต-ภาคบริการ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ม.ค. ยอดสั่งซื้อของโรงงาน รายจ่ายด้านการก่อสร้างยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย รายได้และการบริโภคส่วนบุคคลเดือน ธ.ค. รวมถึงดัชนีราคาบ้านเดือน พ.ย. นอกจากนี้ ตลาดอาจรอจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางญี่ปุ่นและธนาคารกลางอังกฤษด้วยเช่นกัน.
บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด