หญิงไก่งานเข้าอีกรอบ หลัง ’ทนายสงกรานต์’ พาหนูนาเข้าร้องทุกข์กับกองปราบ พร้อมเผยมีนาวาเอกรายหนึ่งระบุลูกสาวก็โดนนางไก่ชักชวนไปทำงานที่ฮ่องกงเช่นกัน เตรียมเข้าให้ปากคำกับ ตร.ในวันที่ 2 ก.ค.นี้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 2 ก.ค. 59 นายสงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นำนายชูเกียรติ ใจกล้า และนางประภาพร ทองเฟื้อง บิดามารดา น.ส.ประภาวรรณ ใจกล้า หรือน้องก้อย ที่ถูกนางไก่ นายจ้างแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างกว่า 10 ล้านบาท เข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งความกับนางไก่ในข้อหาแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องโทษอาญา โดยยืนยันว่ามีพยานหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีกับนางไก่ได้อย่างแน่นอน

นายสงกรานต์ เปิดเผยว่า ตนได้ประสานงานกับหน่วยงานอื่นๆ เพื่อสอบถามข้อมูลว่านางไก่มีพฤติกรรมเข้าข่ายอยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติหรือไม่ และเตรียมนำพยานหลักฐาน และพยานบุคคลอีก 15 ปาก เข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะแจ้งความนางไก่ ในข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูงเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะนางไก่มีพฤติการณ์แอบอ้างสถาบัน และบุคคลสำคัญหลายราย นอกจากนั้นจะมีผู้เสียหายจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม ในข้อหาแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องโทษทางอาญา เพราะถูกนางไก่ดำเนินคดีลักทรัพย์นายจ้างเช่นเดียวกัน

อย่างไรก็ตามหลังมีการนำเสนอข่าวพ่อแม่น้องก้อยออกไป มีผู้เสียหายหลายรายติดต่อเข้ามา รวมทั้งมีผู้ให้ข้อมูลสำคัญที่เชื่อได้ว่านางไก่มีการชักชวนหญิงสาวไปทำงานที่ฮ่องกงด้วยเหตุใด โดยหนึ่งในนั้นมีนาวาเอกนายหนึ่งได้ระบุว่าลูกสาวก็เคยถูกชักชวนในลักษณะดังกล่าว และในวันที่ 2 ก.ค.นี้จะเดินทางให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามในฐานะพยาน โดยกระบวนการหลังจากสอบปากคำพ่อและแม่น้องก้อยเสร็จแล้ว พนักงานสอบสวนกองปราบปราม จะประสานงานกับพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น เพื่อมอบตัว และนำพยานหลักฐานให้พิจารณาในการขอปล่อยตัวชั่วคราว โดยไม่ใช้หลักทรัพย์ในการประกัน เนื่องจากการแจ้งความของนางไก่มีข้อพิรุธสงสัย

...

ทางด้าน นางประภาพร กล่าวว่า ตนได้เข้าทำงานกับนางไก่ ผ่านการแนะนำจากเพื่อนบ้าน โดยพาสามี และบุตรสาวมาทำงานด้วย ซึ่งทำงานได้ 24 วัน โดยนางไก่เป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายการเดินทางและที่พักให้ทั้งหมด แต่จะหักจากเงินเดือนที่ได้รับ ช่วงแรกนางไก่ก็ปกติ แต่เมื่อได้เจอน้องก้อย นางไก่พยายามขอให้ตนยกลูกสาวเป็นลูกบุญธรรม เพื่อจะให้ไปทำงานดูแลผู้ใหญ่ ผู้มีชื่อเสียงที่ฮ่องกง โดยอ้างว่าจะได้รับค่าตอบแทนครั้งละ 2-5 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามตนและลูกสาวไม่ยินยอม เนื่องจากอยากให้ลูกเรียนหนังสือก่อน ทำให้นางไก่ไม่พอใจและข่มขู่จะฟ้องร้องดำเนินคดีฐานลักทรัพย์นายจ้างกับตน ด้วยความกลัว ตนจึงตัดสินใจเก็บของใช้ส่วนตัวหนีออกทางบันไดหนีไฟ ตามที่เห็นในภาพวงจรปิดที่นางไก่นำมาแสดงต่อสื่อมวลชน ยืนยันว่าไม่ได้นำทรัพย์สินของนางไก่ออกมา กระเป๋าที่เห็นนั้นก็เป็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่ตนนำมาจากต่างจังหวัด

นายชูเกียรติ กล่าวว่า นางไก่ได้ให้มาทำงานที่ร้านคาร์แคร์ ย่านประชานิเวศน์ ครั้งแรกว่าจ้างในราคาวันละ 800 บาท แต่เมื่อมาทำจริงให้ค่าตอบแทนวันละ 500 บาทเท่านั้น ตนทำงานได้เพียง 22 วัน ก็เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้นจึงหยุดทำงาน จนกระทั่งมาถูกแจ้งความร่วมกันลักทรัพย์ ทั้งที่ครอบครัวตนไม่ได้ทำแต่อย่างใด

ทั้งนี้เมื่อเวลา 13.15 น. น.ส.จันทนา คชคงไทย หรือหนูนา อายุ 25 ปี และนายธนาธิป ศรีสิงห์ อายุ 32 ปี สองสามีภรรยา ชาวแม่ฮ่องสอน พร้อมเจ้าหน้าที่ศูนย์ประชาบดี เดินทางเข้าพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเพื่อเป็นพยานให้กับคดีที่พ่อแม่ของน้องก้อยถูกอดีตนายจ้างแจ้งความในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างกว่า 10 ล้านบาท พร้อมแจ้งความกลับนางไก่ หลังเคยถูกนางไก่แจ้งความดำเนินคดีลักษณะเดียวกัน

น.ส.จันทนา กล่าวว่า ตนเคยทำงานเป็นผู้ติดตามนางไก่ตั้งแต่ปี พ.ศ.2551 ตอนนั้นตนอายุ 17 ปี กระทั่งปี 2553 ตนเดินทางกลับบ้านที่แม่ฮ่องสอนเพื่อไปหาแฟน โดยไม่แจ้งนางไก่ให้ทราบ เมื่อนางไก่ทราบภายหลัง จึงโทรศัพท์มาบอกว่าเครื่องเพชรหายและเชื่อว่าตนเป็นผู้ขโมย พร้อมแจ้งความที่ สน.ประชาชื่น ในข้อหาลักทรัพย์นายจ้าง ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น ติดต่อมายังตนพร้อมระบุว่าตนถูกดำเนินคดี จึงรีบเดินทางกลับมาที่ สน.ประชาชื่น และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่นางไก่ได้ข่มขู่ว่าหากไม่รับสารภาพจะดำเนินคดีกับพ่อแม่และแฟนของตน ตนจึงยอมเซ็นรับสารภาพ

อย่างไรก็ตามนางไก่ประกันตัวให้ในชั้นพนักงานสอบสวนวงเงิน 1 หมื่นบาท และเมื่อเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล นางไก่ได้ประกันตัวให้ตนอีก 3 หมื่นบาท โดยมีเงื่อนไขห้ามกลับบ้าน และจะต้องทำงานติดตามนางไก่ไปทุกที่ รวมถึงไม่ให้พกโทรศัพท์ติดต่อกับที่บ้าน ระหว่างนั้นนางไก่ได้พยายามชักชวนให้ตนเดินทางไปฮ่องกงเพื่อเป็นผู้ติดตาม และบอกว่าจะได้เงินเป็นหลักล้าน เมื่อถึงขั้นตอนการทำพาสปอร์ตตามระเบียบพ่อแม่ต้องเซ็นยินยอมเนื่องจากอายุยังไม่ถึง 20 ปี แต่พ่อแม่ตนกลับปฏิเสธ ตนจึงไม่ได้เดินทางไปฮ่องกง กระทั่งวันที่ 30 พฤศจิกายน 2553 ตนจึงถูกศาลตัดสินให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน

น.ส.จันทนา กล่าวอีกว่า ระหว่างถูกจำคุก นางไก่ได้ส่งตัวแทนมาเยี่ยมเพียง 1 ครั้งพร้อมฝากเงินให้ 1,000 บาท กระทั่งพ้นโทษจนถึงปัจจุบัน ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก หลังพ้นโทษตนมีความยากลำบากในการหางานทำ เนื่องจากตนมีประวัติต้องโทษลักทรัพย์นายจ้าง ทั้งที่ไม่เคยทำความผิดและเป็นผู้บริสุทธิ์ วันนี้จึงจะฟ้องดำเนินคดีกลับนางไก่ในข้อหาแจ้งความเท็จเป็นเหตุให้ผู้อื่นต้องโทษในคดีอาญา พร้อมเรียกร้องเงินค่าเยียวยาระหว่างถูกจำคุก

...

ด้านนายธนาทิป กล่าวว่า หลังจากที่หนูนาถูกแจ้งความดำเนินคดี ตนก็ถูกแจ้งความเช่นกัน แต่ตนไม่ยอมรับสารภาพเพราะไม่ได้กระทำผิด ตนจึงติดต่อไปยังนายศรีสุวรรณ สรศักดิ์ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ประชาบดีจังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เข้าช่วยเหลือ ต่อมานางไก่และพนักงานสอบสวน สน.ประชาชื่น จึงระบุว่าจะกันตนไว้เป็นพยาน ก่อนที่ สน.ประชาชื่น จะอ้างว่าตำรวจจังหวัดนครสวรรค์ มีหลักฐานยืนยันว่าตนและหนูนาเอาทองไปขายในจังหวัดนครสวรรค์ ตนจึงท้าขอดูหลักฐานและขอชื่อตำรวจนครสวรรค์ที่ให้ข้อมูล แต่ตำรวจก็ไม่มีรายละเอียดดังกล่าว

ทั้งนี้ระหว่างที่หนูนาได้รับการประกันตัว และทำงานกับนางไก่ ตนถูกกีดกันไม่ให้พบเจอกันกว่า 10 เดือน และต้องรอให้หนูนาเป็นผู้โทรศัพท์มาเท่านั้น ส่วนมูลเหตุที่นางไก่แจ้งความตน เชื่อว่าน่าจะเป็นเพราะโกรธที่หนูนาแอบเดินทางกลับไปหาตน เพราะนางไก่เอ็นดูและหวงหนูนามาก อยากให้ทำงานกับนางไก่ไปตลอด จึงไม่ต้องการให้หนูนามีครอบครัว อย่างไรก็ดีตนก็ตั้งข้อสังเกตว่าที่ผ่านมาเหตุใดไม่ให้ตนติดต่อกับหนูนา และรับปากว่าจะช่วยเหลือหนูนา แต่กลับมีเงื่อนไขมาตลอด รวมทั้งยังจะให้ไปทำงานที่ต่างประเทศด้วยสาเหตุอะไรกันแน่.