กลับมาเจอกันอีกครั้ง กับคอลัมน์ความสวยความงามเอาใจวัยศึกษา "แฟชั่นรอบรั้ว" สัปดาห์นี้ จะพาน้องๆ หลุดพ้นจากใบหน้าโทรมๆ เวลาไปนั่งเรียน แหม่…อะไรจะห่อเหี่ยว เฉาตาย ไม่สดชื่นขนาดนั้น ก็อย่างว่า มือถือนี่...กว่าจะวางลงได้ ปาไปตี 1 ตี 2 ทุกคืน ไม่รู้ว่าติดหรือเลิกไม่ได้กันแน่ๆ พี่แคมปัสแนะเลย ไปถ้ำกระบอกดีกว่ามั้ย 5555 ขำๆ นะ…ไงก็เลิกไม่ได้อยู่ดี!!

วันนี้ "แฟชั่นรอบรั้ว" จึงหาทางออกมาให้สาวๆ นักเรียนนักศึกษา ที่อยากดูเฟรช ผิวหน้าดีตลอดวันเรียน ด้วยวิธีง่ายๆ ยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก (ขออย่างเดียวอย่าขี้เกียจ) นั่นก็คือการมาส์กหน้า จะบอกว่าโชคดี 2 ชั้น นอนมาส์กไปเล่นโซเชียลไปพร้อมๆ กัน รับรอง…หลับตาไปด้วยความอิ่มเอมใจ ตื่นมาผิวเด้งซะงั้น

ทำไมต้องมาส์กหน้า?? เหตุผลอันดับต้นๆ คือ ง่าย สะดวก ทำเองที่บ้าน แถมราคาเบาๆ คุยกันรู้เรื่อง ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากมายนัก แถมได้ผิวหน้าดีอย่างกับทำคอร์สเจ้าสาว อีกเหตุผลหนึ่ง คือ ทำได้เรื่อยๆ สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ไม่ต้องบังคับกันจนเกินไป หากเวลาไม่เอื้ออำนวย แล้วยังประหยัดเวลามากๆ ก็งานมันเยอะ การบ้านก็แยะ กิจกรรมนี้ตามมาให้พรึบ

...

การมาส์กหน้า ก็มีด้วยกันหลายรูปแบบ ทั้งที่เป็นครีม เป็นผง เป็นแผ่นมาส์ก ส่วนที่นิยมและใช้ดีใช้ง่ายสุด และชอบที่สุด "แฟชั่นรอบรั้ว" ยกให้เป็นแผ่นมาส์ก

ส่วนแผ่นมาส์ก ก็มีหลายรูปแบบ มีทั้งทิชชูมาส์ก ไฮโดรเจลมาส์ก หรือจะเป็นคริสตัลมาส์ก ขออธิบายแต่ละอย่างตามแบบที่สัมผัสได้แล้วกัน

- ทิชชูมาส์ก : ใช้ง่ายที่สุด แนบหน้าเกาะหน้าดี ไม่ไหล ไม่หล่นง่าย ทำอะไรก็สะดวกเวลามาส์ก แต่บางทีแอบเซ็ง หากทิ้งไว้นานหน่อย มาส์กจะดูดความชุ่มชื้นจากใบหน้าออกไป ลอกออกที...รอยนี้เต็มหน้าเลยคร่า 555 ฉะนั้นพึงระวัง ดูเวลาที่เหมาะสมด้วยจ้ะน้องๆ ถ้าใช้ทิชชูมาส์ก ก็อย่าลืมดูเวลาเป็นสำคัญ ส่วนราคาต่อแผ่นอยู่ที่ 30 บาท ไปจนถึง 100 บาท โอเครเลย...ถูกใจวัยใส

- ไฮโดรเจลมาส์ก : อันนี้ชุ่มฉ่ำมากๆ ขอบอก...ดีอะ มันไม่ดึงดูดความชุ่มชื้นไปจากหน้า คือรู้สึกว่า มันซึมซับสารบำรุงได้จริงๆ หน้านี้นุ้มนุ่ม แต่ข้อเสียคือ ต้องนอนมาส์กอย่างเดียว เพราะแผ่นมันหนา และมันจะเลื่อนและไหลง่ายกว่าทิชชูมาส์กมากๆ ราคาก็ยังพอรับได้ 100 กว่าบาทขึ้นไป

- คริสตัลมาส์ก : อะ…ตัวนี้เลิศ แต่ราคาแพงสุด ประมาณ 200 กว่าบาท (นั่นเลยปัจจัยสำคัญ) แผ่นของมาส์กจะบางกว่าไฮโดรเจลมาส์ก แถมเนื้อนุ่ม และได้สารบำรุงแบบเต็มๆ เพราะด้วยความที่เป็นคริสตัล มันจะกระจายสารลงผิวหน้าได้รวดเร็ว และยังแนบหน้าได้ดีมากๆ ไม่แพ้ทิชชูมาส์ก ดังนั้นประสิทธิภาพหลังมาส์ก ก็จะชนะเลิศ แต่ๆๆ แต่จะมาทำบ่อยๆ ก็ต้องคิดนิดนึง เพราะจะลงทุนมากไปมั้ย

"แฟชั่นรอบรั้ว" มองว่า มาส์กแต่ละแบบ มีข้อดีข้อด้อย แตกต่างกันไปตามลักษณะผู้ใช้งาน หากเราจะเร่งด่วนโชว์ผิวหน้า ก็อาจต้องเลือกอย่างหลัง หรือถ้าเราทำสม่ำเสมอ ก็เลือกอย่างแรก แต่ถ้าไม่ค่อยได้ทำ ลองแบบไฮโดรเจลก็ดีไม่ใช่น้อย เอาเป็นว่า...ดูงบประมาณ ดูความเหมาะสม ดูผิวหน้าเป็นหลัก ไม่ใช่จะสักแต่ซื้อเนอะ บางทีซื้อมาไม่ได้ใช้ หรือซื้อมาเยอะเกิน ก็แอบเสียดาย เงินทองหายากนะคะนักเรียน นักศึกษาก็ด้วย 5555

...

อ้ะ…ส่วนอันนี้ของแถม วิธีเลือกมาส์กตามผิวหน้าแต่ละคน

- ผิวมัน : จะใช้แบบไหนก็ได้ แต่เน้นความชุ่มชื้นพอประมาณ ไม่งั้นหน้าจะมันขึ้น สิวก็จะตามมาอีกเพียบ และถ้าไม่ได้ทำความสะอาดให้ดีแล้ว สิวจะผุดเป็นดอกเห็ดเลยทีนี้

- ผิวแห้ง : ควรเลือกมาส์กที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอไรเซอร์เยอะๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับใบหน้า และมาส์กนานหน่อยแต่ไม่ใช่สำหรับทิชชูมาส์กนะ นานไปเดี๋ยวเหี่ยวย่น จะกลายเป็นว่า ทำแล้วไม่ได้ดีอีก

- ผิวแพ้ง่าย : ผิวแบบนี้ต้องพึงระวัง เอาที่สารเคมีน้อยๆ หรือจะไปใช้สูตรธรรมชาติก็จะดีกว่า ไม่งั้นจะพังทั้งหน้า เสริมสวย ไม่ใช่ฉุดสวย

- ผิวผสม : คำที่ลอยมา คือ ทีโซน เราก็เลือกมาส์กที่เป็นส่วนๆ โดยเฉพาะบริเวณทีโซน

และอันนี้เทคนิคมาส์กหน้าแบบถูกวิธี แต่อาจไม่ถูกใจใคร ยังไงลองประยุกต์ดูนะคะ

1. ทำความสะอาดผิวหน้าให้หมดจด สารบำรุงจะได้ลงผิวได้อย่างเต็มที่

2. สครับหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก อันนี้...ก็แล้วแต่!!

...

3. ควรแช่มาส์กให้เย็นนะคะ เวลาเอามาวางบนหน้าจะสดชื่นมากๆ

4. อย่ามาส์กหน้านานเกินไป 20 นาทีกำลังดี และอย่ามาส์กบ่อยเกิน 4 ครั้งต่อสัปดาห์ เดี๋ยวพัง

5. มาส์กเสร็จเอาเนื้อครีมที่เหลือๆ มาทาศอก เข่า มือ สวยไปอีก!!

อย่างไรก็ตาม ย้ำกันอีกที เรื่องราวนี้อาจจะไม่เหมาะเป๊ะกับทุกคน เลือกที่เหมาะสมกับเรา ไม่ว่าจะยี่ห้อ ราคา ชนิด เพราะความสวยรอไม่ได้ค่ะ...คุ๊ณ.

...