มี 2 สิ่งที่แวบขึ้นมาในหัว,
อย่างแรก น่าจะเป็นแบบอย่างในยุคสมัยที่อะไรได้มาง่ายๆ ไม่ต้อง มานะ อุตสาหะ บากบั่น และสอง ที่ต่างประเทศเขาได้รับการยอมรับมาก โด่งดังและถูกสื่อมาขอทำสกู๊ปสัมภาษณ์ว่า เด็กยากจน อดอยาก ประสบความสำเร็จเป็นนักธุรกิจหมื่นล้านได้อย่างไร
แต่ทำไมคนไทยแทบจะไม่รู้จักเรื่องราว 'หนุ่มไทย' รายนี้ในหน้าสื่อมาก่อน, เป็นความคิดที่ผุดขึ้นมาระหว่างนั่งสนทนาบนเก้าอี้นุ่ม อุ่นจากอุณหภูมิตัว
'ธุรกิจที่บ้านล้มละลายตอนอายุ 20 จากที่เคยกินอยู่แบบสุขสบาย' พ่อทิ้งพวกเราไปแบบไร้เยื่อใย ทำให้ทั้ง 3 (แม่และน้องชาย) กลายเป็นคนไร้ที่อยู่ ไร้ที่ซุกหัว เมื่อทนความหนาวไม่ไหวจึงต้องแอบพาคุณแม่ไปหลับในห้องหอพักที่ 'ฮาร์วาร์ด' ลำบาก อดมื้อกินมื้อ กอดคอกันร้องไห้ทุกวัน เพราะไม่เห็นฝั่งฝันอนาคต เป็นแบบนั้นอยู่หลายปี
"เราร้องไห้กันบ่อยมาก...' ชายตรงหน้าผมนิ่ง ก้มหน้าหลบตากล้องที่กำลังจับจ้องแววตา ความมุ่งมั่นกลายเป็นเสียงสั่น ดวงตาเริ่มเปลี่ยน ร้องเพราะมองไม่เห็นอนาคต หลายครั้งคุณแม่ต้องอด เพื่อให้ผมกับน้องได้กินข้าว
"ขอโทษนะครับ ผมเกือบร้องไห้ออกมา แย่จริงๆ เลย" เขาเสียงเครือๆ เชื่อไหมภาพความ 'อดอยาก' ภาพน้ำตาที่อาบแก้มซ้าย-ขวายังติดตรึงพวกเขาจนกระทั่งวันนี้
ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสคุยกับ นักธุรกิจหนุ่มเจ้าของชีวิตดราม่า รวย จน ไร้บ้าน อดอยาก ชีวิตขึ้นสุด-ลงสุดเน่ายิ่งกว่านิยาย เรื่องเล่าชีวิต ความลำบาก แต่ทว่ากลายเป็นแรงบันดาลใจที่ถูกรายการแทบจะทั่วโลก ขอทำสกู๊ปสัมภาษณ์ หนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น เจ้าของธุรกิจหลายหมื่นล้าน
กับชายผู้มีเลือดนักสู้อยู่เต็มกาย 'ชาตรี ศิษย์ยอดธง' ที่คนไทยจะได้อะไรจากตัวเขา
...
ไหว้ครู ก่อนขึ้นชก : รวย จน อดอยาก ไร้บ้าน เรื่องจริงยิ่งเน่ายิ่งกว่านิยาย
เร่ิมต้นชีวิตผมไม่ได้ลำบากมากมาย...ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น สื่อสารภาษาไทยชัดราว 70% และว่า ตอนอายุ 14 ปี ที่บ้านมีฐานะ คุณพ่อทำธุรกิจที่ดิน กระทั่งอายุ 20 บ้าน รถ เงินที่เคยมี ก็หมดสิ้นเพราะธุรกิจล้มละลาย จากที่เคยมีเงิน มีบ้าน ครอบครัวก็กลายเป็นคนจนทันที
พ่อ-แม่แยกทางกัน เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่กำลังจะสมัครเรียน 'ฮาร์วาร์ด' คิดว่าอาจจะไม่ไปและทำงานอยู่เมืองไทย เพราะไม่มีเงิน แต่คุณแม่มีความมั่นใจ และพูดเสมอว่าชาตรี ยูเป็นลูกคนโต คุณเป็นความหวัง แต่ยังไม่รู้จะหลุดพ้นตรงนี้ได้ยังไง เพราะชีวิตยากจน และอับจนหนทางมาก
"บางครั้งแอบเห็นคุณแม่อด เพื่อให้เราได้กินอิ่ม ช่วงนั้นผมร้องไห้บ่อยมาก..." เขานิ่งและว่า เชื่อไหมพูดไปแล้วภาพนั้นยังติดตา ร้องไห้ เพราะไม่มีอนาคต บ้านไม่มี ไม่มีทางออก น้องชายอายุ 15 จะไปโรงเรียนยังไง เหมือนเราโดนทิ้งจากพ่อ และถูกผลักให้กลายเป็นหัวหน้าครอบครัวแบบไม่ได้ตั้งตัว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ยากลำบากมาก
กอดคอร่ำไห้ครั้งสุดท้ายที่ ฮาร์วาร์ด
กระเสือกกระสนจนเดินทางไปเรียนต่อที่ฮาร์วาร์ดได้ แต่ชีวิตลำบาก อดอยาก กินวันละมื้อก็เคยมาแล้ว เพื่อเก็บเงินที่ได้จะส่งเงินไป เดือนหนึ่งโทรกลับไปหาแม่ได้น้อยมาก โทรครั้งละแค่ 1 นาที
"มีอยู่ครั้งหนึ่งเราร้องไห้กันมาก คิดว่าทำไมต้องลำบากแบบนี้ และนั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ตนร้องไห้ที่ฮาร์วาร์ด หลังจากพามาอยู่ที่นี่ได้ แต่ตอนกลางคืนก็ต้องแอบพาแม่อยู่ในห้องพัก ปกติที่เราอาศัยอยู่ที่ฮาร์วาร์ดเข้า-ออกได้ แต่ค้างไม่ได้ แต่แม่ไม่มีที่อยู่ เราอาศัยนอนพื้น ให้แม่นอนบนเตียง ชีวิตเป็นแบบนั้นอยู่ 2 ปี"
อยู่ในห้องคุยอะไรกัน? - ผมสงสัย, ร้องไห้กันบ่อยมาก เขาย้ำ แต่แปลกอย่างที่บอก แม่มั่นใจในตัวเรามาก มากกว่าเรามั่นใจตัวเอง ถ้าไม่มีคุณแม่ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
"คุณแม่เป็นแรงผลักดันเราเสมอๆ สิ่งที่ท่านจะพูดบ่อยๆ 'ชาตรีคุณเป็นคนพิเศษ ยูทำได้ และหากมีโอกาสต้องช่วยโลก ให้โอกาสกับทุกคน' คุณแม่เป็นกำลังใจ และให้พลังสู้ อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมฝ่าฟันความลำบากไปได้คือ 'ผมมีมวยไทยอยู่ในสายเลือด' ชีวิตอาจจะลำบากมาก แต่มวยไทยทำให้ผมมีใจสู้ ไม่ย่อท้อกับอุปสรรคมากมาย" อดีตนักมวย ฉายา 'ศิษย์ยอดธง' ที่ใช้ชีวิตด้วยการชกมวยหาเลี้ยงชีพที่ต่างประเทศบอกแบบนั้น
...
ยกแรก : มวยไทย นักต่อสู้อยู่ในสายเลือด...!
'วิถีนักมวย' เร่ิมเข้ามาในชีวิตเขา ตั้งแต่อายุ 13 ที่ 'ค่ายศิษย์ยอดธง" พัทยา ครูยอดธง พ่วงท้ายว่า 'ชาตรี ศิษย์ยอดธง' จนถึงวันนี้ยังฝึกซ้อมอยู่ทุกวันเป็นระยะ 30 ปี ที่อยู่บนสังเวียน
"ที่อเมริกาผมต่อยมวยเพราะมันทำให้มีชีวิตรอดจากความอดอยาก หลายครั้งใจท้อแท้ แต่การฝึกฝนมวยไทย ทำให้ร่างกาย จิตใจเข้มแข็งและฝ่าฟันอุปสรรคมาได้ การฝึกทั้งข้างใน ความเข้มแข็ง ความอดทนของหัวใจ ข้างนอก ความเข้มแข็ง ความอดทนของร่างกายทั้งหมดนี้ผมเรียนรู้จาก เพื่อนๆ นักมวยครูยอดธง"
ผมมีเพื่อนเป็นนักมวยเยอะ หลายคนวันนั้นกลายเป็นระดับสุดยอดของอาชีพ ซึ่งก่อนหน้านี้พวกเขาชีวิตแย่กว่าผมมาก จน ลำบากกว่าผมมากๆ แต่เขายังมีความสุข ฝ่าฟันอุปสรรคแบบไม่ย่อท้อได้ ทั้งหมดนี้เป็นแบบอย่าง เป็นต้นแบบที่ทำให้เราอดทน จนวันนี้ผมใช้สิ่งเหล่านั้นฝ่าฟันสร้างธุรกิจต่างๆ และกลายเป็นนักธุรกิจที่มีเงินได้
ต่อยมวยครั้งแรกเป็นยังไง? เจ็บซิ เขาหัวเราะ ทุกแมตช์เจ็บมาก คนที่เล่นเพื่อสุขภาพ จะไม่เจ็บ แต่เมื่อไหร่ที่ขึ้นเวทีเจ็บมาก ทุกครั้งต่อยเสร็จจะเดินไม่ได้ 1 อาทิตย์ เพราะว่าโดนเตะขา หรือว่ามีแผลแตกต้องพักรักษาตัวนาน
"แมตช์แรกในชีวิตแพ้คะแนน ทุกครั้งที่แพ้เราจะเสียใจร้องไห้ เพราะทุกอย่างผมใส่ใจ 100% แพ้ก็เศร้า พอได้พักก็ลุกขึ้นมาเอาใหม่ ผมเป็นมวยบู๊ ถนัดใช้หมัด แต่โง่ ชอบบุก กว่า 30 แมตช์ชนะมากกว่าแพ้ ศิลปะป้องกันตัวคุณอาจจะคิดว่าสู้กับคนอื่น แต่ความจริงต้องสู้ตัวเองก่อน ก่อนขึ้นเวทีหลายครั้ง รู้สึกกลัว ไม่มีความมั่นใจ แต่พอขึ้นเวทีต้องใจนิ่ง มวยเป็นกีฬาที่ต้องสู้กับตัวเองมากมาย"
เจ้าของค่ายมวยที่สิงคโปร์ย้ำว่า ที่สุดจากความชื่นชอบ กีฬาที่ใช้ยังชีพหากินตอนอดอยาก กลายเป็นธุรกิจมูลค่ามหาศาลล่าสุดที่เขาตั้งใจทำขึ้นมา
...
กลางยก : ธุรกิจหมื่นล้าน - เบื้องหน้า MMA ONE Championship
จากความชื่นชม อาชีพ และกลายเป็นธุรกิจ หนุ่มที่อายุ 30 ปี มีเงิน 30 ล้านบาทภายใน 2 ปีจากการขายบริษัทที่ก่อร่างมาบอกว่าเป็นสเต็ปที่ฝันแต่ไม่คิดว่าจะมีวันได้เลย ชาตรีเร่ิมทำธุรกิจหลายอย่าง เช่น เป็นนักวิเคราะห์การลงทุน ก่อตั้งบริษัทเป็น Startup Provider, เป็น Managing Director บริษัทกองทุนป้องกันความเสี่ยงอันดับใหญ่ 1 พันล้านเหรียญ US ย้ายมาทำบริษัทใหญ่กว่า ต่อมาได้รับการผลักดันจากนายทุนใหญ่ให้ก่อตั้งบริษัทเอง มูลค่ากว่า 500 ล้านเหรียญ US
...
"ตอนอายุ 35-36 ปี เขามีเงินมหาศาลหลายพันล้าน..."เวลาผ่านไปกว่าสิบปี ชาตรีก็ลาวงการ กองทุนป้องกันความเสี่ยง และเดินทางล่าฝันในธุรกิจอื่นๆ
ชาตรีเป็นคนคิดค้น Founder และ Chairman ของ ONE Championship รายการกีฬาที่มีคนดูการถ่ายทอดสดเยอะที่สุดของเอเชีย ที่มีการถ่ายทอดไปทั่วโลกมากกว่า 1 พันล้านครัวเรือนใน 70 กว่าประเทศ ทั้งเป็น Founder and Chairman ของ Evolve University ม.ออนไลน์สอนศิลปะการป้องกันตัวใหญ่ที่สุดในเอเชีย เป็น Founder and Chairman ของ Evolve MMA แฟรนไชส์โรงเรียนศิลปะป้องกันตัวในเอเชีย
มันเหมือนความฝัน ผมเรียกมันว่าความโชคดี...เขาให้นิยามการเดินทางชีวิตในวัย 44 ย่าง 45 ของตัวเอง
"อย่างเรื่องมวย ตอนจนๆ อายุ 19 ผมเขียนฝันในกระดาษ ค่ายมวยคืออันที่ 3 ที่อยากทำมาก ผมอยากมีค่ายที่ดูแลนักมวยจริงๆ เพราะว่าเจอสิ่งไม่ค่อยแฟร์เยอะ เช่น ถ้าคุณเป็นแชมป์ลุมพินี-ราชดำเนินจะได้เงินมาก มีศักดิ์ศรี นักข่าวมา ผู้หญิงมา พอเลิกกลับกลายเป็นคนจนทันที ส่วนใหญ่มักจะโดนคนในวงการโกง หลายคนไปเป็นยาม, ขับรถรับจ้าง เพราะไม่มีโอกาสอื่น"
เขาบอกว่า อายุ 35-36 ผมมีเงินหลายพันล้าน จากการทำธุรกิจ ผมมานั่งคิดว่าทำไมต้องใช้ชีวิตไปอย่างหมดเปลือง มีบ้าน-รถมากๆ เหมือนคนอื่น ผมว่าชีวิตแบบนี้ไม่ค่อยมีความหมาย ผมคิดถึงตอนที่เราจน คิดสิ่งที่คุณแม่บอก 'ต้องช่วยคน' เลยกลับมาเอเชีย แล้วก่อร่าง Evolve ที่สิงคโปร์ เรามีแชมป์จากลุมพินี-ราชดำเนินมากที่สุดในโลก เดชดำรงค์ โอโรโน่ น้องโอ๋ สะเก็ดดาว ฯลฯ และสร้างโอกาสให้เขามั่นคง ตอนนี้ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมีความหมายมากกว่ามีบ้านหลายหลัง มีรถหลายๆ คัน
การให้โอกาสกับคนอื่นมีค่ามาก...? - ชาตรีตอบเร็วว่า ใช่ มีค่ามากกว่าซื้อบ้านใหม่ มากกว่าซื้อรถ ตนไม่ใช่คนที่ชอบซื้อของ ไม่มีนาฬิกา ไม่มีรถหลายคัน แต่ชอบก่อสร้างธุรกิจช่วยคนดีมากกว่า สิ่งที่เรียกกันว่าสะสมสมบัติภายนอกเอาไว้โอ้อวดกัน
"ผมเร่ิมบริษัทชื่อ ONE Championship เป็น สปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์ เป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในเอเชีย ถ่ายทอดสด 70 ประเทศ 1 พันล้านครัวเรือนทั่วโลก ลงทุน 1,000 ล้านบาทในบริษัทนี้ ผมมาคิดว่าทำไมเอเชียเราถึงไม่มี อย่างอเมริกา มี NFL NBA เมเจอร์ลีก เบสบอล UFC ทุกอันมีมูลค่าเป็นหมื่นล้าน ถ้าไปยุโรปจะมี พรีเมียร์ลีก ฟอร์มูล่าวัน เอเชียไม่ค่อยมีอะไร ผมรู้สึกทำไมเอเชียไม่มีบริษัทสปอร์ตเอ็นเตอร์เทนเมนต์เลย ทั้งๆ ที่เอเชียมีศิลปะป้องกันตัวที่มีประวัติมากมาย ญี่ปุ่นมีคาราเต้ เกาหลี มีเทควันโด จีนมีกังฟู ไทยมีมวยไทย ทุกประเทศมีศิลปะป้องกันตัว"
ผมคิดว่านอกจากเป็นโอกาสธุรกิจแล้ว เรารักมวยไทยมาก มวยไทยช่วยผมจากคนจนมากให้เป็นนักธุรกิจ ทั้งๆ ที่มันเป็นมรดกไทย มรดกโลก แต่ทำไมมีแต่คนจนต่อย ทุกคนทั่วประเทศไม่ซ้อมมวยไทย ผมคิดแบบนี้"
ยกสุดท้าย : เบื้องหลังของ MMA ONE Championship ปรากฏการณ์ยักษ์ถล่มเมืองไทย
ก่อน ONE Championship จะมาเมืองไทย 6 เดือนก่อน ชาตรีเล่าเบื้องหลังว่า ตนกับเพื่อนรัก สุกี้ (กมล สุโกศล แคลปป์) วัยเด็ก โทรถามว่าอยากเอามาทำที่ประเทศไทย เขามีไอเดียเอาวงดนตรีอันดับ 1 มาจัดคอนเสิร์ตเป็นครั้งแรกที่ไทย ไฮไลต์สำคัญครั้งนี้จะมีแชมเปียนระดับโลก MMA ONE Championship ทั่วโลกรวมกับวงร็อกใหญ่ที่สุดในเมืองไทยรวมกัน ถือเป็นปรากฏการณ์ใหญ่ระดับประเทศ โดยครั้งนี้จะมี เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค แชมป์ MMA ONE Championship รุ่น 115 ปอนด์ คนไทยคนแรกในประวัติศาสตร์มาป้องกันแชมป์เพื่อให้คนไทยชมอย่างใกล้ชิดด้วย
"MMA ย่อมาจาก Mix Martial Art เป็นกีฬาที่โตเต็มที่สุดในโลกวันนี้ เป็นกีฬาที่รวมศิลปะป้องกันตัวทุกประเทศ เร่ิมราว 20 ปีก่อน โดยมีศาสตร์ป้องกันตัวของประเทศต่างๆ เช่น มวยไทย มวยสากล ยูโด มวยปล้ำ คาราเต้ แซมโบ บราซิลเลี่ยน ยูยิตสู มวยปล้ำ มีทุกอย่าง เข้ามาชกในกรงเพื่อหาผู้ชนะ ผมเชื่อว่าคนไทยจะสนุกกับมันมาก ซึ่งปีนี้เรามีฮีโร่อย่าง เดชดำรงค์ อดีตแชมป์ลุมพินี คนไทยๆ แท้ๆ ที่เป็นแชมป์โลกที่สุดใน MMA มาป้องกันแชมป์ที่กรุงเทพฯ ด้วย เดชดำรงค์เก่งมาก รู้ศาสตร์และศิลปะป้องกันตัว ซึ่งที่ได้แชมป์มาเพราะว่าใช้มวยไทยชนะทุกศาสตร์ในโลก ผสมกับสิ่งที่สุกี้คิด รายการที่ถ่ายทอดในประเทศไทยจะยิ่งใหญ่ระดับโลกที่คนไทยห้ามพลาด เพราะเป็นการต่อสู้ของศาสตร์มวยไทยที่ดุดัน ศาสตร์ที่ชาวต่างชาติกลัว"
ตอนที่ไปอยู่อเมริกา ไปแข่งต่อยมวยที่มหาวิทยาลัย เขาเป็นมวยไทยคนเดียว เอาชนะศาสตร์อื่นๆ...ชาตรีหัวเราะ แม้มวยไทยจะดูออกง่าย แต่อาวุธมันคมมาก ครบเครื่อง ศิลปะอื่นๆ ยูโด คาราเต้ อาจจะเตะเก่ง แต่ไม่มีหมัด เข่า ศอก มวยสากลมีหมัดอย่างเดียว เชื่อว่าปีนี้ประเทศไทยจะมีแชมป์ MMA หลายคน โดยเงินรางวัลรวมๆ แล้วสูงถึง 17 ล้านบาท
ส่งท้าย : อนาคต ชีวิตที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
จากวันที่ไม่มีกิน จนวันนี้ทำธุรกิจมากมายหลายหมื่นล้าน มาจับธุรกิจ MMA ONE Championship ที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ ประสบความสำเร็จแล้วหรือยัง? ชาตรีนิ่งคิดและบอกว่า ยัง ผมไม่คิดแบบนั้น ผมรู้สึกว่าทุกวันแฮปปี้มากในหัวใจ ผมไม่ต้องซื้อรถโชว์ทุกคน แค่ผมทำดีสนับสนุนคน ช่วยเหลือคน แค่นี้รู้สึกแฮปปี้ก็พอแล้ว
วันที่เราเดินมาถึงจุดนี้คุณบอกหรือพูดอะไรกับแม่ คนที่เชื่อมั่นในขณะที่ตนเองยังไม่เชื่อมั่นว่าจะมีวันนี้ได้ - ชาตรีบอกว่า ผมคุยกับแม่ 2 อาทิตย์ก่อน คุยว่าชีวิตแปลกนะ 25 ปีก่อนพวกเราจนมาก ตอนนี้ชีวิตเราดีมากๆ ผมเชื่อว่ามันเป็นดวงเยอะ ผมรู้สึกว่าเราโชคดีมาก ซึ่งหากผมขยันและทำงานหนักมากก็จริง แต่มีหลายคนที่ทำงานหนักด้วยแต่ไม่มีดวงก็ไม่สามารถมีวันนี้ได้ ผมรู้สึกว่ามีดวงเยอะ
"จริงๆ ผมเชื่อว่าทุกคนที่อยากเป็นนักธุรกิจ อยากเป็นแบบชาตรีต้องทำยังไง สิ่งที่ผมแนะนำได้คือนอกจากการเรียนในห้องเรียน คุณต้องอ่านเรื่องราวบริษัทหรือคนที่ประสบความสำเร็จด้วย แอปเปิล ไนกี้ อันไหนก็ได้ ดูว่าเขาทำอย่างไรชีวิตต้องเรียนรู้ตลอดเวลา นี่ผมอายุ 44 ปี ผมก็ยังไม่จบการเรียน เพราะทุกวันคือการเรียนรู้ เรียนรู้ตลอดเวลา มีสิทธิ์เป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ และต้องลงมือทำ" ชาตรี กล่าวสรุป
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของนักต่อสู้คนไทยที่ไปสร้างชื่อเสียงระดับโลก นักธุรกิจหมื่นล้านที่ไม่ยอมแพ้โชคชะตา เดอะไฟเตอร์ ชาตรี ศิษย์ยอดธง.
**ล้อมกรอบ**
7+1 เรื่องน่ารู้ ชาตรี ศิษย์ยอดธง
1. 'ชาตรี ศิษย์ยอดธง' หรือชื่อจริงว่า 'ชาตรี ตรีศิริพิศาล' เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น พ่อเป็นไทย แม่เป็นญี่ปุ่น และโตที่ประเทศไทย
2. การศึกษาจบปริญญาตรี ด้าน economics จาก Tufts University ที่ Medford, Massachusetts และจบปริญญาโท ด้าน MBA จาก Harvard Business School ที่ Harvard University
3. ชาตรีเริ่มต่อยมวยตั้งแต่เด็กๆ ที่ค่ายศิษย์ยอดธงที่พัทยา ผ่านประสบการณ์บนสังเวียนมามากกว่า 30 แมตช์ โดยครั้งสุดท้ายชกอาชีพในปี 2008 นอกจากเป็นนักมวย นักธุรกิจรูปหล่อ ยังเป็นครูสอนมวยไทยในค่ายด้วย และก่อนอาจารย์ของชาตรีจะได้จากโลกนี้ไป ยังได้ให้ชาตรีเป็นหนึ่งใน 4 เสาหลักในการสืบทอด 'ศิษย์ยอดธง' อีกด้วย