จากวันนี้ไปอีกเพียง 3 วันเท่านั้น เดือนกุมภาพันธ์ก็จะสิ้นสุดลง และเดือนมีนาคมก็จะคืบคลานเข้ามาแทน...

เมื่อพูดถึงเดือนมีนาคม สิ่งที่คนไทยจะต้องนึกถึงตามมาก็คือ เรากำลังจะเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูร้อนกันแล้วล่ะ

แม้ว่ากรมอุตุนิยมวิทยาท่านจะให้คำจำกัดความไว้ว่า ฤดูร้อน ของประเทศไทยจะเริ่มตั้งแต่กลางกุมภาพันธ์ไปจนถึงกลางพฤษภาคม แต่คนไทยโดยทั่วไปก็มักจะเหมากันว่าฤดูร้อนนั้นเริ่มจากเดือนมีนาคมไปจบที่เดือนพฤษภาคมเสียมากกว่า

จริงๆแล้วฤดูร้อนก็ไม่ใช่ฤดูที่น่ารังเกียจอะไรนักหนา แม้คนไทยจะไม่ค่อยชอบความร้อนก็ตาม

แต่เราก็มีวิธีบริหารจัดการที่จะทำให้ฤดูร้อนเป็นฤดูแห่งความสนุกสนาน และเพลิดเพลินได้ตลอดฤดูโดยไม่หวาดหวั่นความร้อน

เราจะเริ่มมีงานวัดต่างๆกันทั่วประเทศในเดือนมีนาคม และบางวัดของบางจังหวัดดูเหมือนจะเริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ด้วยซ้ำ

จากนั้นในเดือนที่ร้อนสุดอย่างเมษายน เราก็จะมีงานเทศกาลสงกรานต์อันชุ่มฉ่ำ นำความเย็นจากน้ำมาช่วยดับความร้อน สนุกสนานกันทั่วประเทศ จนกลายเป็นงานเทศกาลที่ดังที่สุดงานหนึ่งของโลก

พอถึงพฤษภาคมเริ่มมีฝนโปรยลงมาบ้างแล้ว งานใหญ่ที่รอเราอยู่เกือบทุกปีมีถึง 3 งาน ได้แก่ “วันฉัตรมงคล” “วันพืชมงคล” และ “วันวิสาขบูชา”

ด้วยเหตุนี้เมื่อมองย้อนหลังกลับไปฤดูร้อน จึงไม่ใช่ฤดูที่น่ากลัวหรือน่าเบื่อหน่ายแต่อย่างใดเลย กลับเป็นฤดูแห่งความสนุกแห่งการพักผ่อนหย่อนใจที่คนไทยรอคอยเสียด้วยซ้ำ

แต่สำหรับปี 2559 นี้คงไม่ใช่เช่นนั้นเสียแล้ว เพราะจากข่าวล่าสุดที่เราได้รับเมื่อ 2-3 วันก่อนนี้ สรุปได้ว่าน้ำในเขื่อนหลักของเราทั้ง 2 เขื่อน แห้งขอดจนเหลือน้ำแทบจะติดก้นเขื่อนเลยทีเดียว

โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลเหลือปริมาณน้ำล่าสุดประมาณ 4,600 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือร้อยละ 35 ของปริมาณที่จะเก็บกักน้ำได้ทั้งหมดเท่านั้น

...

แม้ว่าจะพอเพียงสำหรับการประทังให้ผ่านพ้นฤดูร้อนปีนี้ไปได้ โดยใช้อย่างประหยัด แต่ก็จะเหลือน้ำน้อยมาก และจะต้องใช้เวลาอีกถึง 4 ปีเต็มๆ โดยมีฝนตกตามฤดูกาลด้วย เขื่อนจึงจะกลับมาเต็มอีกครั้ง

สำหรับที่เขื่อนสิริกิติ์จังหวัดอุตรดิตถ์นั้น มีรายงานว่าเหลือน้ำเพียงแค่ 11 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น น้อยที่สุดในรอบ 40 ปี และถือว่าเป็นวิกฤติครั้งใหญ่สุดในรอบ 47 ปี นับแต่การสร้างเขื่อน

ครับ! จากสถานการณ์ล่าสุดดังที่ประมวลไว้นี้ ทำให้ฤดูร้อนปีนี้ไม่น่าจะเป็นฤดูที่ควรรื่นรมย์กันเสียเลย...แต่จะเป็นฤดูที่จะต้องเผชิญกับ “ภัยแล้ง” ที่รุนแรงมากที่สุด ถ้าทุกๆอย่างเป็นไปดังที่มีการคาดการณ์ไว้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถานการณ์เช่นนี้เป็นเรื่องที่คาดล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว เพราะเป็นผลต่อเนื่องมาจากภาวะฝนแล้งที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา

รัฐบาลจึงได้เตรียมแผนงานโครงการและงบประมาณไว้จำนวนพอสมควร อย่างล่าสุด ครม.ก็อนุมัติงบประมาณเกือบ 1 แสนล้านบาท เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนที่จะเกิดขึ้นแก่เกษตรกรทั่วประเทศ

ผมขอเอาใจช่วยให้โครงการทุกโครงการและเม็ดเงินทุกบาททุกสตางค์จงเกิดประโยชน์ครบถ้วนตามที่ตั้งวัตถุประสงค์ไว้ และขอเตือนล่วงหน้าว่า ข้าราชการคนไหนก็ตาม หน่วยไหนก็ตาม อย่าริอ่านกินเศษกินเลยจากโครงการและวงเงินก้อนนี้เป็นอันขาด

เพราะการโกงกินอย่างเดียวก็เป็นความผิดมหันต์แล้ว...การโกงกินบนความเดือดร้อนของประชาชนจะยิ่งเป็นบาป และมีความผิดที่หนักหนาสาหัสขึ้นอีกหลายเท่า

ส่วนพวกเราชาวกรุงและชาวเมืองที่อยู่ 2 ฝั่งลุ่มแม่น้ำต่างๆที่จะต้องใช้น้ำด้วยเช่นกันนั้น...แม้ทางราชการจะปลอบใจพวกเราว่า มีน้ำใช้อย่างพอเพียงแน่นอน ไม่วิกฤติอย่างสาหัสแน่นอน

แต่เราก็ควรจะต้องประหยัดการใช้น้ำกันอย่างเต็มที่ควบคู่ไปด้วย... อย่างน้อยลดลงสักบ้านละ 20 เปอร์เซ็นต์ หรือมากกว่านั้นก็จะช่วยให้สถานการณ์ปลอดภัยขึ้น

เราจะต้องฝ่าวิกฤติครั้งนี้ไปด้วยกันครับ เมื่อพี่น้องเกษตรกรเจอความทุกข์ยากจากภัยแล้ง เราคนเมือง คนกรุง ก็ควรจะร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย มิใช่สุขสบายอยู่ฝ่ายเดียว

เตรียมตัวเตรียมใจรับภัยแล้ง 2559 กันนะครับ.

“ซูม”