หุ้นได้ประโยชน์!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 พ.ย.58 ปิดที่ 1,423.42 จุด เพิ่มขึ้น 10.80 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 41,684.21 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 158.24 ล้านบาท

บล.กสิกรไทย ประเมิน ครม. เห็นชอบวาระสำคัญที่มีผลต่อหุ้นรายกลุ่มรายตัว โดยกรณีการร่นระยะเวลาการดำเนินงานการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน (PPP) ซึ่งได้ออกแบบขั้นตอนใหม่ให้เร็วขึ้นหรือที่เรียกว่า PPP fast track จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการเตรียมโครงการและนำเสนอโครงการ 1 ปี 11 เดือน จะเหลือเพียง 9 เดือนเท่านั้น มีโครงการนำร่อง 6 โครงการวงเงินรวม 3.47 แสนล้านบาท มองเป็นประโยชน์ โดยตรงต่อกลุ่มรับเหมาฯ CK-STEC-ITD-UNIQ และกลุ่มขนส่งทางราง BTS-BMCL ส่วนการเห็นชอบมาตรการกระตุ้นให้ภาคเอกชนเร่งลงทุนในปี 58-59 โดยขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีนั้นเบื้องต้นจะเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม AMATA -WHA-ROJNA

ขณะที่การต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีจากการลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF ออกไปอีก 3 ปี จากเดิมที่จะหมดอายุสิ้นปี 59 แต่เพิ่มเงื่อนไขต้องถือครอง 7 ปีปฏิทินจากเดิมที่ 5 ปีปฏิทิน ถือเป็นประโยชน์ต่อตลาดโดยรวม ที่จะยังมีแรงหนุนจากการซื้อ LTF โดยหากไม่มีการต่ออายุ ตั้งแต่ปี 60 ตลาดจะเจอแต่แรงขาย LTF ซึ่งปัจจุบันมีของพร้อมขายอยู่ประมาณ 1.3 แสนล้านบาท

นอกจากนี้ยังมองตลาดมีโอกาสปรับขึ้นตามตลาดต่างประเทศ โดยกลยุทธ์ยังคงชอบหุ้น PE ต่ำกว่าตลาดอย่างธนาคาร BBL-TCAP และหุ้นที่มีประเด็นบวกหนุนคือ CK รวมทั้งหุ้น AOT-CENTEL ที่เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว รวมทั้ง PTTEP ที่ราคาอยู่ในระดับต่ำมากแล้ว คาดว่าผลประกอบการจะดีขึ้นไตรมาส 4 ต่อเนื่องถึงปี 59 รวมทั้งหุ้น Laggard Plays เลือก ERW-BA และหุ้น High Dividend และ High Upside เลือก ADVANC-INTUCH-BTS-ASK

ปิดท้าย “ไพบูลย์ นลินทรางกูร” นายกสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน คาดดัชนีหุ้นไทย 3-6 เดือนข้างหน้าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้รับผลดี จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐ ขณะที่ประเทศใหญ่หลายประเทศจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกรอบหนึ่ง เช่น ยุโรปจะมีการประชุมเดือน ธ.ค. เพื่อขยายระยะเวลาการทำ QE ออกไปอีก 6 เดือน รวมทั้งจีนและญี่ปุ่น จะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ซึ่งจะทำให้มีเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในไทย หลัง 3 ปีที่ผ่านมาต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง และคาดว่าดัชนีหุ้นไทยช่วงสิ้นปีนี้จะอยู่ที่ 1,500 จุดได้!!.

อินเด็กซ์ 51