(ภาพ: REUTERS)
เมียนมาออกกฎควบคุมจำกัดการใช้เงินดอลลาร์สหรัฐฯในการทำธุรกรรมการเงินภายในประเทศของภาคเอกชน เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินจ๊าต สกุลเงินหลักของประเทศที่อ่อนค่าลงกว่า 20% แล้วในปีนี้
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. ธนาคารกลางของเมียนมา (ซีบีเอ็ม) ได้ประกาศจะเพิกถอนใบอนุญาตแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศของภาคเอกชนไล่ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจจำพวกโรงแรม ร้านอาหาร สโมสรกอล์ฟไปจนถึงโรงพยาบาล และอื่นๆ หลังมีการใช้เงินดอลลาร์ในการทำธุรกรรมภายในประเทศมากเกินไปนับแต่ยอมให้ใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวสำหรับเงินจ๊าตมาตั้งแต่ปฏิรูปเศรษฐกิจการเมืองหลังสิ้นสุดการปกครองของทหารในปี 2554 ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนไร้เสถียรภาพ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวซึ่งใช้ดอลลาร์อย่างแพร่หลาย อีกทั้งทำให้ค่าเงินจ๊าตอ่อนค่าลงกว่า 20% ในปีนี้ จนเงินจ๊าตกลายเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดในภูมิภาค โดยอัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ที่ 1,283 จ๊าตต่อ 1 ดอลลาร์ ซึ่งถ้าไม่ทำธุรกรรมด้วยดอลลาร์ก็ต้องถือธนบัตรเงินจ๊าตเป็นปึกๆ
“ระเบียบใหม่มีขึ้นเพื่อส่งเสริมให้มีการใช้เงินจ๊าตชำระค่าสินค้าและบริการภายในประเทศ และเพื่อลดการใช้เงินสด ภาครัฐจะสนับสนุนให้ใช้บัตรเดบิต บัตรเครดิต บัตรชำระสินค้าภายในและระบบจ่ายเงินออนไลน์ภายในประเทศแทน” ซีบีเอ็มระบุ
อย่างไรก็ดี ภายใต้กฎระเบียบใหม่นี้ ภาคธนาคารและบริษัทผู้รับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างเป็นทางการยังสามารถแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ได้อยู่ แต่บริษัทอื่นๆทั้งภาคเอกชนและที่กองทัพดำเนินการอย่าง เมียนมา อีโคโนมิก โฮลดิ้ง ต้องส่งคืนใบอนุญาตภายในปลายเดือน พ.ย.นี้
ข่าวระบุว่าเมียนมาไม่ใช่ประเทศเดียวในภูมิภาคเอเชียที่เงินดอลลาร์ถูกใช้เป็นสกุลเงินหมายเลข 2 ของประเทศอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อทดแทนสกุลเงินท้องถิ่นเมื่อต้องทำธุรกรรมมูลค่าสูงๆ อย่างในกัมพูชา มีการใช้ดอลลาร์ควบคู่กับเงินเรียลซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในกรณีเกี่ยวข้องเงินดอลลาร์เศษย่อยหรือจำนวนไม่มาก
...
วันเดียวกัน เมียนมาอนุญาตให้ทีมสังเกตการณ์การเลือกตั้งของสหภาพยุโรป (อียู) เข้าตรวจสอบคูหาเลือกตั้งที่อยู่ในอาคารหรือสำนักงานของกองทัพได้ระหว่างการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 8 พ.ย.นี้ เว้นแต่ว่าจะมีความวิตกเรื่องความมั่นคงที่ร้ายแรงถึงจะไม่อนุญาต.