โฟกัสหุ้น ADVANC!!

ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 4 ส.ค.58 ปิดที่ 1,432.16 จุด ลดลง 9.88 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 36,344.58 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,057.75 ล้านบาท

หุ้นที่ซื้อขายสูงสุด WICE ปิด 3.74 บาท เพิ่มขึ้น 0.48 บาท, ADVANC ปิด 244 บาท ลบ 3 บาท, PTT ปิด 318 บาท ลบ 9 บาท, PK ปิด 6.65 บาท เพิ่มขึ้น 0.95 บาท และ KBANK ปิด 180 บาท ลบ 1.50 บาท

โฟกัสหุ้น ADVANC ที่โบรกเกอร์ทุกสำนักใจตรงกันแนะนำให้ “ซื้อ” โดย บล.ทรีนีตี้ ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 322 บาท ตามด้วย เอเซียพลัส และโกลเบล็ก ที่ให้ราคาเป้าหมายเท่ากันที่ 285 บาท ขณะที่ ซีไอเอ็มบี ให้ราคาเป้าหมาย 278 บาท ส่วนอาร์เอชบี โอเอสเค (ประเทศไทย) และบัวหลวงให้ราคาเป้าหมายตามพื้นฐานเท่ากันที่ 270 บาท ขณะที่ เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ถือ” ให้ราคาเหมาะสม 262 บาท และทิสโก้แนะ “ซื้อ” ให้มูลค่าเหมาะสม 255 บาท

ด้าน บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส แนะ “ถือ” ให้ ราคาพื้นฐาน 225 บาท (downside ลง 9%)

โดย บล.ทรีนีตี้ที่ให้ราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 322 บาท ระบุว่า บริษัทมีความพร้อมในการเตรียมประมูล 4 จีคลื่น 1800 MHz ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ โดยเชื่อว่าบริษัทจะเป็นผู้ชนะการประมูลสำหรับคลื่น 1800 MHz นี้ และจะทำให้ ADVANC กลับมาเป็นผู้นำในแถวหน้าอีกครั้ง หลังให้คู่แข่งวิ่งนำไปหลายก้าว ซึ่งจะทำให้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นได้อีก นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาข้อตกลงที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับ TOT ซึ่งบริษัทเห็นถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันทั้ง Mobile และ Fixed Broadband น่าจะเป็น Synergy ที่ดี ซึ่งน่าจะได้เห็นข้อสรุป ส.ค.-ก.ย. นี้

ทั้งนี้ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิไว้ที่ 40,688 ล้านบาท โดย 1H58 มีกำไรสุทธิแล้ว 19,745 ล้าน ขณะที่บริษัทจะจ่ายปันผล 6.50 บาทต่อหุ้น ขึ้นป้าย XD 11 ส.ค. นี้

โฟกัสอีกกลุ่ม หุ้นพลังงานทดแทน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ ระบุว่าความล่าช้าในการประมูลรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน และการที่มีกำลังการผลิตเปิดประมูลน้อยกว่าคาด ไม่ใช่สัญญาณลบสำหรับอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนของไทย เนื่องจากรัฐตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนสูงถึง 20% ภายในปี 2036 หรือเพิ่มขึ้นสามเท่าจากปัจจุบัน 3GW เป็น 12GW

จึงคงคำแนะนำ Overweight และมองว่าข่าวนี้เป็นโอกาสดีที่จะเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มไฟฟ้าที่คาดจะมีกำไรแข็งแกร่งและสม่ำเสมอ โดยหุ้น top pick ในกลุ่ม IPP คือ RATCH และกลุ่มพลังงานทดแทนคือ EA เนื่องจากทั้ง 2 บริษัทคาดจะมีอัตราการเติบโตของกำไรแข็งแกร่งและสม่ำเสมอ และน่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการประมูลมากนัก!!

อินเด็กซ์ 51