ผ่าน ครม.ออกมาเรียบร้อยแล้ว ร่างกฎหมายควบคุมยาสูบฉบับใหม่ เพื่อปกป้องเยาวชนไทยให้ห่างไกลจากบุหรี่ ทันฉลอง วันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคม พอดี พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกรัฐบาล แถลงกฎหมายใหม่ ห้ามเยาวชนอายุ 20 ปี ลงมาซื้อบุหรี่ และ ห้ามบริษัทบุหรี่สนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม หรือ ซีเอสอาร์ เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ทางอ้อมด้วย

ผมในฐานะที่ร่วมรณรงค์ให้คนไทยเลิกสูบบุหรี่มาหลายสิบปี ก็ต้องขอบคุณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ คณะรัฐมนตรี ที่มองเห็น “ภัยร้ายจากบุหรี่” คลอดกฎหมายฉบับนี้ออกมาปกป้องคนไทยและเยาวชนไทยในอนาคต

วันนี้ เด็กเยาวชนไทยอายุต่ำกว่า 18 ปีกว่า 400,000 คน ตกเป็น ทาสเสพติดของบุหรี่ ที่มีส่วนผสมเสพติดมากมาย เป็นการ ทำลายสุขภาพคนไทยตั้งแต่ยังเป็นเด็กและเยาวชน ส่งผลให้ ป่วยด้วยโรคร้ายจากบุหรี่ในวัยอันไม่สมควร เพราะคนที่สูบบุหรี่เป็นสิบปีขึ้นไป ไม่มีทางหนีพ้นโรคร้ายจากบุหรี่ ทำให้คุณภาพชีวิตตัวเองและครอบครัวมีแต่ความเลวร้าย จากโรคร้ายที่รักษาไม่หายได้แต่ซื้อชีวิตไปวันๆจนกว่าจะตาย

มหันตภัยของบุหรี่ไม่เพียงทำร้ายสุขภาพของผู้สูบและผู้คนรอบข้าง แต่ยังทำร้ายไปถึงเศรษฐกิจในครอบครัว เศรษฐกิจของชาติโดยรวม เพราะเมื่อป่วยด้วยโรคบุหรี่ เช่น โรคถุงลมโป่งพอง จะทำงานไม่ได้ เดินเหินเองก็ยังไม่ได้ ต้องพึ่งลูกหลานดูแลตลอดทุกวันไปจนตาย และยังต้องเสียเงินค่ารักษาอีกมหาศาลจนกว่าจะตาย

ทุกปีรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณกว่า 60,000 ล้านบาท จากภาษีประชาชน เพื่อช่วยรักษา “คนจน” ที่ ป่วยด้วยโรคร้ายจากบุหรี่ ที่รักษาไม่หาย แต่ซื้อความตายไปวันๆ โดยบริษัทผู้ผลิตบุหรี่และขายบุหรี่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย ฟันกำไรอย่างเดียว

สมเด็จพระราชาธิบดีบรูไน สุลต่าน ฮาจี ฮัซซานัล โบลเกียห์ เคยมีพระราชดำรัสถึงมาตรการควบคุมบุหรี่ใน ประเทศบรูไน ว่า
“แม้จะมีผู้ถกเถียงว่ายาสูบสร้างรายได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ยาสูบเป็นอันตรายอย่างมากต่อสุขภาพและชีวิต หากพิจารณามิติด้านเศรษฐกิจ เรามีทางเลือกมากมาย แต่หากพิจารณามิติด้านสุขภาพและชีวิต เรามีทางเลือกอื่นหรือ คำตอบคือไม่มี ฉะนั้นประเด็นจึงค่อนข้างชัดว่าเราจะเลือกยาสูบตามมุมมองด้านเศรษฐกิจ ซึ่งมีทางเลือกอื่นหลายทาง หรือจะเลือกสิ่งที่เราไม่มีทางเลือกอื่น นั่นคือการคุ้มครองสุขภาพและชีวิต”

...

หลังจากที่ สมเด็จพระราชาธิบดีบรูไน มีพระราชดำรัสแล้ว จุฬาราชมนตรีบรูไน ก็ประกาศให้ การสูบบุหรี่เป็นสิ่งต้องห้าม รัฐบาลบรูไนขึ้นภาษีบุหรี่สูงลิ่ว และเข้มงวดการเปิดร้านขายปลีกบุหรี่ พื้นที่ในรัศมี 1 กิโลเมตร อนุญาตให้มีร้านขายบุหรี่เพียงร้านเดียว ทั่วประเทศบรูไนมีร้านขายบุหรี่เพียง 100 ร้านเท่านั้น

ผมขอฝาก พระราชดำรัส ของ สมเด็จพระราชาธิบดีบรูไน ไปยัง คณะกรรมการกฤษฎีกา ที่จะพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อไป ฝากไปยัง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่จะต้องพิจารณาออกมาเป็นกฎหมาย

เราจะเลือก คุ้มครองสุขภาพและชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ หรือ สนับสนุนพ่อค้าบุหรี่ ที่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของประเทศชาติ ด้วยการ ทำลายสุขภาพและชีวิตของคนไทย และ เศรษฐกิจไทยในภาพรวม เรื่องนี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ไม่ต้องคิดด้วยซ้ำว่า เราควรจะเลือกทางไหน เหมือนพระราชดำรัสกษัตริย์บรูไน

เมื่อกฎหมายใหม่มีผลบังคับใช้ ผมเชื่อว่าจะช่วยให้เด็กเยาวชนไทยสูบบุหรี่ลดลง การเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ในสิ้นปีนี้ จะส่งผลให้ บุหรี่ต่างประเทศ เข้ามาเมืองไทยมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อ ชาวไร่ยาสูบ ผมจึงขอเสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาเรื่องนี้แต่เนิ่นๆ เพื่อช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่นทดแทน

การบริหารประเทศ สุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นสิ่ง สำคัญที่สุดครับ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”