ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 27 มี.ค.58 ปิดที่ 1,495.22 จุด ลดลง 1.19 จุด มีมูลค่าการซื้อขาย 33,356.34 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 1,046.52 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด TRUE ปิด 12.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.2 บาท JAS ปิด 5.7 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท BBL ปิด 180 บาท เพิ่มขึ้น 1 บาท SCC ปิด 522 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท และ INTUCH ปิด 78 บาท ลดลง 0.5 บาท
บล.ธนชาต มองทิศทางตลาดยังอ่อนแอจากปัจจัยภายในและนอกประเทศ ทำให้ตลาดอยู่ในแนวโน้ม “พักฐาน” ใหญ่ต่อเนื่อง โดยแรงซื้อค่อนข้างจำกัด ขณะที่แรงขายสลับเข้ามาในหุ้นใหญ่ต่อเนื่อง
ถ้าพิจารณาจากมูลค่าการซื้อขายจะเห็นว่านักลงทุนส่วนใหญ่อยู่ในช่วง “Wait & See” มากกว่าที่จะตัดสินใจลงทุนช่วงนี้ เนื่องจากตัวเลขเศรษฐกิจยังแสดงถึงความอ่อนแอต่อเนื่อง
ขณะที่การตัดสินใจลงทุนถูกชะลอออกไป เนื่องจากกำลังเข้าสู่ช่วงหยุดยาวตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ของ เม.ย. และต้น พ.ค. ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศถูกกดดันจากปัญหาหนี้กรีซ แนวโน้มขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และล่าสุดปัญหาสู้รบในตะวันออกกลาง
ขณะที่การ “ฟื้นตัว” ทางเทคนิคจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อตลาดสามารถกลับมายืนได้เหนือแนวต้านที่ 1,510 จุด และจะเกิดสัญญาณ “กลับตัว” ก็ต่อเมื่อกลับไปยืนได้เหนือ 1,555 จุด ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นเกิน 4.5 หมื่นล้านบาท
ปิดท้าย บล.กรุงศรี ออกบทวิเคราะห์หุ้นกลุ่มแบงก์ โดยปรับลดน้ำหนักการลงทุนจาก “มากกว่าตลาด” เหลือ “เท่ากับตลาด”
สะท้อนเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า แม้ว่าราคาหุ้นไม่แพง แต่ขาดปัจจัยบวกด้านการเติบโต และยังมีความเสี่ยงที่สินเชื่อ และกำไรสุทธิอาจเติบโตอ่อนแอกว่าคาดได้
ทั้งนี้ มองว่าราคาหุ้นไม่ได้แพง เนื่องจากกลุ่มแบงก์ซื้อขาย P/BV ปี 58 ที่ 1.4 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 1.6 เท่า) และซื้อขาย P/E ปี 58 ที่ 9.9 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ 11.4 เท่า) แต่ยังขาดปัจจัยบวกด้านการเติบโต เลือก KBANK (ให้มูลค่าเหมาะสม 263 บาท) เพราะพื้นฐานแข็งแกร่ง สินเชื่อโตสม่ำเสมอ และ KTB (ให้มูลค่าเหมาะสม 27.50 บาท) ได้ประโยชน์จากการลงทุนรัฐ และการตั้งสำรองหนี้ลดลงผลักดันกำไรโตดีขึ้น เป็น Top pick ในกลุ่มแบงก์!!
อินเด็กซ์ 51