ไม่เอา‘ประชานิยม’ เข้มชุดสื่อทําเนียบ
“ประยุทธ์” ไม่ปลื้มสื่อยังเทียบ “ประชานิยม-ประยุทธ์นิยม” ให้ใช้ “ไทยนิยม” แทน ถ้าปฏิรูปสำเร็จจะเป็น “ไทยโมเดล” ขอตะโกนดังๆ “รักประเทศไทย-รักคนไทยทุกคน” ตอกฝ่ายการเมืองอย่ามาโอดครวญแห้วเก้าอี้ สปช. ยุคทหารเลขาฯนายกฯคุมเข้มเครื่องแต่งกายสื่อ ขู่ใครแตกแถวไม่ต่อวีซ่าบัตรเข้าทำเนียบ สปช.คึกคักรายงานตัววันแรก 41 ราย “น้องวิษณุ” ปฏิเสธมีวันนี้เพราะพี่ให้ “ชัยอนันต์” ปัดถูกทาบนั่งประธานฯ แนะรัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึก “จาตุรนต์” สับ สปช.มีแต่พวกหุ่นยนต์ “บิ๊กป้อม” ปรามห้ามใช้งานศพ “อภิวันท์” จุดไฟขัดแย้ง “บิ๊กตู่” ชี้คดีหมิ่นสถาบันเป็นอันจบ ผวาท้องถิ่นลุกฮือสั่งสยบข่าวยุบ อปท. เตรียมดัน พ.ร.บ.ตั้ง 3 เขตปกครองพิเศษ สมาคม อบจ.จวกพวกผุดไอเดียเอาใจนาย “รัชตะ” ยอมคายเก้าอี้อธิการบดีมหิดล สภาคณาจารย์เร่งเดินหน้าสรรหาอธิการบดีคนใหม่ทันที ป.ป.ช.จ่อเรียกน้อง “บิ๊กตู่” แจงยื่นบัญชีผิด
หลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ประกาศพอใจกับผลงานในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา กลางวงประชุมร่วม ครม.และ คสช. ล่าสุดขอร้องสื่อเลิกใช้คำแสลงใจ “ประชานิยม-ประยุทธ์นิยม” ไปใช้คำใหม่ “ไทยนิยม” หรือ “นิยมไทย” แทน
“บิ๊กตู่” ปลื้มไม่จบผลงาน 4 เดือน
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 ต.ค.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า จากการประชุมร่วม คสช.และคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ต.ค. ผลงานที่พอใจคือ 1.เรื่องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 2.การบริหารราชการแผ่นดินที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย แต่ทั้งหมดต้องมีการปรับแก้ให้เป็นเชิงรุก ไม่ใช่แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ หรือใช้เงินทองมากเกินเหตุ ต้องทำคู่กันคือลดความเดือดร้อนโดยทันที เช่น ดูแลผู้มีรายได้น้อย สร้างความเข้มแข็งในกระบวนการผลิต ลดต้นทุน จัดโซนนิ่ง ซึ่งตนมอบนโยบายไปว่า การเปลี่ยนจากประเทศรายได้น้อยไปสู่รายได้ปานกลาง ประเทศรอบบ้านไปได้เร็วกว่า เรามัวแต่ทะเลาะกันอยู่ตั้งนาน เราเพิ่งเริ่มต้นหลุดพ้นจากกับดัก
...
ไม่แฮปปี้คำว่า “ประยุทธ์นิยม”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ความท้าทายของรัฐบาลคือการสร้างอาชีพและรายได้ให้ประชาชนอย่างเป็นธรรม ไม่มีการทุจริตผิดกฎหมาย ลดความเหลื่อมล้ำ แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องเท่ากันหมด ถ้าทุกคน มีรายได้เท่ากัน ทุกอย่างต้องเป็นของรัฐทั้งหมดและรัฐต้องแบ่งปัน แต่วันนี้เป็นประชาธิปไตย ทุนมากทำมาก ทุนน้อยทำน้อย ใครไม่มีทุนต้องให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ไม่ใช่เอาเงินมาแจกเท่ากันหมด ใครเดือดร้อนต้องดูแล อย่างการช่วยเหลือชาวนาในช่วงนาปี ต่อไปนี้เลิกพูดดีกว่า คำว่าประชานิยม เมื่อถามว่าวันนี้รู้สึกอย่างไรที่เริ่มมีคนพูดถึงคำว่า “ประยุทธ์นิยม” พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ใช่มั้ง อย่าไปเรียกอย่างนั้นเลย ไม่ดีใจที่มีคนเรียกอย่างนี้ หรือเรียกว่าประยุทธ์ฟีเว่อร์ เพราะแค่ฟีเว่อร์เดี๋ยวมันก็หายไป อยากให้เป็นประเทศไทยนิยมหรือนิยมประเทศไทย
ปฏิรูปสำเร็จขอใช้ “ไทยโมเดล”
เมื่อถามว่าลำบากใจหรือไม่ถ้าประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกฯยาวครบ 4 ปี พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า แค่นี้ก็แย่พอแล้ว เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าจะเป็นนายกฯแค่ 1 ปีหรือ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่รู้ ไม่ทราบ เมื่อถามว่าถ้าการปฏิรูปทำได้สำเร็จจะกลายเป็น “ประยุทธ์โมเดล” หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “ไม่ใช่ผม ไม่ใช่ประยุทธ์โมเดล แต่เป็นของคนไทยทุกคน เรียกว่าไทยโมเดล ประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้ ต้องมีอนาคต ต้องมีวิสัยทัศน์ มีแผนงาน มียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ไปแค่จับไม้จับมือทักทายสวัสดีแล้วเดินทางกลับ โดยไม่ไปพูดว่าเรามีอะไรเสนอหรือเปิดช่องทางให้ต่างชาติเข้ามาค้าขายกับเราได้บ้าง” เมื่อถามว่าวันนี้อยากตะโกนดังๆให้คนได้ยินทั้งประเทศจะตะโกนคำว่าอะไร พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า “รักประเทศไทย รักคนไทยทุกคน” หน้าที่ของตนวันนี้ คือ 1.พูดด้วย คิดด้วย ประสานงานอย่างบูรณาการ ขับเคลื่อนงาน 3-4 แท่ง บริหารราชการแผ่นดินด้วยความโปร่งใส 2.ปฏิรูปประเทศให้ได้ 3.สร้างความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินให้ได้ 4.วางยุทธศาสตร์ประเทศระยะยาว
แจงพูดมากไม่อยากให้คนมโน
เมื่อถามว่า แสดงว่าต้องอยู่ยาวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า บางคนก็บอกว่าให้อยู่ปีเดียว บางคนถามว่าอยู่ปีเดียวจะทำงานทันหรือ ก็ไม่รู้จะตอบตรงไหนดี เอาเป็นว่าตอนนี้ให้ทุกคนรู้ว่าประเทศเรามีปัญหาอะไรบ้าง ทุกคนต้องช่วยและเป็นกำลังใจให้รัฐบาลทำงาน เดี๋ยวมันก็แก้ไขได้ และที่ต้องพูดมากทุกวันเพราะต้องการอธิบายให้สังคมเข้าใจ ถ้าพูดน้อยแล้วจะรู้เรื่องกันไหม ไม่เช่นนั้นก็จะไปมโนกันอยู่เรื่อย พูดขนาดนี้ยังเข้าใจไม่ตรงกันเลย เป็นคนชอบอธิบายให้คนทั้งประเทศเข้าใจในเจตนาตนและรัฐบาล ถามว่าใครอยากจะมาเป็นใครอยากจะมาทำก็มา ไม่เห็นมีใครสมัครเลยตอนนั้น ตนถึงต้องเข้ามาทำ ยืนยันว่าเป็นกลาง แต่วิธีการและขั้นตอนต้องไปว่ากันอีกที บางครั้งมีอารมณ์โกรธบ้างต้องยอมรับว่าเป็นมนุษย์เป็นปุถุชน และยังวัยรุ่นอยู่
ตอกฝ่ายการเมืองอย่ามาโอดครวญ
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การคัดเลือกบุคคลเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า ขอถามพวกพรรคการเมืองที่ตำหนิเราว่าสมัครมาหรือไม่ ถ้าไม่สมัครเข้ามาจะไปเลือกได้อย่างไร จะให้ไปเชิญมาก็ไม่ใช่หน้าที่ ตนเลือกตามที่สมัครมา แต่พอพวกหนึ่งไม่เข้ามาอีกพวกหนึ่งเข้ามามันเกิดเป็นประเด็น ฉะนั้นต้องไปบอกพวกเขาว่า ถ้าไม่ได้สมัครเข้ามาก็ไปหาหนทางเข้ามาตามช่องทางที่เปิดไว้ให้ ส่วนสมาชิกที่ตกรอบแรกไป 7,000 กว่าคน สั่งการไปแล้วว่าให้ตั้งเป็น 2 คณะได้ไหม คณะแรกคือ 250 คน คณะที่ 2 เป็นที่ปรึกษา ใครอยากพูดอะไรให้ส่งมาตามช่องทางนั้น ฉะนั้นมีงานทำหมด
ยึดโควตา กมธ.ยกร่างฯตาม รธน.
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวร รัฐบาลมีโควตาในใจหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า มีกำหนดไว้แล้วในรัฐธรรมนูญชั่วคราว ว่าแต่ละหน่วยงานมีโควตาได้กี่คน ตนยังไม่รู้เลยว่ามีใครบ้าง ต้องนำชื่อทั้งหมดมาดูและหารือร่วมกัน คนที่ทำต้องทำให้เกิดความยั่งยืนไม่ใช่สร้างปัญหา แต่ประเด็นอยู่ที่ทำให้ประชาชนยอมรับนั้นทำอย่างไร ต้องสร้างการยอมรับว่าเราต้องการให้ประเทศไทยเป็นอย่างไร แบบเดิมหรือแบบใหม่ ถ้าอยากได้แบบใหม่ต้องเปลี่ยนวิธีการเป็นแบบใหม่ อาจไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย แล้วจะรับได้ไหม หากไม่ได้จะทำแบบไหน ฉะนั้นการปฏิรูปไม่ใช่สภายกมือแล้วเสร็จเรียบร้อย ต้องออกเป็นกฎหมาย อย่างเรื่องเลือกตั้ง สนช.ต้องไปใส่ในกฎหมาย บางอย่างก็จำเป็นต้องใส่ในรัฐธรรมนูญ
อย่าเพิ่งถามเรื่องประชามติ
เมื่อถามว่า หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะทำประชามติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า การทำประชามติเป็นอีกเรื่องหนึ่งว่าจะทำได้อย่างไร เหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่ อย่าเพิ่งถามดัก เอาเรื่องที่ยังไม่เกิด มาถามวันนี้ไม่ได้ ค่อยๆทำไป วันนี้ยังไม่ได้เริ่มก็จะตีกันแล้ว ถ้าตอนนั้นสถานการณ์ปกติดี ทำประชามติได้ก็ทำไป ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่ได้ ต้องถามว่าเราต้องการเปลี่ยนประเทศเราไหม เราต้องการปรับปรุงประเทศไปสู่อนาคตไหม
ลั่นไทยต้องมีกฎหมายสยบม็อบ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการชุมนุมว่า กำลังดำเนินการอยู่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ทำมาตั้งแต่ต้นแล้ว ที่กฎหมายฉบับนี้ไม่สามารถออกมาได้ก่อนหน้านี้เพราะเป็นเรื่องการเมือง ที่ต้องมีมวลชนสนับสนุนมาต่อสู้ให้พรรคการเมือง กฎหมายจึงออกมาไม่ได้เพราะอาจไปจำกัดกลุ่มของตนเอง วันนี้เราไม่ต้องการให้มีกลุ่มของใครทั้งสิ้น ต้องมีกฎหมายนี้ออกมารอบบ้านมีหมดแล้ว คนไทยต้องยอมรับกติกากันบ้าง วันนี้การเมืองคือการเมืองตนไม่ได้ขัดแย้งกับใคร แต่เห็นว่าควรมีจะได้ป้องกันเจ้าหน้าที่ได้ ไม่อย่างนั้นเจ้าหน้าที่จะมีปัญหากระทบกระทั่งกับประชาชนเมื่อได้รับคำสั่งให้ไประงับการชุมนุม หากมีคนไม่ดีขึ้นมาคนสองคนใช้อาวุธ เจ้าหน้าที่ก็ตายประชาชนก็ได้รับบาดเจ็บ ท้ายสุดเจ้าหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ หากทุกรัฐบาลคิดได้แบบตน การเมืองก็ว่ากันไปแต่ต้องไม่ลืมเสียงส่วนน้อย ต้องดูแลทั้งเสียงส่วนน้อยเสียงส่วนใหญ่ เพราะคือคนไทย
เตรียมบินมิลานร่วมเวทีอาเซม
นายกฯยังกล่าวถึงการเดินทางไปประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-ยุโรป (อาเซม) ระหว่างวันที่ 16-17 ต.ค. ที่กรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ว่า เท่าที่ทราบมีโอกาสได้พบผู้นำประเทศในอาเซียน จีน และญี่ปุ่น ส่วนผู้นำทางยุโรปมี ฮอลแลนด์ และสวิตเซอร์แลนด์ อาเซมเป็นเวทีสุดยอดของเอเชียกับยุโรป ต้องไปพูดว่าเราจะสร้างความเข้มแข็ง เช่น การสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐาน การบริหารจัดการน้ำ การปรับปรุงระเบียบการค้า การธนาคาร ให้ทันต่อกติกาของโลกและยุโรปอย่างไร วันนี้เราไม่พร้อมอะไรเลยแต่เรากำลังทำอยู่ และต้องทำให้เร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นเราจะถูกข้อห้ามทางสัญญาการค้า ส่วนกรณีสหภาพยุโรป (อียู) จะตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร (จีเอสพี) สินค้าไทยอีก 723 รายการ หลังจากวันที่ 1 ม.ค.2558 นั้น เป็นปัญหาที่ต้องไปคุยกันว่าขอยืดเวลาได้ไหม ต้องผ่อนผันเราบ้าง เช่น ลดสิทธิภาษี ถ้าไม่ได้รับการยกเว้นราคาต้นทุนก็สูง เนื่องจากค่าแรงเราสูง เราสู้ประเทศที่มีค่าแรงถูกไม่ได้
จ่อถกผู้นำพม่าสานความร่วมมือ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ส่วนการเดินทางเยือนสหภาพเมียนมาร์ ระหว่างวันที่ 9-10 ต.ค. จะหารือเรื่องการค้าชายแดน ความมั่นคง เศรษฐกิจ การลงทุน การเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน รวมถึงเรื่องยาเสพติด ทรัพยากรธรรมชาติ ส่วนความร่วมมือในเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย จะเป็นความร่วมมือของ 3 ประเทศ ไทย พม่า และญี่ปุ่น ตนมีกำหนดการพบกับตัวแทนนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นใช้คำว่าไทยบวกหนึ่งตนรับได้ คือประเทศในอาเซียนถ้ามาลงทุนที่ไทย ก็เริ่มที่หนึ่งและเชื่อมต่อไปยัง ลาว กัมพูชา เมียนมาร์ ซึ่งญี่ปุ่นจะไปพิจารณา
ยุคทหารคุมเข้มเครื่องแต่งกายสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าเจ้าหน้าที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้แจ้งกับสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาลว่า จากนี้ไปขอความร่วมมือให้แต่งกายสุภาพเรียบร้อยเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยอ้างว่าเป็นคำสั่งจาก พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี โดยผู้สื่อข่าว ช่างภาพและผู้ช่วยช่างภาพ ต้องไม่สวมกางเกงยีนส์สีอ่อน-ขาด เสื้อยืดคอกลม และต้องไม่ปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกง หรือกระโปรง หากไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการบันทึกรายชื่อไว้ และจะไม่ออกบัตรประจำตัวสื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ที่ใช้ผ่านเข้า-ออกทำเนียบฯให้ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เคยมีการขอความร่วมมือมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งสื่อมวลชนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในทำเนียบฯก็ให้ความร่วมมือดี โดยเฉพาะวันประชุม ครม. หรือมีแขกต่างประเทศมาเยือนหรือมีวาระสำคัญในโอกาสต่างๆ ผู้สื่อข่าวชายจะสวมเสื้อเชิ้ต หรือแต่งสูทผูกเนกไท ส่วนผู้สื่อข่าวหญิงจะสวมกระโปรง หรือกางเกงผ้าสีสุภาพ แต่การระบุว่าหากไม่ปฏิบัติตามจะไม่อนุญาตต่อบัตรประจำตัวสื่อมวลชนประจำทำเนียบฯ จึงเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นมาตรการที่เข้มงวดสมกับเป็นยุครัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจ
สปช.คึกคักรายงานตัววันแรก
วันเดียวกันเวลา 08.00 น.ที่ห้องโถง อาคารรัฐสภา 1 สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ทยอยเข้ารายงานตัวตามที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สปช.ประกาศรับรายงานตัวตั้งแต่วันที่ 8-15 ต.ค. โดยจัดโต๊ะรับรายงานตัว โต๊ะแสดงตน โต๊ะมอบเอกสารรายละเอียดการปฏิรูป 11 ด้าน ให้สมาชิก สปช.นำไปศึกษา รวมทั้งจัดห้อง รับรองไว้ให้ทำบัตรแสดงตน ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดย พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สปช. เข้ารายงานตัวเป็นคนแรกตั้งแต่เวลา 07.30 น. โดยมีผู้ทยอยเข้ารายงานตัวตลอดทั้งวันรวม 41 คน โดยนายจเร พันธ์เปรื่อง เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สปช. กล่าวว่า คาดว่า สปช.จะประชุมนัดแรกวันที่ 21 ต.ค. เพื่อเลือกประธานฯ และรองประธานฯ
อดีต พท.โต้ไม่ใช่ตัวอุปสรรค
พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สปช. กล่าวว่า อยากทำงานเรื่องปฏิรูปท้องถิ่น ระยะเวลาทำงาน 1 ปีของ สปช. เป็นการเข้ามาจัดระเบียบให้ถูกต้องเพื่อให้เป็นไปตามโรดแม็ป ส่วนที่มองว่าตนมาจากพรรคเพื่อไทยนั้น ยืนยันว่าจะไม่เป็นอุปสรรคกับการทำงาน เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยฝากแนวทางเรื่องปฏิรูปในด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่ พ.ต.อาณันย์ตอบว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ต่างมีแนวทางเป็นของตัวเอง ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเกิดจากความคิดแต่ละฝ่าย แต่ละคนก็อยากเข้ามามีอำนาจจัดการแก้ไข ส่วนบุคคลที่จะมาเป็นประธาน สปช.ต้องเป็นกลาง ไม่เอนเอียง รายชื่อที่ออกมาก่อนหน้านี้ถือว่าเหมาะสมแต่ต้องรอดูต่อไป
“อลงกรณ์” ส่งเทียบเชิญทุกพรรค
นายอลงกรณ์ พลบุตร สปช. กล่าวว่า ต้องเร่งสร้างพิมพ์เขียวปฏิรูปเป็นแผนแม่บทยกเครื่องประเทศครั้งใหญ่สู่อนาคตที่ดีกว่า จะพยายามดึง พรรคการเมืองทุกพรรคให้มีส่วนร่วมในการออกแบบปฏิรูปการเมือง แม้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ส่งลงสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งหน้า ก็พร้อมยอมรับการพิจารณาของพรรคทุกประการ ส่วนจะไปลงสมัครพรรคอื่นแทนหรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่คิดเรื่องการเมือง คิดแต่อนาคตของประเทศสำคัญกว่าอนาคตตัวเองและพรรค อยากให้ทุกพรรคทั้งพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไทย ชาติไทยพัฒนา และทุกพรรค ที่ไม่ได้ส่งคนเข้าสรรหา สปช. มามีส่วนร่วมปฏิรูปประเทศของ สปช.ด้วย ในฐานะเป็นนักการเมืองจะอาศัยประสบการณ์ และความผูกพันความสัมพันธ์เข้าไปพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆให้มีส่วนร่วมปฏิรูปประเทศ เพราะรัฐธรรมนูญและพิมพ์เขียวปฏิรูปประเทศต้องเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย ส่วนผู้ที่เหมาะสมเป็นประธาน สปช.นั้น มีชื่ออยู่ในใจแล้ว ต้องเป็นคนกลางทางการเมือง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด เป็นที่ยอมรับของประชาชน