ชาวบ้านสนใจนักโบราณคดีขุดหาทองโบราณในพื้นที่สวนปาล์มน้ำมัน อ.เขาชัยสน แห่มารอดูนับพันคน จนท.ตีผังแปลงที่จะขุดค้น ล่าสุด ทหารขุดเจอลูกปัดทองคำ เส้นผ่าศูนย์กลาง 4-5 มม.แล้ว

เมื่อช่วงสายวันที่ 7 มิ.ย. 57 ที่บริเวณแปลงปาล์มน้ำมันของ นายวิ ทับแสง อายุ 55 ปี ท้องที่ ม.7 ต.เขาชัยสน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง นายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช และคณะนักโบราณคดี จำนวน 25 คน ได้ร่วมกันเตรียมความพร้อมในการขุดค้นหาทองคำโบราณ หลังมีชาวบ้านแห่กันมาขุดพบทองจำนวนมากก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กางเต็นท์ การนำเครื่องสูบน้ำมาเตรียมสูบน้ำออกจากแปลงปาล์มน้ำมัน วางจุดแนวเขตสำหรับการขุดค้น รวมทั้งเรียกประชุมนักโบราณคดีจากจังหวัดต่างๆ ขณะเดียวกัน ชาวบ้านจากทั้งใน จ.พัทลุง และใกล้เคียงที่รู้ข่าวว่า เจ้าหน้าที่จะเริ่มขุดทองวันนี้ พากันมายืนรอดูอยู่กว่า 1,000 คน มากกว่าทุกวันที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.ท.เจริญพร สอนสังข์ รอง ผกก.(ป) สภ.เขาชัยสน นำกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบ ฝ่ายปกครองเข้ามาดูแลความปลอดภัยในการขุดค้นประมาณ 50 นาย และมีกำลังทหารช่าง ช.401 ค่ายอภัยบริรักษ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ภายใต้การควบคุมของ จ.ส.อ.ศุภชัย ชันเส็ง ผู้บังคับหมวดภาคสนาม ช.401 จำนวน 30 นาย มาร่วมในการขุดค้นด้วย

นายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผอ.สำนักศิลปากรที่ 14 กล่าวว่า จากการตรวจดูโฉนดของที่ดินแปลงดังกล่าว พบว่าบริเวณนี้น่าจะเป็นทางน้ำมาก่อนไม่ต่ำกว่า 1.000 ปี ซึ่งน่าจะมีชาวอินเดียใช้เส้นทางน้ำนี้นำสินค้าเข้ามาค้าขาย ส่วนเจ้าของทองคำและของมีค่าที่พบน่าจะเป็นคนของระดับผู้นำ หรือผู้ใหญ่ของบ้านเมือง จะเกี่ยวข้องกับพระนางเลือดขาวที่มีประวัติก่อสร้างวัดเขียนบางแก้ว อ.เขาชัยสน ซึ่งอยู่ห่างจากแหล่งพบทอง ประมาณ 20 กิโลหรือไม่นั้น จะต้องมีการตรวจพิสูจน์จากสิ่งที่ค้นพบในพื้นที่นี้กันต่อไป ทั้งนี้ การขุดค้นครั้งนี้มีระยะเวลาดำเนินงานแค่ 20 วันเท่านั้น คาดว่าน่าไม่จะเพียงพอ

...

ทางด้าน นายวินัย บัวประดิษฐ์ ผวจ.พัทลุง กล่าวว่า การขุดพบทองคำและทรัพย์สินมีค่าในบริเวณแปลงปาล์มน้ำมันของนายวินั้น ได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วประเทศ ซึ่งหลังจากการเสร็จสิ้นการตรวจพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ทางโบราณสถาน โบราณวัตถุ และศิลปะวัตถุแล้ว จะได้ประสานกับกรมศิลปากรนำทองคำที่ได้รับคืนจากชาวบ้านมาตั้งให้ประชาชนใน จ.พัทลุง ได้ชม โดยจะเริ่มจากจุดแรกที่ว่าการอำเภอเขาชัยสน ซึ่งเป็นพื้นที่พบทอง และไปตั้งให้ประชาชนได้รับชมยังพื้นที่อำเภอต่างๆ ของ จ.พัทลุง ต่อไป มั่นใจว่าหลังจากนี้น่าจะมีการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ขึ้นใน จ.พัทลุง เพื่อเก็บทองคำดังกล่าวและทรัพย์สินที่มีค่าอื่นๆ ที่ขณะนี้ถูกเก็บไว้ในกรุงเทพฯ และ จ.นครศรีธรรมราช อย่างแน่นอน

ขณะที่ พล.ต.ต.สุรศักดิ์ รมยานนท์ ผบก.ภ.จว.พัทลุง กล่าวว่า การคืนทองคำและของมีค่าให้กับกรมศิลปากรเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุด เพราะนอกจากจะได้ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติแล้ว ยังจะได้รับเงินรางวัล 1 ใน 3 ของทรัพย์สินดังกล่าวอีกด้วย ดังนั้น ตนจึงได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ออกขอความร่วมมือผู้ที่ขุดทองพบ ให้นำทองมาคืนกรมศิลปากร จำนวน 2 ชุด คือ ชุดสืบสวน มี พ.ต.อ.สมเกียรติ ฤทธิ์เลื่อน รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้า และชุดสอบสวน มี พ.ต.อ.เอนก ศรีคำอ้าย รอง ผบก.ภ.จว.พัทลุง เป็นหัวหน้า หากยังไม่นำทองมาคืนในระยะเวลาที่กำหนด ทางตำรวจจะดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลเหล่านี้ต่อไป เนื่องจากหลักฐานต่างๆ ของผู้ที่ขุดพบทอง ได้อยู่ในมือตำรวจเกือบทุกคนแล้ว ส่วนผู้ที่เข้ามารับซื้อและนำทองออกไปต่างจังหวัด ก็จะถูกติดตามเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่ จนท.กำลังเตรียมการขุดทองอยู่นั้น ได้มีหญิงสาวรายหนึ่ง อายุประมาณ 20 ปี อ้างว่าเป็นร่างทรงของเจ้าของทรัพย์สินดังกล่าว เดินเข้ามายังสวนยางพาราข้างบริเวณที่ขุดทอง และตะโกนห้ามมิให้ จนท. ทำการขุดค้นทางโบราณคดี โดยตะโกนเสียงดังว่าจุดที่จะขุดค้นตนได้มอบให้กับนายวิ เจ้าของที่ดินคนเดียว ห้ามนำทองไปไว้ที่อื่นโดยเด็ดขาด มิฉะนั้น จะเกิดอาเพศแก่ผู้ขุดค้นอย่างแน่นอน ต่อมา จนท.ได้พาหญิงดังพากล่าวออกไป ท่ามกลางชาวบ้านที่มุงดูด้วยความสนใจ

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ นักโบราณคดีได้ตีผังพื้นที่สำหรับการขุดค้น ในเนื้อที่ขนาด 10 X 10 เมตร พร้อมเตรียมติดตั้งเครื่องสูบน้ำ ล่าสุด ช่วงบ่ายวันที่ 7 มิ.ย. เจ้าหน้าที่ทหารที่มาช่วยนักโบราณคดี ได้เริ่มลงมือขุดหาทองคำแล้ว โดยมีการกางเต็นท์บังแดดในแปลงขุดค้นที่ได้ตีผังไว้ แล้วทำการขุดดินขึ้นมานำไปร่อนหาทองอีกครั้งหนึ่ง ปรากฏว่าพบลูกปัดทองคำ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4-5 มม.แล้ว.