กษัตริย์พระองค์แรกแห่งชนเผ่าไทย ที่ถูกบันทึกว่าทรงพระปรีชาสามารถ แผ่อาณาเขตไปถึงลาว เวียดนาม ไทย และจีน...ที่พระนาม ขุนบรม หรือขุนบูลมราชาธิราช มีเรื่องราวแตกต่างกันในพงศาวดารหลายๆฉบับ
ฉบับที่โลดโผนกว่า...คือฉบับล้านช้าง กล่าวถึงปู่ลางเซิง ขุนเด็กและขุนคาน ปกครองเมืองลุ่ม (เมืองมนุษย์) แต่ไม่กระทำพลีกรรมแก่พระยาแถน พระยาแถนจึงบันดาลให้น้ำท่วมเมือง
ขุนทั้งสามจึงต่อแพพาลูกเมียไปอยู่เมืองฟ้ากับพระยาแถนชั่วคราว พอน้ำลดแห้งก็ขอกลับมาอยู่เมืองลุ่ม เลือกทำเลที่เมืองนาน้อยอ้อยหนู ได้ควายลงมาช่วยทำนา เมื่อควายตายเกิดต้นน้ำเต้าที่รูจมูกควาย มีผลน้ำเต้าปู้ง (โป้ง-ใหญ่) 3 ผล
ปู่ลางเซิง ใช้สว่านเผาไฟและสิ่วเจาะน้ำเต้า คนที่ออกจากรูสิ่ว เป็นไท คือไทยเลิง ไทยลอ และไทยควาง
คนที่ออกจากรูสว่านเผาไฟ คือ ไทยลม และไทยลี ผิวสีดำ ไทยพวกนี้เป็นข้า
คนสองพวกนี้มีออกมามากเกิน พระยาแถน ส่งขุนครูและขุนครอง ลงมาปกครอง แต่ขุนทั้งสองดื่มแต่เหล้า ไม่สนใจประชาชน ขุนเด็กขุนคาน จึงขอให้พระยาแถน เรียกขุนทั้งสองคืนไป ขอขุนบรมลงมาทำหน้าที่แทน
ขุนบรมสอนให้ประชาชนทำไร่ ทำนา จนพึ่งพาตัวเองได้ พระยาแถนก็แยกเมืองมนุษย์ ออกจากเมืองฟ้า
ศาสตราจารย์ ขจร สุขพานิช ว่า เมืองฟ้าพระยาแถน คืออาณาจักรเทียนในประเทศจีน ขุนวิจิตรมาตรา ว่า เมืองฟ้าพระยาแถน คือเมืองหนองแถน อาณาจักรน่านเจ้า ขุนบรม คือ พีล่อโก๊ะ กษัตริย์องค์ที่ 5 ของไทยเมือง เสวยราชย์ พ.ศ.1271
ต่อมาขุนบรมสร้างบ้านเมืองเป็นปึกแผ่น เรียกว่า เมืองแถน พงศาวดารลาว ของมหาสิลา วีระวงส์ ว่าขุนบรมคือพีล่อโก๊ะ ครองหนองแส หรือเมืองแถน เมื่อ พ.ศ.1272 เมื่อชันษาได้ 32 ปี
2 ปีต่อมา ก็ย้ายไปอยู่นาน้อยอ้อยหนู หรือเมืองกาหลง คือเชียงรุ่ง ในสิบสองปันนา แล้วยกไปตีได้เมืองต้าหอ ในมณฑลยูนนานของจีน และให้ขุนลอ (โก๊ะล่อฝง) ครองเมืองกาหลงแทน ขุนบรมสิ้นพระชนม์ พ.ศ.1293
...
ขุนบรมมีเมียสองคน คนแรก นางแอกแดง คนที่สอง นางยมพลา มีโอรสรวม 7 องค์ ให้แยกย้ายกันไปครองเมืองต่างๆ
องค์ที่ 1 ขุนลอ ไปครองเมืองชวา (ล้านช้าง) องค์ที่ 2 ยี่ผาลาน ไปครองเมืองหอแต (หนองแส) องค์ที่ 3 สามจูสง ไปครองเมืองแกว (เวียดนาม) องค์ที่ 4 ไสผง ไปครองล้านนา องค์ที่ 5 งั่วอิน ไปครองเมืองอโยธยา (สยาม)
องค์ที่ 6 ลกกลม ไปครองเมือง เชียงคม (คำเกิด) และองค์ที่ 7 เจ็ดเจิง ไปครองเมืองพวน (เชียงขวาง)
ตำนานเหล่านี้ ศ.ดร.ประเสริฐ ณ นคร สันนิษฐานไว้ในสารานุกรมประวัติศาสตร์ไทย เล่ม 2 อักษร ข-จ ฉบับราชบัณฑิตยสถานว่า ทางวิชาการบางเรื่องขาดหลักฐานทางโบราณคดี ประวัติศาสตร์ และชาติพันธุ์วิทยาสนับสนุน
ทฤษฎี ศาสตราจารย์ ขจร สุขพานิช ไม่มีเค้าเงื่อนว่าอาณาจักรเทียนแถบทะเลสาบเทียนในมณฑลยูนนาน เป็นอาณาจักรคนไทย จีนมีหลักฐาน พุทธศตวรรษที่ 1 กษัตริย์เทียน สืบเชื้อสายจากแม่ทัพสมัยราชวงฉู ซึ่งยกทัพมารุกรานยูนนาน อยู่ปกครองเผ่าพันธุ์ต่างๆ จนถึง พ.ศ.435 จึงยอมอ่อนน้อม เป็นประเทศราชต่อราชวงศ์ฮั่น
ข้อสมมติฐาน เรื่องอาณาจักรน่านเจ้า ของขุนวิจิตรมาตรา นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่รับแล้วว่า ชนชั้นปกครองเป็นพวกโล่–โล้ คนไทยอาจเป็นประชากรเผ่าพันธุ์หนึ่ง
ทั้งประเพณีการเฉลิมพระนามพระมหากษัตริย์ โดยใช้คำท้ายขององค์แรก เป็นคำขึ้นต้นระนามขององค์ต่อมา เช่น พีล่อโก๊ะ โก๊ะล่อฝง และฝงกาอี ไม่ใช่ประเพณีของไทย แต่เป็นของโล่-โล้
เมื่อเป็นเช่นนั้นเรื่องขุนบรม จึงไม่น่าเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเทียน และอาณาจักรน่านเจ้า
ความจริงจากพงศาวดาร...ไทยไม่ใช่น่านเจ้า เราคงไม่รู้สึกสูญเสียอะไร สิ่งที่น่าห่วงให้มากๆ กว่า คือไทยพวกที่ 5
สมัยอพยพ ไทยสยามเคยถูกเรียกว่า “ไทยน้อย” แต่ถึงวันนี้ จำนวนไทยแม้ไม่มาก แต่ก็ไม่น้อยเกินไป ใครจะมาย่ำยีเราคงไม่ได้ ยกเว้นไทยย่ำยีกันเอง ไทยน้อยที่เคยมั่งมี จะเหลือน้อยกว่าที่เคยเป็น.
บาราย