ทางการโคลอมเบียยึดเรือกึ่งดำน้ำบรรทุกยาเสพติด 6 ลำ ที่ลักลอบขนมาในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิกโดยสามารถยึดกัญชา โคเคน และอื่นๆ ได้มากกว่า 1,400 เมตริกตัน มูลค่ากว่า 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทางการโคลอมเบียยึดเรือกึ่งดำน้ำบรรทุกยาเสพติด 6 ลำ ที่ลักลอบขนมาในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก ในปฏิบัติการปราบปรามยาเสพติดระหว่างประเทศที่นำโดยโคลอมเบีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติดครั้งใหญ่ทั่วโลก

พลเรือโทออร์แลนโด เอนริเก กริซาเลส เสนาธิการกองทัพเรือโคลอมเบีย ปฏิบัติการทลายขบวนการค้ายาเสพติดครั้งใหญ่ภายใต้ชื่อรหัส "โอไรอัน" (Orion) ในช่วง 45 วัน ระหว่างเดือน ต.ค. ถึงเดือน พ.ย ซึ่งเกี่ยวข้องกับ 62 ประเทศ สามารถยึดยาเสพติดได้มากกว่า 1,400 เมตริกตัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกัญชา ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคมถึง 14 พฤศจิกายน ในจำนวนนี้ มีโคเคน 225 เมตริกตัน โดย 5 ตันพบอยู่บนเรือกึ่งดำน้ำที่แล่นตามเส้นทางการค้าทางทะเลจากโคลอมเบียไปยังออสเตรเลีย

กองทัพเรือโคลอมเบียกล่าวว่า เรือดำน้ำลำหนึ่งซึ่งถูกสกัดได้ในน่านน้ำมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมเชื้อเพลิงที่เพียงพอต่อการเดินทางไปยังออสเตรเลีย บรรทุกโคเคน 5 ตัน เป็นเรือกึ่งดำน้ำขนส่งยาเสพติดลำที่ 3 ที่ถูกสกัดได้ระหว่างเส้นทางดังกล่าว รายงานระบุว่าปฏิบัติการทั้งหมดช่วยป้องกันไม่ให้กลุ่มอาชญากรหารายได้จากการค้ายาเสพติดได้ ที่คาดว่าอาจสูงถึง 8,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ระหว่างปฏิบัติการ มีผู้ถูกจับกุม 434 คน และส่งตัวให้อัยการใน 10 ประเทศที่เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการโอไรออน ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งสหประชาชาติ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตำรวจออสเตรเลียได้เตือนว่ากลุ่มค้ายาข้ามชาติกำลังมุ่งเป้าไปที่ประเทศมากขึ้น เนื่องจากการใช้โคเคนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับราคาตามท้องถนนที่สูงที่สุดในโลก ทำให้ตลาดมืดเติบโตอย่างมาก

...

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทางการยึดเรือกึ่งดำน้ำขนยาเสพติด โดยกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดเริ่มใช้เรือดังกล่าวตั้งแต่ช่วงปลายทศวรรษ 1990 เนื่องจากกลุ่มค้ายาในโคลอมเบียพยายามหาทางหลบเลี่ยงการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ ในทะเลแคริบเบียน เพื่อขนส่งสินค้าผิดกฎหมายเข้าสู่สหรัฐฯ

การยึดโคเคนได้ 225 ตันถือเป็นการยึดครั้งใหญ่ ในรายงานของสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติในปีนี้ คาดว่าในปี 2022 การผลิตโคเคนทั่วโลกสูงถึง 2,700 ตัน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุด.

ที่มา CNN

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign