วันนี้วันเพ็ญขึ้น 15 คํ่า เดือน 6 เป็น “วันวิสาขบูชา” วันที่ พระ พุทธเจ้า พระบรมศาสดาแห่งพระพุทธศาสนาทรง ประสูติ ตรัสรู้ และ ปรินิพพาน ไม่เพียงเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งของชาวพุทธเท่านั้น แต่ องค์การสหประชาชาติ ยังยกย่องให้เป็น วันสำคัญของโลก อีกด้วย
วันนี้ ทุกวัดทั่วไทย จะมีงาน วันวิสาขบูชา ชวนชาวพุทธ เข้าวัดฟังธรรม เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ไม่ใช่เข้าวัดเพื่อ “แก้กรรม” ตาม ลัทธิอวิชชา เพื่อ หลอกลวงชาวพุทธ ซึ่งถือเป็น “บาป” อย่างยิ่ง
หนึ่งทุ่มคืนนี้ที่ วัดสระเกศ จะมีพิธีอัญเชิญ พระบรมสารีริกธาตุ ของ พระพุทธเจ้า จากอินเดีย ขึ้นไปบรรจุบน ยอดภูเขาทอง โดยมี สมเด็จพระพุฒาจารย์ (สมเด็จเกี่ยว) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ เป็นประธาน ส่วนที่ พุทธมณฑล นครปฐม มีพิธี รับนํ้ามนต์จาก 9 พระอารามหลวง และ พระคัมภีร์พุทธศาสนาโบราณศักดิ์สิทธิ์ อายุกว่า 2,000 ปี ให้สักการะเพื่อความเป็นสิริมงคล
ในวันมหามงคลนี้ ผมมีธรรมะของ พระพรหมมังคลาจารย์ ท่านปัญญานันทภิกขุ จากหนังสือ ปัญญาแห่งทิวาวาร มาเล่าสู่กันฟัง เพื่อความเจริญในสติปัญญา รู้จักกรรมดีกรรมชั่วโดยไม่ต้องไปแก้กรรม แม้จะเทศน์มานานแล้วแต่ก็ยังทันสมัย
ท่านบอกว่า โลกในสมัยนี้ต้องการคนเสียสละ เพราะความเสียสละเป็นทางของความสงบ ความอยากได้จนเกินพอดี เป็นทางมาของความโกลาหลวุ่นวาย
ปัญหาของโลกที่นักการเมือง นักการทูต นักการทหาร และนักการร้อยแปดที่คิดสะสางกันอยู่ แต่ยิ่งสางก็ยิ่งยุ่ง ก็เนื่องมาจากการไม่รู้จักเสียสละกันบ้างนั่นเอง ทุกคนอยากเอาทั้งนั้น เอาไว้มาก ก็ยิ่งยุ่งมาก เอาออกไปเสียบ้าง ยุ่งจะลดลงไป
เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ทรงทำพระองค์เป็นตัวอย่างมาแล้ว แต่ชาวโลกไม่ดำเนินตาม จึงไม่หายยุ่ง ถ้าเรามาคำนึงถึงพระคุณอันนี้ และดำเนินตามกันบ้างแล้ว ตัวเราจะได้พบแต่ความสงบแน่นอน
โลกนี้อยู่ได้ด้วยความเสียสละ หรือด้วยความเห็นแก่ตัวฝ่ายเดียว
ปัญหานี้ถ้าเราคิดกันดูแล้วก็จะเห็นว่า ถ้าเห็นแก่ประโยชน์ตน แล้วความยุ่งจะมีมากขึ้น เช่น คนที่ไม่มีระเบียบในใจ ไปซื้อตั๋วขึ้นรถไฟ ต่างคนต่างอยากได้ตั๋วก่อน จึงแทรกเบียดเสียดกันเป็นการใหญ่ ทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทกัน คนดีเขามองแล้วก็นึกว่า ช่างป่าเถื่อนจริงๆ
ป่าเถื่อนเพราะไม่มีระเบียบ
มีระเบียบแล้วหมดความป่าเถื่อน
ระเบียบย่อมไม่เกิดขึ้นในหมู่ชนที่เห็นแก่ตนเป็นใหญ่ ฉะนั้น ถ้าเราหวังความดีงามแก่ตนแก่ท่านแล้ว ลดความเห็นแก่ตนเองให้น้อยลงไป แล้วคิดถึงอกเขาอกเรากันบ้าง ความสุขในโลก ตั้งอยู่บนฐานแห่งการเห็นอกเห็นใจกันเท่านั้น
ก่อนที่ พระพุทธเจ้า จะสละโลกออกบวช ทรงพบสิ่งที่ชวนให้คิดมาก 3 ประการ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย พระองค์ทรงเห็นคนแก่แล้วทรงคิดว่าพระองค์ก็หนีความแก่ไม่พ้น ความแก่เป็นสมบัติของชีวิตที่ทุกคนต้องได้รับโดยไม่เต็มใจ
คนแก่เป็นหนึ่งในจำนวนมากที่ถูกทอดทิ้ง โดยขาดผู้คนเอาใจใส่ดูแล ทำไมจึงถูกทอดทิ้ง เพราะชาวโลกมัวสาละวนแต่จะแสวงหาความสุขส่วนตัวจนลืมนึกถึงผู้อื่น แต่ที่ร้ายกว่านั้น เมื่อหาความสุขใส่ตนนั้น ยังบั่นทอนความสุขของคนอื่นอีก นี่เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจเหลือเกิน จะทำอย่างไรหนอ จึงจะมีทางบรรเทาความลำบากของคนแก่ทั้งหลายได้ เราต้องเอาชีวิตเข้าแลกเถิด ทรงรำพึงเช่นนี้แล้ว จึงทรงสละโลกออกบวชเพื่อส่วนรวม สมดังคำว่า “ความกรุณาเป็นลักษณะของคนผู้มีใจใหญ่”
ทำอย่างไรบ้านเมืองของเราจึงจะมี “ผู้เสียสละ” และ “ผู้มีใจใหญ่” เหมือนอย่าง พระพุทธเจ้า บ้าง โดยเฉพาะ ผู้นำประเทศ และ นักการเมืองไทย
ผมอยากให้ท่านผู้อ่านลองฝึก “การเสียสละ” และ “การมีใจใหญ่” ใน วันวิสาขบูชา นี้สักวันนะครับ ถ้าขยันฝึกทุกเทศกาล ผมเชื่อว่าท่านจะกลายเป็น “ผู้มีใจใหญ่ใจบุญที่เสียสละเพื่อสังคมส่วนร่วม” อย่างแน่นอน.
...
"ลม เปลี่ยนทิศ"