สาวปิดไม่อยากให้ใครรู้ว่าท้องหลังเลิกราผัว ใช้แผ่นรัดท้องไว้แม้แต่เพื่อนก็ไม่รู้ เจ็บท้องคลอดลูกภายในห้องเช่า ตัดสายสะดือเอง ตัวเองตกเลือดเกือบตาย แต่ทารกเสียชีวิต

เมื่อวันที่ 22 เม.ย.62 ร.ต.ท.ณรงค์ จันทรา รอง สว.(สอบสวน) สภ.แหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งว่ามีคนคลอดลูกเองเสียเลือดมาก และทารกเพิ่งคลอดเสียชีวิตแล้วที่ห้องเช่าแห่งหนึ่งจึงเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสว่างประทีป ศรีราชา

ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุพบคราบเลือดกระจัดกระจายเต็มห้อง ในห้องน้ำพบศพทารกแรกเกิดเพศหญิงเสียชีวิตสภาพมีสายสะดือติดตัว ส่วนผู้เป็นแม่ คือ นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 36 ปี อยู่ในสภาพเนื้อตัวเปื้อนเลือดไปทั้งตัว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา อย่างเร่งด่วน

จากการสอบถาม เพื่อนของนางสาวเอ ทราบว่า ปกติแล้วนางสาวเอ ได้เลิกรากับสามีไปแล้ว จึงแยกมาเช่าห้องพักแห่งนี้ได้ประมาณ 3 เดือน ซึ่งช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้มาเคาะประตูเรียกนางสาวเอ ให้ไปทำงานกะเช้า แต่นางสาวเอ บอกว่าเหนื่อย ตนก็ไม่เอะใจอะไรจึงกลับไปบ้าน และกลับมาเคาะประตูอีกทีประมาณ 10 โมงเช้า เพื่อจะยืมรถจักรยานยนต์ ไปจ่ายบิลค่าน้ำค่าไฟ แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

ทั้งนี้ ตนจึงนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้างไปจนกระทั่งบ่าย นางสาวเอ ได้โทรศัพท์มาหาตนพร้อมพูดว่า ช่วยด้วย ตนเองจึงรีบมาดูพบคราบเลือดกระจัดกระจายเต็มห้อง และเมื่อเดินไปที่ห้องน้ำ ก็พบว่ามีทารกอยู่จึงรีบโทรศัพท์ ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยไม่รู้เลยว่านางสาวเอท้อง เห็นไปทำงานได้อย่างคนปกติ ท้องไม่ใหญ่อะไร

...

นางสาวเอ เปิดเผยว่า ตนตั้งครรภ์นี้เป็นท้องที่ 3 หลังจากที่ตนเลิกรากับสามี ก็ได้มาเช่าห้องคนเดียว และไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองท้อง จนกระทั่งก่อนเกิดเหตุ ตนได้เข้าไปปลดทุกข์ ในห้องน้ำ แต่เกิดศีรษะเด็กได้ไหลออกมา จนตนไม่สามารถหยุดได้ ตนจึงพยายามใช้กรรไกรตัดสายสะดือ หลังจากนั้นตนจึงได้เสียเลือดมาก และไม่มีแรง และตนก็โทรศัพท์แจ้งให้เพื่อนมาช่วย

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบ บนที่นอนมีแผ่นรัดหน้าท้องสีดำวางอยู่ คาดว่านางสาวเอ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าตัวเองท้องจึงใช้สายรัดหน้าท้องทุกครั้งที่ออกจากห้องพัก จนถึงวันนี้ได้คาดว่ากลัวจะมีคนรู้จึงปิดห้องคลอดลูกเอง และตัดสายสะดือเอง สุดท้ายลูกก็เสียชีวิต ซึ่งตำรวจได้นำร่างของทารกส่งไปพิสูจน์การเสียชีวิต และจะเร่งสอบสวนแม่เด็กอีกครั้ง