เสี่ยเมาซิ่งเบนซ์บี้สวิฟท์แจ้งข้อหาหนักเจตนาฆ่า
เสี่ยใหญ่เจ้าของธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ เมาขับเบนซ์เหินสะพานข้ามคลอง ชนรถเก๋ง รอง ผกก.กองปราบฯดับคู่พร้อมเมีย ส่วนลูกสาววัย 16 สาหัส รอง ผบ.ตร.รุดสอบเองตั้ง 5 ข้อหา มีฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนารวมอยู่ด้วย ด้านเสี่ยเบนซ์รับสารภาพ 3 ข้อหาคดีเมาแล้วขับ แต่ปฏิเสธข้อหาฆ่าและพยายามฆ่า ขณะเดียวกัน เลขาฯ มูลนิธิเมาไม่ขับ บุกโรงพัก เรียกร้องดำเนินการคนผิดถึงที่สุด
เหตุเมาแล้วขับคร่าชีวิต พ.ต.ท.กองปราบฯและเมียครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 01.00 น. วันที่ 12 เม.ย. ร.ต.อ.พิทักษ์ พูลพุทธา รอง สว. (สอบสวน) สน.ศาลาแดง รับแจ้งเหตุรถยนต์ชนกันมีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บ บริเวณซอยงามธรรมชาติ ถนนทวีวัฒนา-กาญจนาภิเษก แขวงและเขตทวีวัฒนา กทม.ไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
จุดเกิดเหตุอยู่กลางสะพานข้ามคลอง พบรถเก๋งยี่ห้อซูซูกิ รุ่นสวิฟท์ สีขาว ทะเบียน 2 กก 3653 กรุงเทพมหานคร ล้อหลังเกยขึ้นไปอยู่บนราวกั้นสะพานฝั่งมุ่งหน้าถนนพุทธมณฑลสาย 3 ด้านหน้ารถและข้างรถฝั่งขวาพังยับ ในรถพบศพ พ.ต.ท.จตุพร งามสุวิชชากุล รอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 บก.ป. สวมเสื้อเชิ้ตสีเหลือง กางเกงยีนส์ขายาว ถูกซากรถอัดก๊อบปี้ร่างอาบเลือดเสียชีวิตคาเบาะที่นั่งคนขับ ต้องใช้อุปกรณ์ตัดถ่างประมาณ 20 นาที ถึงนำร่างออกมาได้ นอกจากนี้ ยังมีผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 2 คน เป็นลูกสาวและภรรยา พ.ต.ท.จตุพร คือ น.ส.พิญาภา งามสุวิชชากุล อายุ 16 ปี นั่งอยู่เบาะหน้าข้างคนขับ ถูกนำส่ง รพ.วิชัยเวช ส่วนภรรยาคือนางนุชนาถ งามสุวิชชากุล อายุ 44 ปี บาดเจ็บสาหัสหมดสติอยู่เบาะหลัง ถูกนำตัวส่ง รพ.ราชพิพัฒน์ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
...
ใกล้กันพบรถเบนซ์ รุ่นอี 250 สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ษฮ 789 กรุงเทพมหานคร สภาพด้านหน้าขวาพังยับ ล้อรถหักผิดรูปจอดอยู่เชิงสะพานขาลง มุ่งหน้าถนนพุทธมณฑลสาย 2 มีนายสมชาย เวโรจน์พิพัฒน์ 57 ปี เจ้าของบริษัท ไทยคาร์บอนแอนด์กราไฟต์ จำกัด ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับผลิตและจำหน่ายอะไหล่รถยนต์ ในสภาพคล้ายคนเมาพูดจาไม่รู้เรื่องเป็นคนขับ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวส่ง รพ.ธนบุรี 2 เพราะเกรงว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บ แต่เมื่อไปถึงนายสมชายยังโวยวายไม่เลิก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางไปควบคุมตัวมาสงบสติอารมณ์ที่ สน.ศาลาแดง
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. เดินทางมาร่วมสอบปากคำนายสมชายด้วยตัวเอง ก่อนเปิดเผยว่า นายสมชายยอมรับในเบื้องต้น ก่อนเกิดเหตุไปเล่นกอล์ฟที่สนามไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุ มีการดื่มเบียร์กับเพื่อนร่วมก๊วน 4-5 ขวด กระทั่งเวลา 23.00 น. แยกย้ายกันกลับ แล้วขับรถออกมา กระทั่งรู้สึกตัวอีกทีตอนถุงลมนิรภัยทำงานซึ่งเกิดอุบัติเหตุไปแล้ว พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นควรแจ้งข้อหานายสมชายทั้งสิ้น 5 ข้อหา ได้แก่ 1.ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา 2.พยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 3.ขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 4.ขับรถในขณะมึนเมาสุราเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส และ 5.ขับรถในขณะเมาสุราเป็นเหตุให้มีทรัพย์สินได้รับความเสียหาย
ทั้งนี้ นายสมชาย ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธข้อหาที่ 1 และ 2 แต่ยอมรับสารภาพข้อหาที่ 3, 4 และ 5 หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะประสานแพทย์นิติเวช เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเพื่อขอผลตรวจร่างกายผู้เสียชีวิต และผลตรวจวัตถุพยานทางนิติวิทยาศาสตร์ ก่อนแนบผลส่งตัวนายสมชายไปฝากขังที่ศาลจังหวัดตลิ่งชัน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ส่วนอาการของ น.ส.พิญาภา บุตรสาวของผู้ตายทั้งคู่ ยังอยู่ในห้องไอซียู รพ.วิชัยเวช ทราบว่าญาติๆกำลังประสานส่งตัวไปรักษาอาการต่อที่ รพ.กรุงเทพ
มีรายงานว่า พนักงานสอบสวน สน.ศาลาแดง ได้แนบเอกสารพฤติการณ์ของนายสมชายไปยื่นต่อศาลเพื่อแจ้งข้อหา “ฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา” มีเนื้อหาสรุปดังนี้ การที่ผู้ต้องหาสมัครใจดื่มสุราโดยรู้ว่าเป็นของมึนเมาแล้วจะทำให้ตนเองนั้นมึนเมา และดื่มเป็นจำนวนมาก มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงถึง 260 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องที่ย่อมรู้ได้อย่างแน่นอนว่าจะเกิดผลขึ้นคือความมึนเมาจนถึงขั้นหมดสติ หรือจำเหตุการณ์ไม่ได้ หรือสูญเสียความสามารถในการควบคุมร่างกาย ทั้งที่จะต้องขับรถเดินทางกลับบ้านในถนนสาธารณะที่มีประชาชนใช้ร่วมกันอยู่เป็นจำนวนมากในเวลากลางคืน ย่อมรู้แล้วว่า จะต้องเกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกับรถของคนอื่นอย่างแน่นอน โดยขับมาได้เพียง 400 เมตร ก็เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนโดยขับรถเข้าไปในช่องทางของรถที่สวนทางมา จนทำให้รถที่สวนทางมาไม่อาจหลบหลีกไปทางอื่นได้ เพราะมีเพียงแค่สองช่องทางการจราจรเท่านั้น เป็นเหตุให้ผู้ที่ขับรถสวนทางมาถึงแก่ความตายทั้งสองคน
พฤติการณ์ที่เกิดเหตุดังกล่าว และมีผู้ถึงแก่ความตาย เป็นพฤติการณ์ที่ผู้ต้องหาได้ยอมรับผลที่เกิดขึ้นไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่เริ่มขับรถออกมาบนถนนสาธารณะ นอกจากนี้ ยังขับรถด้วยความเร็วสูง พิจารณาได้จากร่องรอยการเฉี่ยวชนประกอบกับในที่เกิดเหตุไม่มีร่องรอยที่ผู้ต้องหาเบรกรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูง ทั้งที่จุดเกิดเหตุอยู่บนกลางสะพานสูง เมื่อพิจารณาถึงพฤติเหตุ พฤติการณ์ และลักษณะแห่งการกระทำรวมถึงผลของการกระทำที่เกิดขึ้นผู้ต้องหาย่อมไม่อาจเอาความมึนเมานั้นขึ้นเป็นข้อแก้ตัวได้ว่า ไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 66 ถือว่าผู้ต้องหามีเจตนาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยเจตนา อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 มีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 15 ปีถึง 20 ปีหรือจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
...
ต่อมาเวลา 14.00 น. พล.ต.อ.วิระชัย และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ร่วมกันตรวจสอบรถยนต์คู่กรณีทั้ง 2 คัน ก่อนจะไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง โดยมี นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ พาเหยื่อผู้พิการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เมาแล้วขับ 2 คน มาร่วมสังเกตการณ์ พร้อมยื่นหนังสือเรียกร้องให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผ่าน พล.ต.อ.วิระชัยให้ตำรวจดำเนินคดีกับนายสมชาย ผู้ต้องหาในคดีนี้อย่างถึงที่สุด เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างในการเตือนสติให้ผู้ขับขี่ยวดยานที่ดื่มสุรา ตระหนักถึงโทษภัยที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งตนเอง และผู้ใช้รถใช้ถนน ต่อไปในอนาคต
ขณะที่ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา ผกก.2 บก.ป. ผู้บังคับบัญชาโดยตรงของ พ.ต.ท.จตุพรกล่าวว่าผู้ตายเป็นตำรวจที่นิสัยดี เรียบร้อย ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ตั้งใจทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดี ก่อนเกิดเหตุทราบว่าผู้ตายขับรถไปรับภรรยาและลูกสาวที่ย่านสีลม เพื่อจะกลับบ้านย่านพุทธมณฑลสาย 4 จากการสอบถามเพื่อนร่วมงานที่สนิททราบว่า พ.ต.ท.จตุพรมีลูกสาว 2 คน คนโตอายุ 18 ปี และ น.ส.พิญาภา อายุ 16 ปี ทั้งคู่เรียนอยู่ที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ ลูกสาวคนโตขณะนี้อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้โควตาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ตามกำหนดเดิมจะกลับมาเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับ พ.ต.ท.จตุพร เป็นชาวจังหวัดเชียงใหม่ สอบเข้าเป็นนักเรียนพลตำรวจ บช.ภ.5 เมื่อปี 2532 เป็นรอง สว.ประจำ บช.น.เมื่อปี 2541 เป็นพนักงานสอบสวน (สบ 1) ปี 2542 เข้ามาสังกัดกองปราบปรามกลุ่มงานสอบสวน ปี 2548 เป็นรอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 บก.ป.ปี 2559 นอกจากนี้ยังจบเนติบัณฑิตยสภา เมื่อปี 2549 และจบ ป.โท มหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกด้วย
ส่วนอุบัติเหตุอีกราย เกิดขึ้นเมื่อเวลา 07.00 น.วันเดียวกัน พ.ต.ท.รักศักดิ์ รุ่งแสง สว. (สอบสวน) สน.บางชัน ไปสอบสวนเหตุรถกระบะพุ่งชนรถจักรยานยนต์ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต บนสะพานข้ามต่างระดับถนนรัชดา-รามอินทรา มุ่งหน้าขาออกถนนรามอินทรา แขวงรามอินทรา เขตคันนายาว กทม. ที่เกิดเหตุอยู่ขอบทางเชิงลงสะพาน พบรถกระบะแต่งซิ่ง 4 ประตู ยี่ห้ออีซูซุ สีขาว ทะเบียน 8 กข 1254 กรุงเทพมหานคร สภาพกระจกหน้าแตก หน้ารถด้านซ้ายพังยับเยิน ประตูด้านซ้ายหลุดหาย บริเวณข้างรถด้านซ้าย พบศพนายอาณัติ พลพฤกษ์ อายุ 36 ปี ชาว จ.สระแก้ว คนขับรถกระบะ ในสภาพนอนตะแคงขวา ลำตัวอัดติดอยู่ข้างรถกับขอบสะพาน ห่างไปไม่ไกล พบรถ จยย. ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน ทะเบียน 2 กษ 8309 กรุงเทพมหานคร ล้มคว่ำมีรอยเฉี่ยวชนด้านท้าย จยย. นอกจากนี้ยังพบที่บริเวณแผงกั้นขอบสะพานมีรอยครูดเฉี่ยวชนเป็นทางยาว และมีชิ้นส่วนประตูรถกระบะด้านซ้ายติดคาอยู่ เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมชิ้นส่วนในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเจ้าของรถ จยย.คือนายวรวุธ พระภูจำนงค์ อายุ 64 ปี คนขี่ จยย.คันดังกล่าว ได้รับบาดเจ็บมีแผลแตกที่ศีรษะ เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้น นำส่งโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี
...
จากการสอบถามนายวรวุธ ผู้ขี่ จยย.ที่ได้รับบาดเจ็บ ให้การว่า กำลังขี่ จยย.มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลนพรัตน์ ช่วงระหว่างรถวิ่งบนสะพาน ช่องเลนด้านซ้าย จู่ๆมีรถกระบะขับพุ่งเฉี่ยวชนท้ายจนล้มคว่ำ ส่วนรถกระบะเสียหลักพุ่งชนขอบปูนสะพาน โดยคนขับกระเด็นออกจากรถกระบะเสียชีวิต เบื้องต้นเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดบริเวณดังกล่าวและสอบปากคำ ผู้ได้รับบาดเจ็บอีกครั้งเพื่อสรุปสาเหตุในครั้งนี้ต่อไป