นับจากนี้ไปเหลืออีกไม่ถึงสัปดาห์ก็ถึงวันเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ อำนาจของประชาชนจะชี้ชะตาว่าพรรคการเมืองไหนจะเข้าวิน แม้ผลสำรวจโพลจากสำนักต่างๆยกให้เต็ง 1 ตกเป็นของพรรคเพื่อไทย
แต่ นายชัยเกษม นิติสิริ 1 ใน 3 ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวการเมือง ว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ขึ้นอยู่กับประชาชน”
ที่ผ่านมาประชาชนเชื่อมั่นและเชื่อใจเรา เห็นว่าสามารถทำตามนโยบายที่หาเสียงเอาไว้ ครั้งนี้ก็เช่นกันประชาชนยังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะสามารถแก้ปัญหาให้ได้
ความไว้วางใจเป็นปัจจัยสำคัญ ไม่ว่าจะเสนอนโยบายอะไรชาวบ้านก็เชื่อมั่นว่าเราทำได้
ทุกสำนักโพลเปิดเผยผลสำรวจออกมา ส่วนใหญ่ปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยมาอันดับ 1
ปัญหาคือคะแนนเสียงจะมากพอจัดตั้งรัฐบาลและมีนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่
ตรงนี้ยังเป็นปัญหา เพราะกติกาไม่ค่อยเอื้ออำนวย ไม่มีประเทศไหนมีกติกาแบบนี้
ฉะนั้นถ้าฝ่ายประชาธิปไตยรวมเสียงได้มากพอ ย่อมมีโอกาสตั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้
แต่พรรคไหนตั้งรัฐบาลได้ภายใต้กติกาเหล่านี้ รวมถึงฝ่ายต่อท่ออำนาจ ถ้าไม่แก้ไขกติกา ประเทศก็คงเดินไปได้ยาก การบริหารประเทศก็จะล้มลุกคลุกคลาน
ฝ่ายประชาธิปไตยต้องการได้เสียงเท่าไหร่ ฝ่ายต่อท่ออำนาจถึงจะไม่สามารถช่วงชิงจัดตั้งรัฐบาลตามกติกา นายชัยเกษม บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ต่อสู้ระหว่าง “ขั้วประชาธิปไตย” กับ “ขั้วเผด็จการ”
จะต้องได้ 375 เสียงขึ้นไปจากจำนวนสมาชิกรัฐสภา 750 คน
พรรคใดพรรคหนึ่งจะได้เสียงมากขนาดนั้นมันคงยาก
ยกเว้นฝ่ายต่อท่ออำนาจต้องการแค่ 126 เสียง รวมกับ ส.ว. 250 เสียงก็มีโอกาสตั้งรัฐบาล
แต่ก็ไม่ง่าย เพราะขณะนี้ฝ่ายที่เอาประชาธิปไตยน่าจะมีจำนวนเสียงที่มากกว่า
...
สมมติฝ่ายต่อท่ออำนาจได้เป็นนายกฯ ก็บริหารประเทศได้ยาก
เพราะกติกาการออกกฎหมายต่างๆผ่านงบประมาณแผ่นดิน การอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ซึ่งฝ่ายต่อท่ออำนาจไม่ถึง 250 เสียง จะต้องต่อสู้กับฝ่ายค้านที่มีเกิน 250 เสียง
เชื่อเถอะเป็นนายกฯไม่ถึง 1 เดือนก็ไปแล้ว นอกจากเกิดกลุ่มงูเห่าเหมือนในอดีต โดยดึงเสียงจากกลุ่มต่างๆมาเพิ่ม
เสถียรภาพของรัฐบาลแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศ เราก็ไม่อยากจะให้เกิดแบบนั้น สุดท้ายจะทำอย่างไรได้ ก็ต้องดูกันไป
แก้และดูเป็นสเต็ปๆไป
จะใช้เวลาที่เหลือสร้างกระแสให้ฝ่ายประชาธิปไตยได้อย่างไร เพื่อได้ 376 เสียงจัดตั้งรัฐบาล นายชัยเกษม บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนตัดสินใจหนักที่สุดว่าจะเลือกระหว่าง “นายกฯคนปัจจุบัน” กับ “พรรคเพื่อไทย”
ถ้าพื้นที่ไหนไม่มีผู้สมัครพรรคเพื่อไทยก็เลือกพรรคที่เอาประชาธิปไตย
ปัญหาคือจะมีผู้ออกมาใช้สิทธิอย่างเต็มที่หรือไม่ และการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ยุติธรรม โปร่งใสหรือไม่
ส่วนตัวไม่มั่นใจ เพราะฝ่ายปกครองประเทศใช้อำนาจตามมาตรา 44 ควบคุมดูแลการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่ใช่เป็นรัฐบาลรักษาการ การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่าย
เช่น การเลือกตั้งล่วงหน้าต่างประเทศ เห็นการบริหารจัดการแล้วเจอปัญหาอุปสรรค
เยอะแยะไปหมด เมื่อลงคะแนนเสร็จแล้วไปไหน ในที่สุดมีใครไปยุ่งกับมันได้หรือไม่ อันนี้พอรับได้
แต่การเลือกตั้งล่วงหน้าวันที่ 17 มี.ค. มีผู้มาลงทะเบียนจำนวนมหาศาลมากกว่า 2 ล้านเสียง หลังจากนั้นอย่างน้อย 7 วันไปอยู่ในมือของ กกต.หรือเหนือ กกต. ที่จะเป็นใครก็รู้ๆกันอยู่
จะเกิดอะไรขึ้นกับคะแนนในหีบบัตรเลือกตั้ง อะไรก็เกิดขึ้นได้ ส่วนตัวเป็นห่วง เพราะ กกต.ถูกหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าในหลายกรณีเหมือนจะทำหน้าที่ไม่เป็นอิสระ
กกต. ต้องทำหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม นายชัยเกษม บอกว่า รวมถึงการทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ ฉะนั้นหีบบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าควรนำไปเก็บไว้ในสถานที่เหมาะสม สามารถตรวจสอบได้
กติกาต้องตรงไปตรงมา เป็นธรรม ถ้าไม่มีแล้วจะมีอะไรที่ติดอยู่ในใจอีกฝ่ายเสมอ เหมือนกติกาการตั้งรัฐบาลมันไม่แฟร์ บอกเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วจะต้องวิ่งอีก 750 เมตร แต่อีกคนไปยืนรออยู่ที่ 250 เมตร แล้วจะแฟร์ได้อย่างไร อธิบายอย่างไรก็ไม่แฟร์
สะท้อนว่าถ้ากติกาหรือผู้วินิจฉัยกติกาไม่โปร่งใส เป็นธรรม ย่อมก่อให้เกิดวิกฤติได้ นายชัยเกษม บอกว่า คราวนี้จะเกิดอภิมหาวิกฤติ เพราะวิกฤติสะสมมา 4-5 ปีแล้ว ถ้ายังไปแนวเดิมอีกประชาชนจะเริ่มหมดความอดทน
โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยจะเติมเต็มอะไร เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือก นายชัยเกษม บอกว่า เรานำเสนอนโยบายค่อนข้างครบถ้วน แต่สัญญาณต่างๆที่ส่งออกไปยังไม่ทั่วถึง จะพยายามอย่างดีที่สุดให้ประชาชนเข้าใจนโยบาย เข้าใจปัญหาที่เกิดขึ้นกับบ้านเมือง
นโยบายอะไรโดนใจประชาชนที่สุด นายชัยเกษม บอกว่า เราดูแลคนเป็นหลักในทุกด้าน
เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค ต่อไปต้องส่งเสริมสุขภาพอนามัยให้แข็งแรง สนับสนุนให้ออกกำลังกาย ไม่ปล่อยให้ป่วยก่อนแล้วมารักษา โดยพัฒนาคนให้แข็งแรงก่อนชราภาพ
ด้านแก้ปัญหาปากท้อง ดูราคาผลผลิตทางการเกษตรต้องไม่น้อยกว่าที่เคยทำไว้ พยายามลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้แคบลง เพื่อดึงสถานะทางสังคมและเศรษฐกิจของคนที่อยู่รากหญ้าให้ดีขึ้น ไม่ลำบากเกินไป แต่ไม่มีการแจกฟรี เอาเงินไปโปรยแจก นโยบายที่เขาทำอยู่แล้วก็คงไม่ไปยกเลิก แต่จะปรับเปลี่ยนให้เหมาะสม
ในวันที่ 24 มี.ค. มีการเลือกตั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทยจะทำอะไรเป็นพิเศษ นายชัยเกษม บอกว่า จะเปิดศูนย์ปราบโกงที่พรรค เพื่อติดตามการลงคะแนนทุกหน่วยเลือกตั้งว่า การลงคะแนนโปร่งใส มีการโกงหรือไม่ ข้อมูลทั้งหมดจะถูกส่งโดยผู้สมัคร ส.ส. ทีมงาน และประชาชน หากมีปัญหาข้อกฎหมายในหน่วยเลือกตั้งไหนก็จะช่วยกันแก้ไข
ในความเห็นของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แบ่งการเมืองออกเป็น 3 ขั้ว ระหว่างฝ่ายที่อ้างเป็นประชาธิปไตย ฝ่ายอ้างความมั่นคงและฝ่ายเสรีประชาธิปไตย ส่วนพรรคเพื่อไทยแบ่งออกเป็น 2 ขั้ว มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่พรรคเพื่อไทยจับมือพรรคประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล นายชัยเกษม บอกว่า มันเป็นไปได้หมด
เพราะทุกสิ่งในโลกล้วนเป็นอนิจจัง แต่สถานการณ์ปัจจุบันดูท่าทีผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ แสดงจุดยืนทางการเมืองชัดเจนขึ้นระดับหนึ่ง เหมือนน้ำกับน้ำมันมันคงยากที่จะจับมือกัน
นอกจากมีเหตุปัจจัยบางอย่างที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ต้องดูผลคะแนนหลังเลือกตั้งจะเป็นอย่างไร ถึงเวลาตัดสินใจทางการเมืองใช้เวลานิดเดียวมันก็เปลี่ยนคนได้ สามารถชี้แจงได้หมด
ตอนนี้แนวโน้มพรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคเพื่อไทยหรือฝ่ายที่อ้างความมั่นคง นายชัยเกษม บอกว่า ขณะนี้ค่อนข้างชัดเจนไม่มาพรรคเพื่อไทย แต่ทุกอย่างก็ไม่แน่ หาเครื่องตีดีๆส่วนผสมอาจจะลงตัวก็ได้ อย่างน้อยก็เฉพาะกิจไปก่อน
ส่วนจะไปจับมือพรรคพลังประชารัฐก็ยังกั๊กๆอยู่ ยังมีความเป็นไปได้
จะเตือนฝ่ายที่ไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นได้อย่างไร นายชัยเกษม บอกว่า ขอให้ทุกฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมาย แต่ก็ต้องเผื่อใจไว้หน่อยสัก 1 เปอร์เซ็นต์ อะไรก็เกิดขึ้นได้
ทีมข่าวการเมือง ถามว่า ทุกคะแนนมีความหมาย ทำให้พรรคการเมืองหาเสียงดุเดือดในภาคอีสาน ภาคเหนือ หลายฝ่ายเป็นห่วงหลังการเลือกตั้งถ้าปล่อยให้ตั้งรัฐบาลตามปกติ มีโอกาสเกิดความวิกฤติความขัดแย้งตามมา รัฐบาลแห่งชาติจะเป็นทางออก พรรคเพื่อไทยรับได้หรือไม่ นายชัยเกษม บอกว่า ขณะนี้ยังมองไม่เห็น
จะเกิดขึ้นได้อย่างไร มันเกิดขึ้นยาก เพราะความแตกต่างระหว่างประชาธิปไตยกับเผด็จการ ให้มานั่งทำงานในคณะรัฐมนตรีด้วยกันมันไม่ง่าย จะทำอย่างไร จะเอาคนของฝ่ายประชาธิปไตยหรือฝ่ายเผด็จการเป็นนายกฯ
ถ้าเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ไม่ต้องพูดกันเลย
ประชาชนทนไม่ไหวแล้ว ถ้าปล่อยไปอาจจะเกิดกลียุค
แต่ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ฝ่ายไหนก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ อาจจะมีแนวโน้มเกิดขึ้นได้
คงต้องคุยกันเยอะ องค์ประกอบคำว่ารัฐบาลแห่งชาติจะต้องมีหัวมีหาง
พอถึงเวลาทะเลาะกันว่าใครเป็นหัวเป็นหางก็ไม่เกิดรัฐบาลแห่งชาติแล้ว
นอกจากจะมีปัจจัยพิเศษจริงๆถึงเกิดขึ้นได้
แต่คงเป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า.
ทีมการเมือง