นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ผู้บริหารโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และไอคอนสยาม เปิดเผยว่า แผนธุรกิจ 5 ปีนับจากนี้ จะใช้เงินลงทุนกว่า 70,000 ล้านบาท เพื่อขยายธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ โลจิสติกส์ และซื้ออาคารสำนักงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสร้างรายได้ธุรกิจเติบโต 1-1.5 เท่าตัวในอีก 5 ปีข้างหน้า จากปี 2562 ที่คาดว่าทั้งสยามพิวรรธน์กรุ๊ป ที่มีบริษัทในเครือรวม 46 บริษัท จะทำรายได้แตะ 25,500 ล้านบาท
“ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 45,000 ล้านบาท โดย ในปีนี้คาดการณ์ว่ารายได้ทั้งกลุ่มจะเติบโต 12-15% โดยในส่วนของไอคอนสยาม เติบโตมากสุดคือ 42%”
นางชฎาทิพ กล่าวว่า แผนการทำธุรกิจของบริษัทนับจากนี้ จะไม่ใช่แค่เปิดโครงการศูนย์การค้าอย่างเดียว แต่จะไปมิกซ์ยูสเต็มรูปแบบ คือ สร้างเมืองขนาดใหญ่ ที่ประกอบด้วยหลายโครงการในพื้นที่เดียวกัน ทั้งโครงการที่พักอาศัย ศูนย์การค้า และสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอื่นๆ ที่เสริมซึ่งกันและกัน ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหาทำเล 3-4 แห่ง ในบริเวณกรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ฝั่งเหนือ และตอนกลางของกรุงเทพฯ ขนาดพื้นที่ 50 ไร่ พร้อมศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายธุรกิจไปต่างประเทศ เช่น เวียดนาม กัมพูชา และเมียนมา ทั้งเป็นที่ปรึกษาโครงการและร่วมทุนกับพันธมิตร
นอกจากนั้น บริษัทจะเปิดตัวระบบสารสนเทศทางการตลาดที่ได้พัฒนามานานกว่า 5 ปีด้วยงบประมาณกว่า 500 ล้านบาท โดยพร้อมใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้วในปีนี้ พร้อมศึกษาและมองหาธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของการซื้ออาคารสำนักงาน โลจิสติกส์ รวมถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนได้ในปี 2563 “หลังการเลือกตั้ง ในฐานะภาคเอกชน อยากเห็นรัฐบาลมีเสถียรภาพและสถานการณ์ภายในประเทศมีความสงบ เพราะจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังอยากเห็นนโยบายชัดเจนที่จะนำพาประเทศไทย ให้กลายเป็นพี่ใหญ่ของอาเซียนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะนโยบายที่ส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น เพราะหากกลุ่มดังกล่าวขยายและย้ายสำนักงานเข้ามาอยู่ในประเทศไทย ก็จะทำให้เศรษฐกิจเกิดการกระจายตัว
“รัฐบาลจะทำอย่างไรให้ต่างชาติ ไม่ใช่แค่เดินทางมาท่องเที่ยวแล้วกลับประเทศ แต่ต้องทำให้เกิดการลงทุนและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยให้นานขึ้นกว่าเดิม”.