เด็กชายวัย 14 นักเรียน ม.1 ที่ระยอง ขอเงินแม่ไปตัดผม แต่ร้านปิดเลยไม่ได้ตัด กลับบ้านบ่นกับแม่ "พรุ่งนี้คงไม่ได้สอบ" เข้าห้องเก็บตัวเงียบ เช้าไปดู พบใช้เชือกจูงสุนัขผูกคอตายแล้ว   

วันที่ 28 ก.พ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวที่ยังสร้างไม่เสร็จ ประตูหน้าบ้านยังไม่ได้ติดตั้ง เข้าไปตรวจสอบพบร่างของเด็กนักเรียนชายใส่ชุดนักเรียน เสื้อสีขาวกางเกงสีกากี ใช้เชือกจูงสุนัขผูกคอกับขื่อเหล็กภายในบ้านจนเสียชีวิต สภาพศพไม่พบบาดแผลอื่นนอกจากรอยรัดของเชือกที่คอเป็นรอยช้ำเขียว คาดเพิ่งเสียชีวิตประมาณ 1 ชั่วโมง จึงนำศพส่งชันสูตรที่ รพ.เฉลิมพระเกียรติมาบตาพุด

จากการสอบสวนหญิงวัย 44 ปี มารดาผู้เสียชีวิตร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ บอกว่า ลูกชายอายุ 14 ปี บุตรชายเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนใน ต.มาบตาพุด ก่อนเกิดเหตุเมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ. ผู้ตายขอเงินไปตัดผม 150 บาท จะให้พี่สาวไปส่ง แต่ร้านปิด ผู้ตายบ่นเชิงน้อยใจว่า “พรุ่งนี้คงไม่ได้ไปสอบหรอก” แล้วก็เข้าห้องไป ตอนเช้าตนเห็นลูกชายแต่งตัวจะไปโรงเรียน ตนก็มัวแต่เตรียมของจะไปขาย จนเวลา 08.00 น. ยังไม่เห็นผู้ตายไปโรงเรียน จึงเดินไปดูที่ข้างบ้านที่กำลังสร้าง พบว่าผูกคอกับขื่อบ้านเสียชีวิตแล้ว หลังตั้งสติจึงรีบแจ้งตำรวจทันที

“สาเหตุคงจะครียดเรื่องตัดผม เกรงว่าถ้าไม่ได้ตัด อาจจะไม่ได้เข้าห้องสอบ ซึ่งปกติลูกชายก็ค่อนช้างเก็บกดไม่ชอบพูดจากับใคร ที่ผ่านมาเคยบ่นว่าอยากกลับไปเรียนที่บ้านเดิมที่สุโขทัยซึ่งเป็นบ้านของพ่อเด็กที่เลิกรากันมาเกือบสิบปีแล้ว ไม่คิดว่าลูกชายจะหนีปัญหาด้วยการผูกคอฆ่าตัวตายกับเรื่องเพียงแค่นี้ เสียใจมาก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะต้องหาเวลาเอาใจใส่ลูกให้มากกว่านี้ ลืมคิดไปว่าลูกมักจะชอบเก็บตัวเงียบ และเป็นคนขี้น้อยใจ ที่ผ่านมาก็มัวแต่ยุ่งเรื่องการทำมาหาเลี้ยงครอบครัว”

...

ขณะที่ เพื่อนบ้านบอกว่า ผู้ตายเป็นเด็กดี แต่ชอบเก็บตัวเงียบไม่สุงสิงกับใคร ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปคดี ผลการพิสูจน์สภาพศพเบื้องต้นของแพทย์ระบุว่า เป็นการผูกคอฆ่าตัวตายด้วยตนเอง ซึ่งทางครอบครัวก็ไม่ติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิต และขอรับศพไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดห้วยโป่ง ต.ห้วยโป่ง อ.เมืองระยอง.