ใครว่า "ส้นเท้าแตก" เป็นเรื่องเล่นๆ? เรื่องผิวเท้านี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่สำหรับสาวๆ ไม่น้อยไปกว่าผิวหน้าเลย บางคน "ส้นเท้าแตก" จนเจ็บเวลาเดิน หรือมีเลือดซึมๆ ออกมาด้วยก็มี
การรักษา "ส้นเท้าแตก" นอกจากจะช่วยในเรื่อง "ความงาม" ของเท้าแล้ว ยังทำให้สาวๆ ลดความกังวลและความรำคาญใจลงไปได้ เอาล่ะ...ก่อนที่จะปล่อยให้ส้นเท้าของคุณยับเยินไปมากกว่านี้
ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ ชวนมารู้จักวิธีรักษา "ส้นเท้าแตก" เพื่อกู้คืนส้นเท้าที่นุ่มเนียนน่าสัมผัส
1. น้ำอุ่น+หินขัดเท้า
วิธีนี้เริ่มจาก ให้คุณผสมน้ำอุ่นใส่กะละมังขนาดเล็ก แล้วแช่เท้าในน้ำอุ่นทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที เมื่อครบเวลาแล้วก็ให้ใช้หินสำหรับขัดเท้า นำมาขัดถูเบาๆ บริเวณรอยแตก เพื่อช่วยขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วให้หลุดออกไป ทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้านุ่มและเนียนมากขึ้น
เมื่อเสร็จแล้วก็ให้ล้างเท้าให้สะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วทาด้วยครีมบำรุงบริเวณ "ส้นเท้าแตก" ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ต่อเนื่องประมาณ 1 เดือน ก็จะเห็นผลที่ดีขึ้น
...
2. น้ำสบู่+น้ำมะนาว+วาสลีน
ส่วนวิธีนี้ก็คล้ายๆ กับวิธีแรก แต่น้ำอุ่นที่เตรียมไว้ ให้ใส่สบู่เหลวลงไปด้วย ตีจนขึ้นฟอง จากนั้นแช่เท้าในน้ำสบู่ประมาณ 15 นาที เมื่อครบเวลาก็ล้างเท้าให้สะอาด จากนั้นให้ใช้วาสลีน 1 ช้อนชาผสมกับน้ำมะนาว 1 ลูก นำมาถูบริเวณ "ส้นเท้าแตก" ถูวนๆ จนส่วนผสมซึมเข้าสู่ผิวหนัง ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเช่นกัน
3. มะนาว+น้ำมันมะกอก+เกลือ
สูตรนี้เป็นสูตรสครับเท้า สำหรับทำความสะอาด "ส้นเท้าแตก" และช่วยให้ส้นเท้ากลับมาเนียนนุ่ม เตรียมส่วนผสม คือ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ (หรือใช้สตรอว์เบอร์รี่บดก็ได้) เติมน้ำมันมะกอกกับเกลือเล็กน้อย คนผสมให้เข้ากัน พักไว้
ทำความสะอาดเท้าให้เรียบร้อย นำส่วนผสมที่ทำไว้มาขัดเบาๆ และนวดบริเวณส้นเท้า ทำสลับไปมาบนส้นเท้าแตกทั้งสองข้างประมาณ 15 นาที แล้วใช้ผ้าเช็ดออกให้สะอาด ทำแบบนี้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
4. น้ำอุ่น+เบกกิ้งโซดา+น้ำตาลทรายแดง
อีกหนึ่งสูตรสำหรับแก้ "ส้นเท้าแตก" ที่น่าสนใจ คือ นำเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะ ใส่ลงในอ่างน้ำอุ่น อาจจะหยดน้ำมันหอมระเหยที่คุณชอบลงไปสัก 1-2 หยด แล้วนำเท้าลงไปแช่ 15 นาที
จากนั้นนำเบกกิ้งโซดา 3 ส่วน น้ำเปล่า 1 ส่วน กับน้ำตาลทรายแดง 1 ส่วน ผสมให้เข้ากัน แล้วนำมาสครับให้ทั่วเท้าประมาณ 10-15 นาที จากนั้นล้างออก เช็ดเท้าให้แห้งแล้วตามด้วยการทาครีมบำรุง
5. น้ำมันมะกอก/น้ำมันงา
สูตรถัดมาเป็นการนวดน้ำมันลงบน "ส้นเท้าแตก" เพื่อช่วยสมานผิวรอยแตกให้หาย และทำให้ส้นเท้าเนียนนุ่มมากขึ้น วิธีทำคือให้เตรียมน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันงา ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ พักไว้ จากนั้นก็แช่เท้าด้วยน้ำอุ่น 15 นาที จากนั้นใช้ผ้าซับน้ำให้ออกพอหมาดๆ แล้วเอาน้ำมันมานวดบริเวณส้นเท้าแตกจนน้ำมันซึมสู่ผิวหนัง โดยไม่ต้องล้างออก ทำแบบนี้สัปดาห์ละประมาณ 2-3 ครั้ง ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
...
6. มะขามเปียก+ขมิ้นชัน+มะกรูด+แอลกอฮอล์
สูตรสครับส้นเท้าสูตรถัดมาเป็นสูตรสมุนไพร โดยต้องเตรียม มะขามเปียก, ขมิ้นชัน, มะกรูด และแอลกอฮอล์ล้างแผล ในสัดส่วน 1:1:1:1 โดยนำส่วนผสมทุกอย่างมาใส่ถ้วยเล็ก คนให้เข้ากัน พักไว้
ก่อนจะใช้สครับก็ต้องล้างเท้าให้สะอาด แช่เท้าในน้ำอุ่น 15 นาที จากนั้นจึงค่อยนำสมุนไพรที่เราผสมไว้มาขัดสครับผิวตรง "ส้นเท้าแตก" ขัดวนไปข้างละ 2-3 นาที แล้วล้างออก ควรทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
7. เปลือกกล้วยหอม
ปิดท้ายกันด้วย "เปลือกกล้วยหอม" ช่วยรักษา "ส้นเท้าแตก" ไม่ยากเลย แค่นำเปลือกกล้วยหอมมาทาๆ ถูๆ บริเวณส้นเท้าที่แห้งอยู่ ถูไปมาแล้วทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที และล้างออกด้วยน้ำสะอาด เช็ดเท้าให้แห้ง แล้วตามด้วยครีมบำรุงส้นเท้าและสวมถุงเท้าไว้สักพัก เพื่อให้ส้นเท้าไม่เสียความชุ่มชื้น ควรทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ทำต่อเนื่องประมาณ 1 เดือนก็จะเห็นผลที่ดีขึ้น
...
*เคล็ดลับเพิ่มเติม*
ในระหว่างการรักษาส้นเท้าแตก ควรทาครีมสำหรับเท้าเป็นประจำ ทาถูและนวดส้นเท้าเพื่อให้ครีมซึมได้ดี ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวเท้า และควรสวมใส่รองเท้าปิดส้นจนกว่าส้นเท้าแตกจะหาย ถ้าอยู่ในบ้านก็ให้สวมใส่รองเท้าสำหรับเดินในบ้าน และเวลานอนก็ให้ใส่ถุงเท้าเพื่อรักษาความชุ่มชื้นของเท้า จะช่วยทำให้แผลรอยแตกที่ส้นเท้าหายได้เร็วขึ้น.
ที่มา : medthai