ปลัดกระทรวงแรงงาน เผย บอร์ดค่าจ้างเตรียมปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปี 62 กำหนดเคาะตัวเลขเดือน มี.ค. ย้ำปรับตามสภาพเศรษฐกิจ ทุกจังหวัดไม่เท่ากัน...
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 62 นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงาน ประธานคณะกรรมการค่าจ้าง กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการค่าจ้างพิจารณาปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ประจำปี 2562 ว่า การประชุมวันนี้คณะกรรมการไตรภาคีเข้าประชุมครบทุกฝ่าย และอนุกรรมการค่าจ้างขั้นต่ำทุกจังหวัด ได้ส่งตัวเลขค่าจ้างขั้นต่ำแต่ละจังหวัดเข้ามาครบแล้ว มีการเสนอปรับขึ้นบ้างแต่ไม่มาก กำลังตรวจสอบว่าตัวเลขตรงตามข้อเท็จจริงหรือไม่ มติที่ประชุมแต่ละจังหวัดเป็นอย่างไร เพราะมติที่ประชุมอาจเห็นว่าน่าจะให้ขึ้นแค่ 1-2 บาท หรือ 5 บาท
ทั้งนี้ แต่ตัวเลขตามสูตรการคำนวนอาจจะไม่ตรงกัน ก็ต้องเอา 2 ตัวเลข มาดูอีกรอบหนึ่ง อัตราที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไร ส่งให้อนุกรรมการกลั่นกรองพิจารณาตรวจสอบ เพื่อความรอบคอบและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย แล้วจึงเอาข้อสรุปเข้าที่ประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง
สำหรับการพิจารณายังไม่ได้ข้อสรุปสุดท้าย ว่ามีการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำออกมาเป็นเท่าไร กระบวนการยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยมีปัจจัยการพิจารณาจากหลายองค์ประกอบ เช่น ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอัตราค่าจ้าง ที่ลูกจ้างได้รับในปัจจุบัน ดัชนีชี้วัดค่าครองชีพ อัตราค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อ มาตรฐานค่าเฉลี่ยค่าครองชีพ ต้นทุนการผลิตราคาสินค้าและบริการ ความสามารถในการประกอบธุรกิจ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ
รวมทั้ง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ การพิจารณาของอนุกรรมการค่าจ้างฯ น่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.พ. เพราะการปรับค่าจ้างในปี 2561 มีผลบังคับใช้วันที่ 1 เม.ย. 61 ถึง 30 มี.ค. 62 อัตราค่าจ้างใหมปี 2562 จึงต้องทำให้เสร็จก่อน 30 มี.ค. เพื่อให้มีผลบังคับใช้ 1 เม.ย.
ทั้งนี้ ส่วนที่ผู้นำแรงงานเรียกร้องให้ปรับขึ้นในอัตราเดียวกันทั่วประเทศ โดยจะให้ปรับ 360 บาท เป็นเพียงพูดกันเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แต่จะปรับเท่าไรจะต้องดูข้อเท็จจริงด้วยว่าเป็นอย่างไร ลูกจ้าง และนายจ้าง จะต้องอยู่ได้ทั้งสองฝ่าย ซึ่งโดยภาพรวมถือว่าปัจจุบันเศรษฐกิจดีขึ้น แต่ไม่กระจาย คนในระดับล่างไม่มีเงินในมือ เรื่องนี้เป็นสิ่งสำคัญ และเมื่อมีการปรับขึ้นค่าจ้าง กระทรวงพาณิชย์ ก็ต้องไปกำกับดูแลไม่ให้สินค้าขึ้นราคา
อย่างไรก็ตาม อัตราค่าจ้างขั้นต่ำในแต่ละจังหวัดจะไม่เท่ากัน ยังไงก็ไม่เท่ากัน เพราะค่าครองชีพไม่เท่ากัน อย่างกรุงเทพฯ กับ แม่ฮ่องสอน ก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับดัชนี ตัวชี้วัด 4-5 ตัว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ กับกระทรวงอุตสาหกรรม จะมีตัวเลขอยู่แล้ว ก็เอามาดูกับตัวเลขในแต่ละจังหวัดด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่ากรุงเทพฯ จะได้ขึ้นสูงสุดเหมือนปีที่ผ่านมา ขึ้นอยู่กับตัวชี้วัดด้วย ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ละจังหวัดจะได้ปรับเท่าไร ยังต้องรอมติที่ประชุม โดยจะมีการเคาะอัตราใหม่ ภายในเดือนมีนาคม.