เมื่อช่วงเย็นวันที่ 26 ธ.ค. 2561 แจ๊ส ชวนชื่น นักร้องนักแสดงตลกหนุ่ม แจ๊ส ชวนชื่น ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดงานศพ พ่อดม ชวนชื่น ที่วัดนวลจันทร์ ซึ่งในวันนี้นอกจากจะมีผู้คนใส่เสื้อสีชมพูมาร่วมงานกันแน่นแล้ว

ยังมีพวงหรีดที่ถูกส่งมาที่งานเพื่อร่วมแสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งเคลียร์ประเด็นเรื่องค่ารักษาพยาบาลโรคมะเร็งตับอ่อนของพ่อดมทั้งในเมืองไทยและที่ประเทศจีนก่อนเสียชีวิตที่ว่ากันว่าสูงถึง 5 ล้านบาทด้วย

พูดถึงการจัดงานศพของคุณพ่อในวันนี้?
"วันนี้ก็ยังดีใจนะ เมื่อวานคนอาจจะยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาก เพราะไม่รู้จะใส่สีอะไร สีชมพูจริงเหรอ แต่พอวันนี้มันชัดเจนจริงๆ แล้ว คนก็ใส่สีชมพูมา

เพราะพ่ออยากให้คนใส่สีชมพู พวงหรีดก็มาเรื่อยๆ แขกก็มาตลอด ก็ขอบคุณจากใจครับสำหรับคนที่รักพ่อที่มากัน ทั้งวงการตลกเอย ทั้งวงการนักแสดง ทุกๆ วงการเลยครับ ศิลปินทุกแขนงมางานพ่อหมดเลยครับ"

งานวันนี้ที่พี่จิ้มเขาจัดไว้ก็จะมีรำวงกับมหรสพ เมื่อวานมีลิเกไปแล้ว ก็ตามสตอรี่ของพ่อที่พ่อเคยพูดเอาไว้ แล้วก็จะมีดนตรี หลังจากนั้นก็จะเป็นตลกคณะชวนชื่นเล่นร่วมกันหมดครับอีกวันนึง

และวันสุดท้ายวันที่ 29 ธ.ค. ก็จะเป็นวงดนตรีของผมที่พ่อได้มาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน ก็จะเป็นอีกวันนึงที่ผมจะทำให้พ่อ ผมคิดมุกอะไรที่เราเคยเล่นกันไว้บนเวที ก็จะเป็นพี่ชายคนโตที่มาเล่นแทนพ่อที่หน้าเหมือนพ่อมากๆ"

มีฝันถึงพ่อบ้างมั้ย?
"ก็มีคนอื่นนะที่ฝันถึงพ่อ แต่ผมนี่ยังเลย เพราะวันที่เขาเสียที่พี่จิ๊ก เนาวรัตน์มาแต่งหน้าศพ ผมก็อยู่เป็นเพื่อนพี่จิ๊กด้วย เพราะพี่จิ้มเขาต้องมาดูเรื่องวัด ตอนพี่จิ๊กแต่งหน้า

ผมก็จับมือพ่อไว้ ก็บอกเขาว่าไม่ต้องมานะจะนอน นี่พูดจากใจจริงๆ อย่าเพิ่งมาตอนนี้ยังไม่ว่าง ก็คุยแบบนี้เลยเหมือนตอนที่เราคุยกับเขาจริงๆ พี่น้องคนอื่นผมก็ยังไม่ได้ถาม เพราะต่างคนต่างยุ่งๆ กันอยู่

...

คือด้วยบรรยากาศที่ไม่ได้โศกเศร้า เราพี่น้องทุกคนก็ต้องเข้มแข็งให้พ่อ หัวเราะให้พ่อเห็น ก็ยิ้มกัน เล่นกัน หัวเราะกัน เพราะเรารู้ว่าเขาไปสบาย มันเป็นทั้งงานไว้อาลัย ทั้งเป็นงานรวมตัวรำลึกถึงพ่อด้วยครับ"

ถามถึงเรื่องลูกคนที่ 15?
"ลูกคนที่ 15 เหรอ ผมก็ยังไม่รู้เหมือนกัน ซึ่งผมเข้าใจมาตลอดว่าผมเป็นคนสุดท้องแล้ว แต่ถ้ามีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ขนาดหลานของพ่อยังไม่กล้าเดินมาหาผมเลย

คือพ่อแตกแขนงไปเยอะมาก แฟรนไชส์พ่อเขาเยอะจัด ผมก็ไม่รู้ว่าสาขาไหนบ้าง ผมก็ไม่รู้เรื่องคนที่ 15 แต่ถ้ามีก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย ถ้ามีจริงๆ ก็อยากจะเจอเหมือนกันนะ แต่ที่รู้มาคือผมน่าจะคนสุดท้ายแล้วนะ"

ทำไมตอนนั้นเลือกพาพ่อดมไปรักษาที่เมืองจีน?
"ผมต้องขอบคุณ พี่นุ่น รมิดา โทรมาบอกผมว่าที่จีนรักษาได้มีหลายวิธีการรักษา มีถึง 18 การรักษา ผมก็พาพ่อไป ตอนนั้นพ่อยังไม่ทรุด ยังปกติอยู่ 18 การรักษานี่เป็นการรักษาเลยนะครับ

ไม่ใช่เป็นแผนโบราณหรืออะไร มันคือระบบของเขา ที่รักษาเฉพาะจุด หรือหลายๆ อย่าง ตัวผมทำงานก็จะถามอาการจากภรรยาเรื่อยๆ พี่น้องก็จะคุยกันตลอด"

เห็นว่าค่ารักษาสูงถึง 5 ล้านบาท?
"ผมไม่รู้ว่าเท่าไร เพราะเมียผมเป็นคนจัดการทั้งหมด ผมจำไม่ได้ แต่ก็เยอะครับ พี่น้องทุกคนก็ช่วยกันครับ เป็นเรื่องปกติครับที่ต่อให้เป็นหนี้สินก็ต้องทำ ทำยังไงก็ได้ให้พ่อหาย แรกๆ เราก็มีความหวัง แต่หลังๆ ที่จีนเริ่มบอกว่าต้องให้พ่อกลับ ก็ทำให้เริ่มรู้แล้ว

หลังๆ ก็ต้องรักษาตามอาการครับ แต่ก็ไม่อยากบอกพ่อ รักษาอยู่นานแต่ก็ไม่นานมาก ใจผมก็รู้ว่าพ่อต้องไปแต่ว่าจะเมื่อไหร่เท่านั้นเอง ที่ผ่านมาเราเลือกที่ไม่บอกใคร เพราะบอกพ่อแค่ว่าเป็นเนื้องอก และถ้าสมมติในกรณีที่เขาจะไม่ได้พัก ร่างกายโรยราไปเรื่อยๆ ใจคิดแน่ๆ ว่าพ่อตายแน่แต่เมื่อไหร่เท่านั้น

จนวันนี้มาถึง แต่เราก็ทำใจกันมาแล้ว เราก็ทำดีที่สุดแล้วครับ (ค่ารักษาจ่ายเรื่อยๆ ถึงหลักสิบล้านมั้ย?) ผมไม่แน่ใจนะ แต่ก็รักษาเรื่อยๆ พี่น้องก็ช่วยกันครับ"

พ่อแข็งแรงมาตลอด แสดงอาการนานไหม?
"นานครับ แรกๆ พ่อเสียดๆ จุกๆ ก็พาพ่อไปตรวจ คือพ่อไม่เคยเข้าโรงพยาบาลเลย ไม่เคยเลย ไม่สบายก็กินยา จนครั้งนี้ไปตรวจเจอระยะ 3 เกือบเข้าระยะ 4 ซึ่งเขาก็แข็งแรง

ผมก็คิดว่าพ่อจะเป็นเหรอ จนไปตรวจอีกครั้งผลก็คือเป็นครับ แต่ที่เขาแข็งแรงอยู่ เพราะอย่างอื่นเขาไม่เป็นอะไรเลย มีแค่มะเร็งในตับอย่างเดียว วันก่อนที่พ่อจะเสียทุกอย่างเขาดีหมด เป็นที่ตับอย่างเดียวครับ แต่พ่อแข็งแรงก็ไม่คิดว่าจะเป็นขนาดนี้ นี่เป็นการสูญเสียครั้งแรกในชีวิตของผม คือถ้าพ่อไม่เป็นโรคนี้ก็คงเป็นโรคอื่น

ผมเชื่อเรื่องข้างบนนะว่าเขาสั่งมาให้พ่อต้องไปแล้ว คำว่าปาฏิหาริย์มันไม่มี เพราะเราเห็นจากหน้า จากตา พ่อเริ่มทรุด เริ่มผอม อยู่ที่ว่าจะไปตอนไหนเท่านั้นเองครับ".

...