ซีพีจ่อคว้าไฮสปรีดเทรนเชื่อม 3 สนามบิน หลังเสนอขออุดหนุนต่ำกว่าราคาที่รัฐกำหนด 1.19 แสนล้านบาท แต่เปิดช่องยังไม่ตัดสิทธิ์บีทีเอสที่ขออุดหนุนสูงกว่า จ่อเรียกซีพีคุยอีกครั้งวันที่ 21 ธ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ในวันที่ 14 ธ.ค. ทาง รฟท.จะต้องประกาศผลการประกวดราคาในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา) เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง ระยะทาง 220 กิโลเมตร วงเงินลงทุนรวม 220,000 ล้านบาท ซองที่ 3 (ด้านการเงิน) จากที่เมื่อวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา รฟท.ได้เปิดซองข้อเสนอราคาของเอกชนร่วมลงทุนโดยมี 2 กลุ่มบริษัทที่ผ่านการประเมินด้านเทคนิค (ซองที่ 2) เข้าร่วมยื่นเสนอราคา คือ กิจการร่วมค้าบีเอสอาร์ และกิจการร่วมค้าบริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร เข้าร่วมรับฟังการประเมินด้วย ซึ่งเบื้องต้นพบว่าทั้ง 2 กลุ่มบริษัทไม่ได้เสนอของบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐเกินกรอบที่กำหนดไว้ 119,000 ล้านบาท โดยทาง รฟท.ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเอกชนกลุ่มไหนเป็นผู้เสนอของบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐน้อยที่สุด
จนมาวานนี้ (14 ธ.ค.) ทาง รฟท.ได้แจ้งผ่านเอกสารเผยแพร่ว่า ตามที่ รฟท.ได้มีการเปิดซองข้อเสนอเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินซองที่ 3 (ด้านการเงิน) โดยคณะกรรมการคัดเลือกตรวจสอบความถูกต้องและความเชื่อมโยงของเอกสารดังกล่าว ฉะนั้น คาดว่าจะสามารถประกาศผลราคา ภายในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ รฟท.จะแจ้งกำหนดที่แน่นอนให้ทราบอีกครั้ง หลังจากนั้นคณะกรรมการคัดเลือก จะได้เชิญผู้ชนะการประมูลมาเจรจาต่อรองเงื่อนไขสัญญาแล้ว
นายวรวุฒิ มาลา รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคัดเลือกฯ โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง วงเงินลงทุน 224,544.36 ล้านบาท ว่ากิจการร่วมค้า บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด และพันธมิตร ที่มีบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด (CP) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เป็นผู้ยื่นข้อเสนอด้านการเงินดีที่สุดในการประมูลครั้งนี้ โดยกลุ่ม CP ยื่นขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลน้อยที่สุด จากวงเงินเต็ม 119,000 ล้านบาท และต่ำกว่ากิจการร่วมค้า บีเอสอาร์ (BSR Joint Venture) ที่มี บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เป็นแกนนำ
ทั้งนี้ ข้อเสนอของกลุ่ม CP ยังมีบางจุดที่ไม่ชัดเจน ทางคณะกรรมการฯจึงเรียกกลุ่ม CP มาชี้แจงความสอดคล้องของเอกสาร 8 ด้านในข้อซองด้านการเงินเพิ่มเติม แต่กลุ่ม CP มีพันธมิตรเป็น China Railway Construction Corporation Limited (CRCC) จากสาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย ทางกลุ่ม CP จึงขอเวลาหารือและสอบถามข้อมูลจากพันธมิตรต่างชาติก่อน โดย CP จะส่งข้อมูลเพิ่มเติมและนัดชี้แจงในสัปดาห์หน้าไม่เกินวันที่ 21 ธ.ค. 2561 แต่ถ้าหากข้อมูลพร้อม ก็อาจจะนัดประชุมเร็วกว่านั้น
ขณะที่กลุ่ม BTS เสนอขอรับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลสูงกว่า 119,000 ล้านบาท แต่ยังไม่พบปัญหาเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูล คณะกรรมการฯ จึงยังไม่ได้เรียกกลุ่ม BTS เข้าหารือ อย่างไรก็ตามหากผู้เข้าประมูลทั้ง 2 ราย สามารถแสดงความเชื่อมโยงและความชัดเจนของข้อมูลทั้งหมด ก็จะผ่านข้อเสนอซองที่ 3 ทั้งคู่ สำหรับ BTS ซึ่งเสนอราคามากกว่าเพดานการอุดหนุน 119,000 ล้านบาท ก็สามารถผ่านการพิจารณาซองที่ 3 ได้ เพราะถ้าหากให้ผู้เสนอขอรับวงเงินอุดหนุนสูง 119,000 ล้านบาท สูงกว่าสอบตกในซองที่ 3 แล้ว แต่หากรัฐบาลเจรจากับเอกชนที่ขอรับเงินอุดหนุนต่ำกว่า 119,000 ล้านบาทไม่สำเร็จ ก็เท่ากับจะต้องล้มประมูลและร่างเงื่อนไขการประมูล (TOR) ใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้ เมื่อทราบผลข้อเสนอซองที่ 3 ด้านการเงินแล้ว คณะกรรมการฯจะเรียกผู้ที่เสนอวงเงินอุดหนุนต่ำกว่ามาเปิดข้อเสนอพิเศษซองที่ 4 และเจรจาการลงทุนกับรัฐบาลก่อน ใช้เวลาเจรจาประมาณ 2 สัปดาห์ โดยข้อเสนอซองที่ 4 เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพโครงการไม่มีผลต่อผลการประมูล
โดยหากเจรจากับผู้เสนอราคาต่ำกว่าสำเร็จ เอกชนรายนั้นก็จะเป็นผู้ชนะ แต่ถ้าหากเจรจากับผู้เสนอราคาต่ำสุดไม่ได้ ก็จะเรียกเอกชนอีกรายมาเปิดข้อเสนอซองที่ 4 และเจรจาเป็นรายถัดไป โดยเชื่อว่าการพิจารณาข้อเสนอในการประมูลทั้งหมดยังเป็นไปตามกรอบเวลา.