"สมศักดิ์" โวให้รอดู 7 วัน จุดขายหาเสียง "พลังประชารัฐ" ได้เห็นอะไรดีๆ ยังกั๊กเสนอชื่อ "บิ๊กตู่" เป็นนายกฯ ฝากถาม "มาร์ค" จะจับมือกับใคร หลังทำเป็นเมิน ด้าน "ปรีชา" แขวะสุดท้ายก็วิ่งมาเอง...
เมื่อวันที่ 28 พ.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตแกนนำสามมิตร สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และในฐานะประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์การหาเสียงเลือกตั้ง ได้เรียกประชุมคณะกรรมการฯเป็นนัดแรก โดยกล่าวก่อนประชุมว่า เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อมในข้อกฎหมาย เพื่อให้ผู้ที่ช่วยสนับสนุนหาเสียง และผู้ที่ลงพื้นที่ไม่ทำผิดกฎหมาย ส่วนนโยบายพรรคจะนำเอานโยบายรัฐบาลมาใช้ แต่ต้องดูอันไหนใช้ได้ใช้ไม่ได้ เพราะบางครั้งนโยบายรัฐบาลผลิตออกมารวดเร็ว จึงต้องมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาดู ทั้งนี้นโยบายของพรรคจะเหนือกว่าตัวผู้สมัคร และพรรคจะมีจุดขายอะไรดึงดูดขอให้รอดูภายใน 7 วันนี้ จะเห็นอะไรดีๆ
สำหรับตัวบุคคลที่พรรคจะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นจุดแข็งของพรรค ที่ประชาชนควรได้รับรู้ในเวลาที่เหมาะสม เพราะประชาชนจะให้คะแนนให้กับผู้ที่จะมาเป็นผู้นำในวันข้างหน้าถือเป็นเรื่องสำคัญ ส่วนการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นนายกรัฐมนตรีในนามของพรรค คิดว่าจะให้ง่ายต่อการหาเสียงเลือกตั้งหรือไม่นั้นอย่าเพิ่งคิดไปก่อน ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลอะไรเลย และทันทีที่ปลดล็อกการเมืองการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคณะทำงาน
ส่วนกรณีโพลของมหาวิทยาลัยรังสิตระบุ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นอันดับ 1 ที่ประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เห็นว่าเพราะพล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงพรรคพลังประชารัฐ อยู่แถวหน้ามาตลอด โดยมีปัจจัยความสงบสุขของบ้านเมือง สร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ไม่ทำให้นักลงทุนและนักท่องเที่ยววิตกเหมือนในอดีต เช่น ความวุ่นวายในการประชุมผู้นำอาเซียน ปี 52 ที่ผู้นำต่างประเทศต้องหนีม็อบ แต่ปัจจุบันไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นแล้ว ส่วนกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่มีทางจับมือกับพรรคพลังประชารัฐแน่นอน นายสมศักดิ์ กล่าวว่า "คุณอภิสิทธิ์พูดอย่างนั้นเหรอ แล้วจะไปจับกับใครล่ะ"
...
ขณะที่นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณีนายอภิสิทธิ์ว่า "โอ๊ย ไม่จับหรอก แต่วิ่งตามมาเลย เชื่อผมเถอะอยู่การเมืองมา 30 กว่าปีที่บอกว่าไม่จับๆ สุดท้ายก็วิ่งตามมาหมด"
อย่างไรก็ตามพรรคจะเริ่มทำกิจกรรมทันทีหลังปลดล็อก วางกลยุทธ์หาเสียงแต่ละภาค ส่วนที่มองกันว่ามีอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยจำนวนมากเข้ามาจะทำให้เกิดพื้นที่ทับซ้อนกับผู้สมัครบางคนที่มาก่อนหน้านี้นั้น ตรงนี้ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน เพราะเวลานี้ไม่มีกลุ่มสามมิตร มีแต่พลังประชารัฐที่สามารถพูดคุยกันได้
ส่วนการที่พรรคเพื่อไทยระบุว่าอดีตส.ส.ส่วนใหญ่ที่มาพลังประชารัฐ เป็นพวกแถวสามที่ไม่ใช่ตัวเด่น นายปรีชา กล่าวว่า ขอให้ดูรายชื่อ เชื่อพรรคเพื่อไทยเองก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้าไม่อย่างนั้นอดีตรัฐมนตรีพรรคจะย้ายมาทำไม ตนไม่เคยกลัวพรรคไหน คนที่ตนต้องกลัวคือประชาชนเพราะเป็นผู้ที่ต้องหากาคะแนน และกระแสพื้นที่ตอนนี้ก็ดี โดยเฉพาะจ.เลยมั่นใจ 100 % ได้ยกจังหวัด.