ครม.ให้‘ผู้ถือบัตรสวัสดิการ’ พ่วงค่านํ้า-ค่าไฟ-ค่าเช่าบ้าน ช่วยแบ่งเบาภาระอีก10เดือน
ครม.ป๋ามาก อนุมัติงบวันเดียว 86,994 ล้านบาท เกือบครึ่งเป็นการทุ่มช่วยคนถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านราย คนจนเฮ! รัฐให้เงินเป็นของขวัญปีใหม่คนละ 500 บาท ช่วยจ่ายค่านํ้า ค่าไฟ คนชราได้เงินเพิ่มค่าเดินทางไปหาหมอ 1,000 บาท ค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อเดือน พร้อมช่วยข้าราชการเกษียณที่รับเงินบำนาญต่ำกว่าเดือนละ 1 หมื่นบาท ให้รับเต็ม 1 หมื่นบาท เพิ่มเงินบำเหน็จดำรงชีพให้กับข้าราชการบำนาญที่อายุ 70 ปีขึ้นไป จาก 4 แสนบาท เป็น 5 แสนบาท ขณะที่ “บิ๊กตู่”ดักคอสื่อห้ามเขียนรัฐบาลแจกงบฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 20 พ.ย. ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้อนุมัติเงินงบประมาณเพื่อใช้ดำเนินการ ในโครงการต่างๆ รวม 86,994 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.มาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติม ผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 38,730 ล้านบาท 2.เงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ 559 ล้านบาท และเงินบำเหน็จดำรงชีพ 24,700 ล้านบาท 3.เงินชดเชยดอกเบี้ย 3,876 ล้านบาท ให้ธนาคาร อาคารสงเคราะห์ (ธอส.) จัดทำโครงการบ้านล้านหลัง ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ให้ผู้มีรายได้น้อย มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในอัตราดอกเบี้ยผ่อนปรน 4.มาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ 525 ล้านบาท 5.โครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกร ชาวสวนยางพารา 18,604 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายพุฒิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมว่า ครม.เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันเพิ่มจาก 11.4 ล้านราย เป็น 14.5 ล้านรายแล้ว รวม 4 มาตรการ มีค่าใช้จ่าย 38,730 ล้านบาท โดยใช้เงินจากกองทุนประชารัฐ เพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ได้แก่ 1.ช่วยบรรเทาภาระค่าน้ำค่าไฟ รวม 10 เดือน ตั้งแต่เดือน ธ.ค.2561 ถึง ก.ย.2562 ในอัตราค่าไฟ 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน และค่าน้ำ 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน โดยให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการฯไปจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟตามปกติ จากนั้นกรมบัญชีกลางจะโอนเงินกลับมาในกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในบัตรสวัสดิการให้เอง แต่มีเงื่อนไขต้องใช้อย่างประหยัดและไม่เกินวงเงินที่กำหนดจึงจะได้รับสิทธิ์ ในส่วนนี้ใช้เงิน 27,060 ล้านบาท 2.ให้เงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายช่วงปลายปีถือเป็นของขวัญปีใหม่ที่รัฐบาลมอบให้ 500 บาทต่อคน ในเดือน ธ.ค.2561 และถอนออกมาได้ ใช้เงิน 7,250 ล้านบาท 3.ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 1,000 บาทต่อคน ถอนเงินออกมาได้ ใช้เงิน 3,500 ล้านบาท 4.ช่วยเหลือค่าเช่าบ้าน 400 บาทต่อคนต่อเดือน สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการฯ อายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นระยะเวลา 10 เดือน ตั้งแต่ ธ.ค.2561 ถึง ก.ย.2562 ใช้เงิน 920 ล้านบาท
...
นายพุทธิพงษ์กล่าวย้ำด้วยว่า การออกมาตรการทั้งหมดนี้ไม่ได้หวังผลทางการเมือง เพราะรัฐบาลเน้นการช่วยเหลือคนจนและคนสูงอายุ อย่างเงินที่ให้คนละ 500 บาทนั้น มาจากการสำรวจว่าปลายปีต้องมีค่าใช้จ่ายมาก รัฐบาลจึงให้เป็นของขวัญปีใหม่เพื่อนำไปใช้จ่ายในสิ่งที่ต้องการ ส่วนการช่วยผู้สูงอายุ นายกรัฐมนตรีอยากให้ทุกรัฐบาลทำต่อเนื่อง เพราะคนสูงอายุกำลังมีเพิ่มขึ้น
ด้านนายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวว่า มาตรการที่ออกมายังเน้นการช่วยเหลือผู้สูงอายุ ที่นอกเหนือจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแล้ว คือกลุ่มข้าราชการบำนาญ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ข้าราชการบำนาญที่รับเงินต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท ให้ได้รับเต็ม 10,000 บาทต่อเดือน มีผู้มีสิทธิ์ 52,736 คน ซึ่งรัฐต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเดือนละ 46 ล้านบาท รวม 559 ล้านบาทในปีงบประมาณนี้ 2.เพิ่มเพดานการจ่ายเงินบำเหน็จดำรงชีพให้กับข้าราชการบำนาญที่อายุ 70 ปีขึ้นไป จาก 400,000 บาท เป็น 500,000 บาท มีผู้ได้รับสิทธิ์ 159,094 ราย รัฐมีค่าใช้จ่าย 24,700 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ เป็นเงินที่รัฐต้องจ่ายอยู่แล้ว แต่จ่ายให้เร็วขึ้นก่อนการเสียชีวิต นอกจากนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการช็อปช่วยชาติเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชนในช่วงปลายปี แต่จะมีวิธีิการแตกต่าง ไปจากเดิม
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งให้กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ ออกมาให้ครบในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ โดยในส่วนกระทรวงการคลังให้ดูรูปแบบของมาตรการช็อปช่วยชาติ ส่วนธนาคารในกำกับของรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน จะออกมาตรการช่วยปรับโครงสร้างหนี้ของผู้ที่อยู่ในวัยทำงานให้ครบวงจร ส่วนธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จะมีการออกมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพขับรถแท็กซี่ ให้ผ่อนวันละ 300 บาท เป็นเวลา 7 ปี และจะได้เป็นเจ้าของรถ ซึ่งดีกว่าจ่ายค่าเช่า และเตรียมคิดโครงการรูปแบบเดียวกันเพื่อช่วยผู้มีอาชีพขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างด้วย ซึ่งมองว่าการมีมาตรการออกมาเพิ่มในช่วงต้น ธ.ค.ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.กล่าวภายหลังประชุม ครม.ว่ารัฐบาลมีการพิจารณาเพิ่มเติมเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ค่าน้ำ ค่าไฟจะทยอยเพิ่มไปเรื่อยๆตามลำดับ วันนี้อาจจะได้สำหรับคนที่มีบัตร หากจะให้ทีเดียวทั้งหมดอาจจะทำให้ประชาชนพอใจ แต่รัฐบาลต้องแบกรับหนี้สิน และมีเรื่องของระเบียบการใช้จ่ายงบประมาณฉบับใหม่ก็ออกมาแล้ว ปัญหาสำคัญที่สุดคือมีการกล่าวอ้างว่าคนจนจน กว่าเดิม ตนเห็นใจผู้มีรายได้น้อย วันนี้มีโครงการบ้านล้านหลังที่จะให้มีการผ่อนชำระดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ไม่อยากให้สื่อเขียนว่ารัฐบาลนี้แจกๆๆ เพื่อการเมือง ทุกอย่างกว่าจะออกมาได้ต้องดูกฎหมายวิธีการ ดูงบฯ ที่มีอยู่ เราพยายามเร่งสปีดเต็มที่พอดีมันก็ออกมาในช่วงนี้ อย่าหาว่าเป็นเรื่องการเมืองไปทั้งหมดเป็นเรื่องของการทำงานต่อเนื่อง วันหน้ารัฐบาลใหม่มาก็คงต้องทำต่อเนื่อง หลายโครงการตนก็ทำต่อเนื่องจากของเขา บางเรื่องดีแต่ดีไม่หมด ก็มาแก้ไขให้ดีทั้งหมด ทั้งสาธารณสุข การศึกษา ซึ่งจะให้แต่ละกระทรวงมาชี้แจงว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ต้องสร้างการรับรู้ให้แต่ละกลุ่มเป้าหมายรู้ว่าเราทำอะไรให้บ้าง