นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาพิเศษ “จากอีอีซี สู่เศรษฐกิจพิเศษทั่วประเทศไทย” ในงานสัมมนา Next Step Thailand : EEC ยุทธศาสตร์ไทยเชื่อมโลกว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จัดทำรายละเอียดโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคใต้ (เอสอีซี) เสร็จแล้ว เตรียมเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเดือน พ.ย.นี้ หรือไม่เกินต้นเดือน ธ.ค. ครอบ คลุม 4 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช จากนั้นจะทำการศึกษาโครงการ คาดจะแล้วเสร็จกลางปี 62
สำหรับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในเอสอีซี คือ การพัฒนาท่าเรือระนอง วงเงิน 10,000 ล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ชุมพร-ระนอง วงเงิน 10,000 ล้านบาท ที่จะเชื่อมระบบโลจิสติกส์ของฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกและมหาสมุทรอินเดีย หรือจากอ่าวไทยไปอันดามัน โดยมีไทยเป็นจุดศูนย์กลาง ขณะที่โครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาก หากนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ขอให้ดำเนินการอะไร นายกรัฐมนตรีจะให้หมด เรียกได้ว่าเป็นลูกรัก
ด้านนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการอีอีซีกล่าวว่า วันที่ 16 พ.ย.นี้จะปิดขายซองเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) สนามบินอู่ตะเภา ซึ่งเป็นหนึ่งใน 5 โครงการ โครงสร้างพื้นฐานของอีอีซี และในเดือน พ.ย.นี้จะขายซองทีโออาร์ครบทั้ง 5 โครงการ คาดจะได้ผู้ชนะการประมูลเดือน ก.พ.62 และใน 5 ปี หรือในปี 66 โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และ สนามบินอู่ตะเภาจะแล้วเสร็จ ขณะที่นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวเมืองใหม่อีอีซี” ว่า อีอีซีจะทำให้การเดินทาง ทั้งผ่านทางรถไฟความเร็วสูง และเครื่องบินมาลงที่สนามบินอู่ตะเภา ช่วยเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้นมหาศาล ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้จากการท่องเที่ยว และช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่ขอเสนอให้ทำเส้นทางจักรยานจากสนามบินอู่ตะเภา เลียบสวนยางพารา เพราะราคายางไม่ดี ก็ให้ตัดหญ้าปรับปรุงเป็นสถานที่พักผ่อนและหากผลักดันให้มีกองถ่ายทำภาพยนตร์ มาถ่ายทำในพื้นที่มากขึ้น จะช่วยทำให้เกิดการกระจายรายได้ และกระจายเรื่องราวดีๆเชื่อมโยงอีอีซีออกไปได้.