ฮอตเบอร์แรงนาทีนี้ต้องยกให้ เข้ม-หัสวีร์ ภัคพงษ์ไพศาล พระเอกใหม่ป้ายแดง จากละคร “ไฮโซสะออน” ทางช่อง 7 ประกบนางเอกรุ่นพี่ แม็กกี้-อาภา ภาวิไล ลงจอกวาดเรตติ้งตอนแรกสูงถึง 6.2 จนทำให้ใครต่อใครอยากรู้จักหนุ่มหล่อสไตล์ไทยขึ้นมาทันที “คนดังนั่งคุย” ไม่รอช้าพร้อมเสิร์ฟเอาใจแฟนๆทันที กว่าเข้มจะมีวันนี้ที่ก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้นั้น ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ส่วนความรักโสดสนิทนะจ๊ะ!!
เล่น “ไฮโซสะออน” ได้เป็นพระเอกกดดันมั้ย
“ขอเล่าย้อนไปถึงวันแรกที่มาแคสงานที่ช่อง 7 บอกตรงๆว่าผมสั่นมาก สั่นกว่าทุกครั้งที่เคยเป็น แต่ก็คิดว่ามันเป็นโอกาสครั้งเดียวของเรานะ เราต้องทำให้ดีที่สุด หลังจากที่เข้ามาทำเทป ผ่านไป 2 เดือน เค้าก็เรียกมาเซ็นสัญญา นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ได้เล่นละครไฮโซสะออนกับค่ายมีเดีย ซีนแล้วได้เป็นพระเอกเลย ผมกลับถึงบ้าน ผมถามตัวเองว่าทำไมมันเร็วจัง คือก่อนหน้านี้จะคิดว่าเมื่อไหร่จะมีงานหนอ แต่พอตอนนี้คือแบบ ผมได้งานแล้ว ผมต้องไปถ่ายคู่กับนางเอกคือพี่แม็กกี้ (อาภา ภาวิไล) ที่เขามีผลงานมาทั้งหนัง ทั้งละคร แล้วผมจะไปเป็นตัวถ่วงเค้ามั้ย ผมคิดจนเครียดกับตัวเอง
แต่โชคดีที่พี่ๆทีมงานและพี่แม็กกี้เข้าใจผม ช่วงที่ละครเปิดกล้องใหม่ๆ พี่ๆเขาให้ผมเข้าไปดูกองถ่ายก่อน ดูการแสดงของแม่ปุ๊-ปิยมาศพอกลับมาถึงบ้าน ถามตัวเองอีกแล้วว่า จะทำได้มั้ยเนี่ย แต่เราไม่กล้าพูดกับผู้ใหญ่ กลัวจะเสียโอกาส บอกกับตัวเองว่าต้องทำได้ๆ วันแรกไปถ่าย ผมก็เล่นตามที่เราเข้าใจ ปรากฏว่ามันไม่ใช่ พี่เพชร ผู้กำกับ (พุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร) ก็มาบรีฟๆ ตอนที่ถ่ายแค่ 2 ฉากนี่ ผมอ่านบทตลอดเวลา ใครพูดอะไรไม่สนใจ อ่านๆ ท่องๆ ให้จำได้ พอเดินมาถึงหน้าเซต ขาสั่นครับทุกคนก็แซว พอถ่ายไปเดี๋ยวก็คุ้นเคยเอง”
...
บทไอดิน เป็นอย่างไร
“คาแรกเตอร์ของไอดิน เขาเป็นผู้ชายที่รู้จักตัวเอง มีความทรงจำที่ดีกับรักแรก แต่ก็รู้ตัวดีว่าวันนี้เขายืนอยู่ในจุดไหน ไอดินจะมีทั้งมุมกวนๆ มุมที่อยู่กับตัวเอง พอถ่ายมาได้สักพักผมก็เข้าใจตัวละครมากขึ้น ผมบอกกับตัวเองตั้งแต่รู้ว่าได้เล่นละครเรื่องนี้ว่า ผมไม่อยากเป็นภาระให้ใคร ดังนั้นพอมากองผมก็ไหว้ทุกคน ขอวิชาจากทุกคน บอกทุกคนว่าสอนผมเถอะครับ ผมอยากทำได้ ทั้งแม่ปุ๊ พี่ๆทุกคนก็พร้อมจะแนะนำผมหมดเลย โชคดีอีกอย่างของผมคือตัวละครไอดินมีความเป็นคนอีสาน ซึ่งเป็นเหมือนที่ผมเป็น ดังนั้นอะไรที่เป็นอีสานเนี่ย ผมจะสบายๆ คือมันใกล้ตัวผม ในเรื่องจะมีทั้งพูดอีสาน กินอาหารอีสาน ซึ่งผมเองถนัดอยู่แล้ว ตอนนี้ละครออกอากาศมาได้สักพัก ผมก็ได้รับฟีดแบ็กที่ดีมากๆ ต้องขอบคุณทุกๆคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้โอกาสกับผมตั้งแต่วันแรก และขอบคุณแฟนละครที่ให้การตอบรับด้วยนะครับ”
พอละครออกอากาศครอบครัวเข้มเป็นอย่างไร
“ที่บ้านนี่ก็ตื่นเต้นกันทั้งหมู่บ้าน ผมโทร.บอกคุณพ่อที่บึงกาฬ หมู่บ้าน บ้านท่าสะอาด ซึ่งลุงผมเป็นผู้ใหญ่บ้าน ว่าละครไฮโซสะออนจะออกอากาศ 1 พ.ย.นะ ลุงกับตาผมก็จะประกาศเสียงตามสายในหมู่บ้านให้รู้ทั่วกันว่า วันที่ 1 เด้อพี่น้อง ลูกหลานบ้านเฮาสิออกหน้าจอแล้วพี่น้อง จอแก้ว จอทอง อย่าลืมเบิ่งเด้อ เข้มเด้อ (หัวเราะ) ผมก็โทร.ขอให้ลุงซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านประกาศทุกวันด้วยครับ เป็นเสียงตามสายของหมู่บ้าน คือพอหมู่ 1 ประกาศเสร็จ หมู่ 6 ก็ประกาศต่อ แล้วคนในหมู่บ้านก็จะมาแซวพ่อ แซวตา แซวยาย แซวคนในบ้านว่ามีลูกเป็นดารา ส่วนแม่นี่หน้าบานมากครับ แม่มาอยู่กับผมที่กรุงเทพฯ วันที่ละครออกวันแรก ชวนออกจากบ้านไปไหนไม่ยอมไปเลย นั่งกอดทีวีอยู่บ้านรอตั้งแต่บ่ายแล้ว บ้านที่บึงกาฬนี่เรียกว่ามาดูละครผมพร้อมกันที่บ้านผมทั้งหมู่บ้านเลย (ยิ้ม)”
ฟีดแบ็กละครก็ดี แถมถูกแซวเทียบชั้นรุ่นพี่ ศรราม เทพพิทักษ์
“การที่มีคนรู้จักผมแล้วผมจะต้องเปลี่ยนตัวเองมั้ย ผมคงไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น ผมอยากเป็นตัวเองมากกว่า ให้คนรู้จักตัวเราในแบบที่เราเป็น ผมเป็นลูกอีสาน ยังพูดอีสานกับครอบครัว ยังกินอาหารอีสานปกติเหมือนที่เคยกิน แต่เราจะต้องรู้จักมีสัมมาคารวะและรู้จักกาลเทศะมากขึ้นเท่านั้น ผมคงไม่เปลี่ยนอะไร แค่ตอนนี้เริ่มมีคนจำผมได้ ไปไหนเริ่มมีคนทักมากขึ้น ส่วนการนำผมไปเทียบกับพี่หนุ่มผมดีใจมากกว่าครับ แต่เรื่องการเทียบชั้นกับพี่หนุ่ม เพราะว่าพี่หนุ่มเป็นนักแสดงมากฝีมือ เล่นละครเรื่องไหนดังเรื่องนั้น ถ้าบอกว่าผมคล้ายพี่เขาผมก็ดีใจสิครับ เมื่อก่อนผมอาจจะไม่คิดอะไร พอมีคนทัก ผมก็ทำความรู้จักพี่หนุ่มผ่านสื่อต่างๆ สิ่งที่พี่เขาเป็น เขาเป็นคนเก่ง ทำงานเก่ง รักครอบครัว มีความกตัญญู พี่เขาชอบทำบุญ พี่เขาคือไอดอลของผม การถูกเปรียบเทียบกลับทำให้ผมรู้สึกอยากทำอย่างพี่เขา มีพี่เขาเป็น ต้นแบบ แต่ท้ายที่สุดเราก็คือตัวเราเอง เราคงเหมือนพี่เขาไปทุกอย่างไม่ได้”
...
ก่อนหน้าเข้มเข้าวงการบันเทิง เข้มทำอะไรมาก่อน
“หลังจากที่ผมเรียนจบ ม.3 ก็เข้ามาทำงานกับคุณอาที่อยู่รังสิต ทำเกี่ยวกับเครื่องสกรีน ทำป้าย ตำแหน่งที่ผมทำคือช่างเชื่อม เพราะผมชอบทำงานช่าง ชอบซ่อมอะไรแบบนี้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ช่วงที่ทำงานผมก็ไปลงเรียน ปวช.ช่างกล ไปด้วย เข้ากรุงเทพฯมาสักพักก็มีโอกาสรู้จักกับพี่ที่ทำโมเดลลิ่ง ผมก็เลยมีโอกาสได้ไปเดินแบบด้วย แต่สักพักพอเริ่มมีงานแสดงเข้ามาเพิ่ม ผมก็ลาออกจากงาน ถามว่าวันนั้นทำไมกล้าที่จะตัดสินใจเลือกเส้นทางนี้ ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ตอนที่พี่โมเดลลิ่งเขาชวนผมไปแคสคุณตาผมห่วงมาก เพราะผมก็เพิ่งมาจากต่างจังหวัด แล้วพี่โมเดลลิ่งเขานัดให้ผมไปบ้าน ผมก็ไป ไปแบบกลัวๆ โลกใบนี้มีทั้งคนดีและคนไม่ดีอยู่แล้ว แต่ผมโชคดีที่ผมได้รู้จักแต่คนดีๆ จิตใจดี”
ตัวตนจริงๆ เข้มเป็นคนยังไง
“ตัวผมเองเป็นคนสนุกสนาน กวนๆ อยู่ไม่ค่อยนิ่งเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเราสนิทเรายิ่งสนุก คือผมจะมีความสุขเวลาที่ได้เห็นรอยยิ้ม ได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคนที่อยู่รอบข้าง ผมชอบให้คนรอบข้างผมมีความสุข บางคนบอกว่าผมบ้า ผมไม่ได้บ้านะ แต่ผมแค่ชอบเอนเตอร์เทน คือผมเป็นคนทำอะไรชอบทำแบบสุดๆไปเลย แต่ในอีกมุมนึง ผมก็มีความซีเรียสเหมือนกัน เป็นคนที่มีแนวทางของตัวเองค่อนข้างสูง เนื่องจากพื้นฐานชีวิตของเข้มลำบากมาก ที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตหาเงินเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงที่บ้าน ผมเป็นคนจังหวัดบึงกาฬ เป็นคนอีสานแท้ๆเลย พ่อกับแม่ผมแยกทางกันตั้งแต่ผมอายุ 10 ขวบ ต้องดูแลตัวเองเพราะว่าพ่อกับแม่ก็ต่างคนต่างออกไปทำงานกัน ผมจะอยู่กับตา-ยายบ้างแต่ก็ไม่เหมือนอยู่กับพ่อแม่เนอะ เราต้องมีภูมิคุ้มกันให้ตัวเองคือต้องมีความคิดโตกว่าวัย ดังนั้นถามว่าเข้มเป็นแบบไหน อยู่ที่ว่าเวลานั้นเรากำลังทำอะไร และคนที่เราอยู่ด้วยเป็นอย่างไร”
...
ความรักสำหรับเข้มวันนี้เป็นอย่างไร
“เรื่องความรักผมมองว่าถ้าจะมามันก็มาเอง ผมไม่ได้ไปวิ่งหา ที่ผ่านมาก็มีแบบคุยๆกันบ้าง ซึ่งผมก็บอกเขาเลยว่า ผมอยู่ในช่วงทำงาน ผมบอกแบบนี้กับทุกคนที่เข้ามาในชีวิต รวมถึงก่อนหน้านี้ด้วย สเปกของผม ผมชอบผู้หญิงยิ้มเก่ง หน้ากวนๆหน่อย ผมชอบผู้หญิงที่มีคาแรกเตอร์ ชอบผู้หญิงตัวสูง 165 เซนติเมตรขึ้น เพราะด้วยความที่ตัวผมก็เป็นคนตัวสูงใหญ่อยู่แล้ว ก็เลยจะชอบคนที่สูงๆหน่อย ยิ่งถ้ายิ้มเก่ง คุยด้วยแล้วรู้สึกมีความสุขจะดีมากๆ ผมคิดว่าเรื่องความรัก มันคือคำว่าระหว่างเรา มันจะไม่ใช่คนใดคนหนึ่ง หมายถึงเราและเค้าจะต้องเป็นตัวของตัวเอง เราเป็นตัวของเรา เค้าก็เป็นตัวของเค้า แล้วมาผสมกันดูว่าจะครบมั้ย ถ้าเวลาคบกันมีอะไรที่ไม่ชอบซึ่งกันและกัน เราพร้อมจะปรับ แต่คงไม่ถึงกับเปลี่ยนความเป็นตัวเอง ผมมองว่าการยอมรับซึ่งกันและกันนั่นล่ะ ที่จะทำให้ความรักมันดำเนินต่อไปได้ ผมเชื่อว่าวันหนึ่งข้างหน้า ถ้าจะมีความรักเข้ามาหา ผมก็อยากได้ความรักในรูปแบบที่เข้าใจกันแบบนี้”
...
อนาคตของเข้มนับจากวันนี้
“ผมเป็นคนวางแผนชีวิตแบบสั้นครับ วางไว้ทีละ 5 ปี ผมคิดว่าภายใน 5 ปีนี้ สิ่งที่ผมจะต้องทำให้ได้ คือเรียนให้จบปริญญาตรี ตอนนี้ผมเรียนนิเทศศาสตร์ ปี 2 มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เรื่องเรียนเป็นสิ่งที่ผมทิ้งไม่ได้ เพราะผมรับปากกับตาผมเอาไว้ เนื่องจากลูกหลานของตาผมยังไม่มีคนไหนที่เรียนจบปริญญาเลย ผมจะเป็นคนแรกของครอบครัวให้ได้ ส่วนเรื่องงาน ผมตั้งใจทำออกมาให้ดีที่สุด ตอนนี้ผมมีละครไฮโซสะออน, หัวใจลูกผู้ชาย, จ้าวสมิง และตะกรุดโทน ผมมองวัยของผมตอนนี้ คือวัยทำงาน เรื่องความรักสำหรับผมยังไม่ถึงเวลา อย่างที่บอก ถ้าผมยังปลูกบ้าน ยังทำให้พ่อกับแม่และคนในครอบครัวมีความสุขไม่ได้ ผมก็ยังไม่พร้อมที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขเหมือนกัน อนาคตของผมตอนนี้เลยมีแต่เรื่องเรียนกับงานเท่านั้นครับ”.
ทีมข่าวบันเทิง