การเลือกสกินแคร์มาบำรุงผิวของคุณผู้หญิง นอกจากต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวแล้ว ก็ต้องเลือกที่มีส่วนผสมของสารสกัดธรรมชาติ ปลอดสารเคมี มีสรรพคุณทางยาช่วยดูแลผิว แก้สิว ผดผื่น ลดรอยแดง ลดรอยแผลเป็น ได้อย่างเห็นผล

ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ ชวนมารู้จัก 3 สมุนไพรธรรมชาติที่นิยมนำมาสกัดสารสำคัญ (Extract) แล้วเอามาเป็นส่วนผสมในสกินแคร์ เพื่อบำรุงผิวได้อย่างตรงจุดมากขึ้น และข้อดีของสกินแคร์ที่ใช้สารสกัดจากธรรมชาติคือ ปลอดภัยกับผิวที่บอบบาง ดีกว่าใช้ผลิตภัณฑ์จากสารเคมี

1. ต้นเลือดมังกร (Dragon's Blood)

ดราก้อน บลัด เป็นยางของต้นพืชมหัศจรรย์ที่ชื่อว่า Croton Lechleri หรือ Sangre de Grado ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ที่อยู่ในป่าอเมซอน แถบประเทศเปรู เมื่อใช้มีดกรีดลงไปบนลำต้น จะมียางดิบสีแดงคล้ายเลือด หรือที่เรียกว่า เลือดมังกร ไหลออกมา ซึ่งยางไม้สีแดงนี่เอง ที่มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษา สมานแผล สมานผิว และถูกยกย่องว่าเป็นพืชศาสตร์อันเก่าแก่ที่สืบทอดจากชาวอินคาในอดีต

...

ปัจจุบันนิยมนำสารสกัดจากยางดิบสีแดง มาใช้ในสกินแคร์เพื่อบำรุงผิว ในแง่ของการลดรอยดำ ลดรอยแผลเป็น ลดริ้วรอย มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิว สร้างคอลลาเจน และยับยั้งการสร้างเอนไซม์โปรติเอส (Protease Enzyme) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำลายโครงสร้างเนื้อเยื่อของผิว ช่วยให้ผิวเนียนละเอียด ตึงกระชับ เนียนใส ดูอ่อนวัย

ช่วยให้ผิวหน้ามีความกระชับเต่งตึง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินตามธรรมชาติ
 ลดเลือนริ้วรอย พร้อมป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
 ปกป้องผิวจากมลภาวะและต่อต้านอนุมูลอิสระ
 ซึ่งตามท้องตลาดก็มีสกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Dragon's Blood อยู่หลายแบรนด์เลยทีเดียว

2. วิช ฮาเซล (Witch Hazel)

วิช ฮาเซล เป็นพืชจากอเมริกาเหนือ เป็นไม้พุ่มขนาดเล็ก เมื่อนำเปลือก ใบ และกิ่ง มาสกัด จะได้สารสกัดตัวหนึ่งชื่อว่า สารแทนนิน (Tannin) มีสรรพคุณที่โดดเด่นทางด้านการปลอบประโลมผิว ลดการอักเสบ ต้านอาการแพ้ ยับยั้งแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุของการเกิดสิว จึงนิยมนำมาเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีปัญหาสิว เช่น โฟมล้างหน้า โทนเนอร์ โลชั่นน้ำรักษาสิว เป็นต้น

นอกจากนี้สารสกัดจากวิช ฮาเซล ยังสามารถซ่อมแซมผิว ลดรอยคล้ำจากฝ้า กระ และจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวยืดหยุ่นได้ดี ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ กระตุ้นผิวให้สร้างอิลาสตินและคอลลาเจน ทำให้ผิวเต่งตึง ไม่แห้งกร้าน เพิ่มความแข็งแรงให้ผิว ทำให้ผิวเรียบเนียน ชุ่มชื่น กระชับรูขุมขน ช่วยสมานผิว มีคุณสมบัติเป็น Antioxidant ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ

3. น้ำมันเมล็ดมะรุม (Moringa Oil)

น้ำมันมะรุม (Moringa Oil) เป็นสารสกัดที่ได้จากเมล็ดของต้น Moringa oleifera หรือมะรุมสายพันธุ์ท้องถิ่นของชาวหิมาลายัน มีจุดเด่นในด้านการต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงฟื้นฟูผิว น้ำมันมะรุมอุดมไปด้วยสาร Oxalic acid ที่มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยขยายหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต มีสารฟลาโวนอยด์ ที่ช่วยชะลอความแก่ (Anti-aging) และยังอุดมด้วยวิตามิน เอ-อี-ซี อีกด้วย

...

ด้วยเหตุนี้น้ำมันมะรุมจึงถูกเลือกให้นำไปใช้ในด้านสุขภาพและความงาม คุณสมบัติในการรักษาของน้ำมันมะรุมได้ถูกบันทึกกว่าหลายทศวรรษซึ่งมีมาแต่สมัยโบราณ หากใช้ทาหนังศีรษะ จะช่วยรักษาโรคเชื้อราบนหนังศีรษะ หมักผมเพื่อบรรเทาอาการผมร่วง คันศีรษะ ป้องกันรังแค และยังใช้ทาผื่นคันอันเกิดจากการอับชื้นในร่มผ้า เช่นจากการใช้ผ้าอ้อมทั้งเด็กและคนชราได้ดี

ในปัจจุบันมีสกินแคร์หลายตัวที่มีส่วนผสมของนำ้มันมะรุม เพื่อช่วยบำรุงผิว มีจุดเด่นในด้านการต้านอนุมูลอิสระและฟื้นฟูสภาพผิว เช่น น้ำมันนวด ครีมลดเลือนริ้วรอย ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ดูแลหนังศีรษะ สบู่ก้อน สบู่เหลว น้ำมันหอมระเหย น้ำหอมและดีโอระงับกลิ่นกาย เป็นต้น.

ที่มาภาพบางส่วน : xixnature