ใช้แร็ปชนแร็ป พท.ปูดแจกเงินพากิน-พาเที่ยว
แร็ปสู้แร็ป “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เผย แต่งเพลงแร็ป “Thailand 4.0” ประชัน “ประเทศกูมี” ขับเน้นความจริงอีกด้าน ประเทศไทยมีของดี กำลังขับเคลื่อนสู่ไทยแลนด์ยุค 4.0 เผยเนื้อเพลงปลุกใจเปลี่ยนโลก พุ่งออกนอกกะลา พปชร.คาด กกต.รับรองพรรคไม่เกิน 15 พ.ย. สามมิตรโวลั่นกวาด 100 เก้าอี้ พท.ปูดเริ่มแล้วเทศกาลพากินพาเที่ยว-นัดผู้นำพื้นที่แจกเงิน “เพื่อชาติ” ขอยืนตรงกลางทำบ้านเมืองสงบ “ตู่” เตือนอย่าขวาง “เทือก” เดินคารวะแผ่นดิน ตกหลุมพรางจัดฉากละเลงขัดแย้ง “ยงยุทธ” สำทับเกมยั่วยุจ้องล้มเลือกตั้ง โชว์วิชั่นเอาชนะคะคาน ยืนเลือกข้างมีแต่ย่อยยับ ตระกูลเชิดชัยย้ายวิกร่วมงาน ปชป.สวน “บิ๊กตู่” ตื่นตูมยังไม่เห็นสัญญาณวุ่นวายจากการวิพากษ์ รัฐบาล “ชัช เตาปูน” หวังกวาด ส.ส. 20 เก้าอี้ ปูด “ฟิล์ม” ถูกพรรคใหญ่ฟาดหัว 30 ล้าน
กรณีเพลงแร็ป “ประเทศกูมี” สร้างกระแสกระหึ่ม โดยเฉพาะการหยิบยกเอาปัญหาประเทศ รวมทั้งประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกับการเมือง มาบอกว่าประเทศนี้มีอะไร จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมาพักใหญ่ ล่าสุดนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ออกมาเผยว่าได้แต่งเพลงแร็ป “Thailand 4.0” ที่มีจังหวะทำนองเดียวกัน เพื่อเปิดมุมมองอีกด้าน บอกสิ่งดีๆและการขับเคลื่อนของประเทศไทย
แร็ป “ไทยแลนด์ 4.0” สู้ “ประเทศกูมี”
เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) เปิดเผยว่า กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้แต่งเพลง “Thailand 4.0” เป็นเพลงแร็ป เพื่อจะบอกถึงความเป็นไทยที่มีของดี และการขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งคนไทยต้องมีนวัตกรรมเพื่อไปสู้กับประเทศอื่น ขอให้มีไอเดีย กล้าลอง การที่รัฐบาลทำเพลงแร็ปไทยแลนด์ 4.0 ไม่ได้ต้องการไปสู้กับเพลงประเทศกูมี แต่เป็นจังหวะเดียวกับเพลงประเทศกูมีเผยแพร่ออกมาพอดี รัฐบาลก็เลยใช้จังหวะนี้ให้เพลงไทยแลนด์ 4.0 ออกมาสื่อสารกับประชาชนด้วยทำนองเพลงแร็ป เพื่อให้ประชาชนเห็นและรับรู้ในสิ่งที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอีกด้านหนึ่ง ไม่ได้ด่าหรือว่าใคร ทั้งนี้เพลงไทยแลนด์ 4.0 จะเผยแพร่ผ่านสื่อทุกช่องทางทั่วประเทศในวันที่ 4 พ.ย.นี้ และในวันที่ 5 พ.ย.จะนำเพลงนี้ไปเปิดในงานนายกรัฐมนตรีพบประชาคมวิจัยจากภาครัฐ เอกชน และมหาวิทยาลัย ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมีชาวมหาวิทยาลัยทั่วประเทศกว่า 500 คนมาร่วม เพื่อมอบสมุดปกขาว “การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ ไทย” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยตนอาจจะแต่งเป็นนักร้องเพลงแร็ป แล้วแร็ปออกไปด้วยก็ได้
...
เผยเนื้อเพลงพุ่งออกนอกกะลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับเนื้อหาของเพลง Thailand 4.0 แต่งโดยนายจุลเชษฐ์ เลอเกียรติ กับนายร่มเกล้า ถมพิทักษ์ มีเนื้อหาว่า “สวัสดีเมืองไทยตอนเช้า อย่ามัวแต่นั่งหาว เราลุกขึ้นลุกขึ้น อย่ามัวนั่ง ถอนอกถอนใจ ทำใหม่จัดไป ให้ Wow ขึ้น Wow ขึ้น โลกเปลี่ยน เราก็ปรับ ให้มันทัน คิดใหม่ทุกๆวัน สร้างขึ้นสร้างขึ้น อยากเท่ อยากสวย อยากรวย ไม่มีหมูในอวย ต้องทำขึ้นทำขึ้น ตัวเรา ลูกเรา หลานเรา ไม่น้อยหน้าใครเขาถ้าโลกเรากว้างขึ้น ลูกมะพร้าว ที่เคยครอบครองไว้ ลองยกมันออกไป สว่างขึ้นสว่างขึ้น คนไทยเก่งๆมากมาย ขอแค่รวมเป้าหมาย แกร่งขึ้นแกร่งขึ้น แค่เปลี่ยนออกมานอกกะลา ใครที่บอกว่าเราบ้าน่ะ โง่ขึ้นโง่ขึ้น คนไทยเรามาชุมนุม มารวมความคิด ให้ใหม่ ให้ล้ำ คิดมันให้ไกลออกไป เราไปได้ไกล ถ้าเราร่วมมือ แค่เรารวมแรง ร่วมใจ ก็ไปได้ไกล ได้ดีกว่านี้ โลก เรายังคงหมุนไป นวัตกรรมใหม่ ทำให้ไทยสู้ได้ ทำวันนี้ พรุ่งนี้ให้มันดี แค่เข้าใจและ Agree ก็ขึ้น ดีขึ้น เก่งเก่า เก่งเก๋า ก็ทำได้ แค่เข้าใจโลกใหม่เก่งขึ้นเจ๋งขึ้น Gen M Gen Z Genไหน เห็นด้วยตอบใช่ จะง่ายขึ้นง่ายขึ้น สมองไทย ไปไกลทั่วโลก ไม่ได้เป็นเรื่อง Joke คนไทยเก่งขึ้น สมองมี กับความคิดดีๆ แค่บวกเทคโนโลยี ไปได้ไกลขึ้น นวัตกรรม ใครว่ายากจัง รู้-คิด-สร้างทำ ทำขึ้น ทำขึ้น จะทำนา ปลูกผัก ทำไร่ ใส่ไอเดียเข้าไป ราคาก็ดีขึ้น นักประดิษฐ์ คิดแอป ทำจรวด ส่งความคิดมาประกวดให้เฉียบขึ้นเฉียบขึ้น รับจ้าง นักเรียน นักศึกษา คิดนอกตำรา ก็เตรียมตัวรวยขึ้น พนักงาน ออฟฟิศ ผู้ผลิต ขอเพียงอย่าหยุดคิด ชีวิตยิ่งดีขึ้น รื้อราก ขุดตอ ถอนโคน ทุบกะลาให้มันโดน ไทยกระโจนไกลขึ้น คนไทยเรามาชุมนุม มารวมความคิด ให้ใหม่ ให้ล้ำ คิดมันให้ไกลออกไป เราไปได้ไกล ถ้าเราร่วมมือ แค่เรารวมแรง ร่วมใจ ก็ไปได้ไกล ได้ดีกว่านี้ โลกเรายังคงหมุนไป นวัตกรรมใหม่ ทำให้ไทยสู้ได้”
พปชร.คาด กกต.รับรองไม่เกิน 15 พ.ย.
นายชวน ชูจันทร์ ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐและว่าที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ขณะนี้ต้องรอให้ กกต.ทำการรับรองพรรคอย่างเป็นทางการก่อน คาดจะเร็วไม่น่าเกินวันที่ 15 พ.ย. เพราะเราทำข้อมูลส่งไปค่อนข้างดี เนื่องจากมีประสบการณ์มากขึ้น และได้ส่งไปตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค. ส่วนเวลานี้ที่ได้เตรียมไว้ล่วงหน้าคือในส่วนของผู้ที่จะมาเป็นสมาชิก และที่จะมาเป็นตัวแทนลงสมัครแต่ละจังหวัด ส่วนอย่างอื่นยังทำอะไรไม่ได้มาก พอ กกต.รับรองพรรคก็จะเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคทันที เพราะผู้ที่จะสมัครเป็นสมาชิกพรรคและจะลง ส.ส.ต้องก่อนวันที่ 26 พ.ย. ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองเวลานี้ อยากเห็นการเมืองไทยพัฒนา เลิกสาดโคลนกัน
เปิดหลักสูตรปัญญาประชารัฐ
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ว่าที่รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ภายหลังมีการเปิดตัวสถาบันปัญญาประชารัฐไปแล้วนั้น วันที่ 5 พ.ย. เวลา 16.30 น. ที่ห้องศุภมิตร โรงแรมรอยัล ปริ้นเซส จะมีการเปิดทีมงานคนรุ่นใหม่ของสถาบันปัญญาประชารัฐพร้อมหลักสูตร ก่อนที่ปลายปีนี้จะเปิดหลักสูตรปัญญาประชารัฐอย่างเป็นทางการ เพราะเดี๋ยว กกต.จะรับรองการจัดตั้งพรรคแล้ว ทั้งนี้ ทีมงานจะมาดูทั้งหลักสูตร อบรมผู้นำ และนโยบายพรรค วันนั้นส่วนของทีมงานจะมีการเปิดตัว 10-20 คนก่อน มาจากหลากหลายสาขา เพราะเราจะเริ่มจัดทัพแล้ว นอกจากนี้ วันที่ 8 พ.ย. พลังประชารัฐจะมีการเปิดตัว ทีมงานประชาสัมพันธ์และโซเชียลมีเดีย โดยมีนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าที่โฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นแม่งาน และหลัง กกต.รับรองพรรคจะเปิดตัวทีมงานชุดต่างๆ ต่อไป ร่วมถึงเปิดสาขาพรรคในภาคต่างๆ
สามมิตรตั้งเป้าเหนือ–อีสาน 100 ที่นั่ง
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หนึ่งในกลุ่มสามมิตร ให้สัมภาษณ์ถึงการวางยุทธศาสตร์หาเสียงในพื้นที่ภาคอีสานและภาคเหนือ พื้นที่เข้มแข็งของพรรคเพื่อไทยว่า กลุ่มสามมิตรได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและอีสาน เกิดความรักสามัคคี สร้างความปรองดอง พร้อมนำประเด็นปัญหาต่างๆ ไปกำหนดเป็นนโยบายที่โดนใจชาวบ้าน ปฏิบัติได้จริง ทั้งแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ที่ทำกิน ปัญหาปากท้อง เพิ่มบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และเดินหน้าปราบหนี้นอกระบบให้สิ้นซากไปจากประเทศไทย ขณะนี้ยังจะมีอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.และดาวรุ่งในพื้นที่ต่างๆ ภาคอีสานมาร่วมอุดมการณ์กับกลุ่มสามมิตรและพรรคพลังประชารัฐ โดยภาคอีสาน มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่ม นายสุพล ฟองงาม นายวิรัช รัตนเศรษฐ และตนรับผิดชอบ มั่นใจในกระแสตอบรับ เชื่อมั่นประชาชนจะให้ความไว้วางใจได้ ส.ส.70 คนขึ้นไป ส่วนภาคเหนือ มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รับผิดชอบ ขณะนี้ตั้งเป้าได้ ส.ส.30 คนขึ้นไป
“ดำรงดิศ” นำภราดรภาพหาสมาชิก
วันเดียวกัน ที่ตลาดสด ซอยเพชรเกษม 79 ม.ร.ว.ดำรงดิศ ดิศกุล หัวหน้าพรรคภราดรภาพ พร้อม ด้วยนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ เลขาธิการพรรค และคณะ สวมเสื้อสีเขียว ชูป้ายโลโก้พรรค ลงพื้นที่รับสมัครสมาชิกพรรคในพื้นที่เขตหนองแขม เริ่มตั้งแต่ตลาดสด ซอยเพชรเกษม 79 ตลาดนัด ซอยเพชรเกษม 77 ตลาดอุ่นเรือน และตลาดอัศวิน โดย ม.ร.ว.ดำรงดิศกล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เนื่องจากไม่แน่ใจว่าพูดเรื่องนโยบายพรรคได้ขนาดไหน ส่วนกระแสข่าวว่าเป็นสาขาของพรรคพลังประชารัฐนั้น ความจริงอยากให้มองว่า แม้ตนมาจากพรรคไทยรักไทย แต่พรรคของเราจะพยายามเป็นตัวเชื่อมของคนละฝ่ายมาพูดคุยกัน วางเป้า ส.ส.ไว้ 10 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคภราดรภาพตั้งเมื่อปี 56 มีนักการเมืองระดับชาติ ท้องถิ่นในภาคใต้เป็นเแกนนำพรรค ส่งลงสมัครเลือกตั้งเมื่อปี 57 จากนั้นเแกนนำกลุ่มสามมิตรบางคนไปทาบทามแกนนำพรรคนี้มาเพื่อเป็นพรรคสำรองของกลุ่มสามมิตรหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง
“พีระศักดิ์” ปัดช่วยรัฐบาลตีปี๊บ
ที่หอประชุมโรงเรียนบ้านทุ่งพรหมทอง ต.บางลาย อ.บึงนาราง จ.พิจิตร นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) คนที่ 2 ในฐานะประธานคณะกรรมการดำเนินงานโครงการ สนช.พบประชาชนตามวิถีไทยนิยมยั่งยืน พร้อมคณะสมาชิก สนช. และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่รับฟังปัญหาของประชาชน มีผู้ว่าราชการจังหวัด ส่วนราชการ ผู้นำท้องถิ่น และประชาชนเข้าร่วม นายพีระศักดิ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีข่าวว่าตนเองพาผู้สมัคร จ.พิจิตร 3 ราย ที่คาดว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ สนช.พบประชาชนด้วยว่าเป้าหมายหลักการลงพื้นที่หลายปีที่ผ่านมา ตนและทีมงานสนช.ทุกคน จะเน้นรับฟังชาวบ้านในพื้นที่ รวบรวมสรุปส่งต่อให้ถึงมือรัฐบาล อยากให้ดูที่เนื้องานที่เรารับฟังปัญหาชาวบ้านมากกว่า ไม่ใช่เอาแต่มาตาม จับผิดเรื่องคัดผู้สมัครรับเลือกตั้ง กำหนดการลงพื้นที่ก็ทำล่วงหน้าไว้เป็นแรมปี จึงไม่มีนัยอื่นๆแน่นอน
แห่รับ “บิ๊กป้อม” ทอดกฐินนครพนม
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่วัดโฆสมังคลาราม บ้านโคกสว่าง ต.โคกสว่าง อ.ปลาปาก จ.นครพนม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.สส. และคณะ ลงพื้นที่ทำบุญทอดกฐินสามัคคีประจำปี เพื่อสมทบทุนสร้างพระมหาเจดีย์โฆสปัญโญศรีพนม ถวายเป็นพุทธบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า รวมถึงถวายแด่พระสุนทรธรรมากร หรือหลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดธาตุมหาชัย พระเกจิ อาจารย์ชื่อดังสายวิปัสสนากรรมฐาน ฉายาเทพเจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง ได้ยอดรวม 32 ล้านบาท ทั้งนี้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ในพื้นที่ จ.นครพนม รวม 4 เขต ได้เดินทางมาให้การต้อนรับด้วย ประกอบด้วย เขตเลือกตั้งที่ 1 นายธงทิพย์ แห่สถิต อดีตประธานสภา อบจ.นครพนม สมาชิกสภา อบจ. นครพนม เขต เลือกตั้งที่ 2 น.ส.ณัฏฐ์พัชร ยงใจยุทธ หรือน้ำผึ้ง อดีตผู้สมัครนายก อบจ.นครพนม เมื่อปี 2555 หลานสาว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เขตเลือกตั้งที่ 3 นพ.อลงกต มณีกาศ อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อแผ่นดิน ฉายาหมอขวัญใจคนยาก และในเขตเลือกตั้งที่ 4 นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ที่เป็นขวัญใจชาวบ้านกลุ่มเพื่อไทยมาตลอด ขณะเดียวกัน นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ และอดีต ส.ส.พรรค ภูมิใจไทย เขต 1 นครพนม ได้เดินทางมา ต้อนรับด้วย โดย พล.อ.ประวิตรได้พูดคุยหยอกล้อ ว่า “คนนี้คนละพรรค” นายศุภชัยจึงตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “พวกเดียวกันครับ” ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐเคยมาทาบทามนายศุภชัย แต่ถูกปฏิเสธ เจ้าตัวยังขออยู่พรรคภูมิใจไทยต่อไป
“สุเทพ” เดิน จ.ตราด คึกคักไร้ป่วน
เมื่อเวลา 07.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย พร้อมด้วย นายกิตติธัช ไชยอรรถ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย และสมาชิกพรรค ได้ร่วมกันกราบไหว้ขอพรสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่บริเวณหน้าศาลากลาง จ.ตราด ก่อนจะเคลื่อนขบวนเดินเท้าเข้าสู่ตลาดเทศบาลเมืองตราด ตลาดไร่รั้ง ท่ามกลางบรรยากาศคึกคัก มีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า มาขอถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกอย่างต่อเนื่อง จากนั้น ได้เดินไปตามถนนเส้นต่างๆในเขตเทศบาลเมืองตราด เพื่อเชิญชวนประชาชนสมัครเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรค นายสุเทพกล่าวว่า ชาวตราดส่วนหนึ่งก็เคยเข้าร่วมต่อสู้กับกลุ่ม กปปส. มั่นใจว่าจะได้สมาชิกจำนวนมาก และเมื่อมีสมาชิกครบ 500 คนก็จะทำการตั้งสาขาพรรคที่ จ.ตราด โดยใช้บ้านของนายกิตติธัชเป็นสำนักงาน
พท.ปูดแจกเงิน–พากินเที่ยวแล้ว
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงรายพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประชาชนในระบอบการปกครองประชาธิปไตย คือหัวใจและมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอำนาจการปกครองประเทศเป็นของประชาชน การเลือกตั้งคือกระบวนการถ่ายโอนอำนาจจากประชาชนไปให้ ส.ส. ใช้อำนาจแทนประชาชน และ ส.ส.ก็จะไปเลือกนายกฯ เพื่อทำหน้าที่บริหารประเทศ ออกนโยบาย ควบคุมการใช้จ่ายเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน อำนาจของประชาชนจึงเป็นอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ อย่ายอมให้ใครใช้เงินหรือสินจ้างรางวัลใดๆมาซื้อ หรือมาแลกอำนาจของท่าน เพราะเขาจะเอาอำนาจของท่านไปใช้เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัวและหมู่คณะของเขา โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ วันนี้ในหลายพื้นที่เริ่มแล้ว มีการนัดผู้นำแจกเงิน หลอกล่อด้วยผลประโยชน์ พากินพาเที่ยว ขอให้ประชาชนทั้งหลายพึงระวังและตระหนักถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับตัวท่าน ลูกหลานและบ้านเมือง ถ้าได้บุคคลเหล่านี้เข้าไปเป็นผู้ใช้อำนาจแทนท่าน
เพื่อชาติขอเป็นกลาง–บ้านเมืองสงบ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลเวิลด์ สำโรง พรรคเพื่อชาติ ได้เปิดสาขาพรรคภาคกลาง และสถาบันพัฒนาการเมืองพรรคเพื่อชาติ พร้อมบรรยายพิเศษหัวข้อ “ฟื้นประชาธิปไตย ก้าวไปด้วยกัน” โดยนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในฐานะผู้สนับสนุนพรรคเพื่อชาติ โดยมีสมาชิกพรรคเข้าร่วมอย่างคึกคัก ทั้งนี้ นายจตุพรให้สัมภาษณ์ก่อนการบรรยายว่า พรรคเพื่อชาติสนับสนุนแนวทางที่เป็นกลาง เพราะบ้านเมืองต้องการความสงบสุข ซึ่งเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ พร้อมกับความเป็นประชาธิปไตย มีการเลือกตั้ง และได้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แก้ไขปัญหาประเทศทั้งเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
อย่าขัดขวางเดินคารวะแผ่นดิน
นายจตุพรกล่าวถึงการเดินคารวะแผ่นดินของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ว่า การเดินของพรรคการเมืองถือเป็นสิทธิเสรีภาพ เราต่างมีบทเรียนเรื่องของการกระทบกระทั่งที่อาจก่อให้เกิดการต่อต้าน สุดท้ายก็จะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ จนเป็นเหตุไม่ให้ประเทศไทยมีการเลือกตั้ง จึงรู้สึกห่วงใยต่อการเดินของพรรค รปช. อยากเรียกร้องให้ประชาชนอย่าขัดขวาง เพราะการแสดงออกซึ่งการต่อต้านนั้นบางเรื่องก็เป็นเรื่องจริง แต่ต่อมาจะมีวิวัฒนาการจัดฉาก เราต้องเป็นประชาธิปไตยที่สามารถพูดคุยกันได้ แม้จะมีความคิดแตกต่างกัน นายกฯ ระบุถ้าบ้านเมืองไม่สงบก็จะไม่มีการเลือกตั้ง วันนี้มีการต่อต้านพรรคการเมืองที่ไปเดินหาสมาชิก จึงเกรงว่าจะนำไปสู่กระบวนการจัดการจนล้มการเลือกตั้งในที่สุด ดังนั้นทุกคนควรหลีกเลี่ยง ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องไปฟัง เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ ตนและนายยงยุทธเห็นว่าการจะได้มาซึ่งนายกฯ และการจัดตั้งรัฐบาล ควรมีการพูดคุยกันทุกฝ่าย เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา จะก่อให้เกิดวิกฤติได้ทุกเมื่อ ดังนั้นทุกฝ่ายควรหันหน้ามาคุยกัน ทั้งพรรคการเมือง ผู้มีอำนาจ และภาคประชาชน ขอให้ตกลงเป็นสัญญาประชาคมกันก่อน
หวั่นจัดฉาก ละเลงกันทั้งสองฝ่าย
นายจตุพรกล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้เรื่องยากที่สุดของพวกเราทุกฝ่ายคือการยื่นไมตรี ถ้ายื่นมือไปแต่เขาส่งเท้ามาเราก็แค่เดินหนี ถ้าไปด่าลุงกำนันอีกฝ่ายก็มาด่าพวกเรา นำไปสู่การจัดฉากซึ่งบ้านเราเกิดมามากมายเหลือเกิน มีคนถามว่าตนจะไปเดินหรือไม่ ทุกวันตนก็เดินอยู่แล้ว การที่พวกเรามาทำหน้าที่เป็นกองเชียร์ เพราะหวังว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนั้นจะเป็นทางออกให้กับประเทศไทย การต่อสู้เรื่องประชาธิปไตยตนต่อสู้มาตั้งแต่วัยเด็กในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี 2535 แต่วันนี้ถ้าเรายังคิดแบบเดิมคือออกไปเดิน ถ้าเราไม่รู้ว่าประชาชนต้องการอะไรกันนั้น เราก็เป็นผู้นำที่ล้มเหลวเพราะไม่รู้จักความ ต้องการประชาชน ตนตกผลึกทางความคิด พรรคเพื่อชาติเหมือนประตูเปิดนำพาไปสู่การสร้างชาติ การฟื้นประชาธิปไตยก้าวไปด้วยกันมีความจำเป็น มีความสำคัญ ตนมาเป็นกองเชียร์พรรคเพื่อชาติตนสบายใจมากที่สุด ความจริงเชียร์พรรคใหญ่ก็สบาย แต่เราผ่านพ้นจุดนั้นมาแล้ว พรรคใหญ่เหมือนเรือประมงขนาดใหญ่ต้องล่าปลาในทะเลลึก เพื่อชาติเหมือนประมงชายฝั่ง แต่ชักจะลำใหญ่ขึ้นทุกทีเพราะประชาชนขานรับ
เตือนเกมยั่วยุทำเลือกตั้งล้ม
ด้านนายยงยุทธให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ทุกคนเป็นห่วงว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่ แต่สิ่งที่พวกเราเป็นห่วงมากที่สุด คือความขัดแย้ง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เราไม่เห็นด้วยกับการบังคับประชาชนให้เลือกข้าง ดังนั้น ทุกฝ่ายควรร่วมมือกัน เพราะทุกคนต่างมีศักยภาพในตัวเอง ขอให้มายืนอยู่ในเกาะกลางแล้วร่วมมือกันพัฒนาประเทศ เพื่อมอบมรดกดีๆ ไว้ให้ลูกหลานในวันข้างหน้า เราเป็นห่วงอย่างยิ่งต่อการเผชิญหน้าของประชาชน ไม่อยากให้มีการยั่วยุระหว่างที่พรรคการเมืองเดินหาสมาชิก เพราะอาจจะก่อให้เกิดความพลิกผันจนทำให้ไม่มีการเลือกตั้งได้
ถ้ายังเลือกข้างกันอยู่มีแต่ย่อยยับ
จากนั้นนายยงยุทธ ในฐานะกองเชียร์พรรคเพื่อชาติ กล่าวบรรยายในหัวข้อ “ฟื้นฟูประชาธิปไตย ก้าวไปด้วยกัน” ตอนหนึ่งว่า ในประเทศเผด็จการที่ปกครองด้วยทหารทุกประเทศจะมีคำว่ารัฐซ้อนรัฐ มีตัวอย่างเช่น การเมืองปากีสถาน และพม่า ที่นาง อองซาน ซูจี ที่คนชนะเลือกตั้งแต่บริหารประเทศได้ไม่นาน รัฐธรรมนูญไทยที่บอกว่าคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแล้วไปครอบงำพรรคจะทำให้พรรคถูกยุบก็ทำนองนี้ แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะสุดท้าย นางอองซาน ซูจี ชนะแล้วก็ให้ลูกน้องปกครองประเทศแทนได้ ตนกับนายจตุพรมาเป็นกองเชียร์ และตนเป็นภารโรง วันนี้เราต้องสามัคคีรู้เท่าทันเขา วันนี้ ถ้าต่างฝ่ายต่างเอาชนะคะคานกันเรื่องการเมืองก็จะเหมือนปากีสถาน พม่า ซึ่งประชาชนไม่ได้อะไร เพราะคนถือปืนใหญ่กว่า ตราบใดที่คนยังเลือกข้าง คนไปหาเสียงที่ห้างสรรพสินค้าแล้วทำไม่ได้ ประเทศชาติมันย่อยยับ มรดกนี้จะตกทอดสู่ลูกหลานไม่ได้ ถ้าเรายังเดินแบบนี้ต่อไปไม่สร้างพื้นที่ให้พูดคุยอย่างพรรคเกาะกลางมันเดินต่อไปไม่ได้ วันนี้พรรคเพื่อชาติมาถูกทางแล้ว เรื่องจำนวน ส.ส.จะได้เท่าไหร่ไม่ได้สนใจ แต่ถ้าทุกคนจับมือกันได้คนไทยรักกันก็ถือว่าชนะเลือกตั้งแล้ว
เผย “ลินดา เชิดชัย” นั่งเลขาพรรค
นายจตุพรกล่าวเพิ่มเติมว่า พรรคเพื่อชาติจะมีการเลือกกรรมการบริหารพรรคในวันที่ 23 พ.ย.นี้ ยืนยันคนที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคจะเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐกิจและเป็นที่รู้จักในสังคม ส่วนเลขาธิการนั้นได้ยินแกนนำพรรคเขาบอกว่าจะเป็นนางลินดา เชิดชัย อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย และอดีตผู้แทนการค้าไทยในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาทำหน้าที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางลินดาพร้อมด้วยนายอัสนี เชิดชัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยได้มาร่วมในงานด้วย ซึ่งนายอัสนีจะมาร่วมงาน การเมือง เป็นสมาชิกพรรคเพื่อชาติเร็วๆนี้
ทษช.ดึงอดีตบิ๊กสื่อสารนำพรรค
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ซึ่งถือเป็นพรรคแนวร่วมของพรรคเพื่อไทยว่า ได้เตรียมจัดการประชุมใหญ่วิสามัญพรรค เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรค และ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครพรรคในวันที่ 7 พ.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยหัวหน้าพรรคยังอยู่ระหว่างการคัดเลือกตัวบุคคล มีกระแสข่าวว่าจะเป็น นายสมประสงค์ บุญยะชัย อดีตผู้บริหารเอไอเอส ที่เคยทำงานใกล้ชิดนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯมาก่อน ส่วนกระแสข่าวนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ จะมาเป็นรองหัวหน้าพรรคนั้นขณะนี้นายพานทองแท้มีคดีความเกี่ยวกับการฟอกเงินกรณีการปล่อยกู้เงินธนาคารกรุงไทยอยู่ในชั้นศาล ทำให้อยู่ระหว่างการตัดสินใจจะเข้ามาทำงานการเมืองหรือไม่ โดยมีแนวโน้มสูงว่าจะยังไม่เข้ามาในตอนนี้
ปชป.สวน “บิ๊กตู่” ไม่มีสัญญาณวุ่นวาย
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. แสดงความกังวลว่ายิ่งใกล้เลือกตั้ง จะยิ่งมีวาทกรรมโจมตีให้ร้ายรัฐบาลเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนว่า พล.อ.ประยุทธ์ต้องแยกให้ออกระหว่างการกล่าวร้ายด้วยความเท็จ กับการวิจารณ์ตามข้อเท็จจริงด้วยใจสุจริต ขณะนี้มีการวิจารณ์ตามข้อเท็จจริงอยู่มาก แต่อาจเป็นข้อความที่นายกฯไม่อยากฟัง นายกฯกลัวว่าอาจกระทบรัฐบาลจนถูกลดความน่าเชื่อถือ หรือบั่นทอนคะแนนนิยม คนฟังในสังคมเขาคิดเองได้ นายกฯไม่น่าวิตก ข้อมูลไหนไม่ครบถ้วน ก็ให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ โฆษกฯ รวมถึงบุคลากรของกระทรวง ทบวง กรม นำข้อมูลที่ถูกต้องมากางเปรียบเทียบ แล้วให้ประชาชนเขาคิดตัดสินใจเอง ขณะนี้ไม่มีสัญญาณใดที่จะวุ่นวายจากการวิจารณ์รัฐบาล ถ้าใครพูดเท็จ หรือสร้างวาทกรรมใส่ร้ายป้ายสี การกระทำนั้นจะย้อนเข้าตัวผู้พูดเอง
“บัญญัติ” ชี้เปรี้ยงต้องเลือกตั้งต้นปี 62
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการโฟกัสไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ว่าจะเป็นนายกฯต่อหลังการเลือกตั้งว่า คงไม่บังอาจไปแนะนำอะไรท่าน ไม่แน่ใจว่าแนะนำไปแล้วจะด่ากลับมาหรือไม่ แต่อยากจะบอกว่าวันนี้คนอึดอัดมาก จากปัญหาเศรษฐกิจ ชาวบ้านยอมรับว่าสาหัสสากรรจ์ ทั้งราคายางพารา ปาล์มน้ำมัน ประมง มะพร้าว คนที่เดือดร้อนมากคือเกษตรกร ทำให้มีเสียงเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งดังขึ้นเรื่อยๆ กดทับไว้นานอันตราย เป็นหน้าที่ของรัฐบาลจะต้องสร้างความมั่นใจให้เห็นว่าคราวนี้คงเป็นครั้งสุดท้าย หลังจากที่เลื่อนมาเรื่อย แต่เห็นการยืนยันหนักแน่นก็คิดว่าคงไม่เลื่อนแล้ว วันนี้เราไม่มีทางเลือกไปทางอื่น นอกจากเส้นทางประชาธิปไตยเท่านั้น ทำอย่างไรให้การเลือกตั้งเกิดขึ้นต้นปี 62
“ชัชวาลย์” โอ่กวาด ส.ส.ทะลุ 20 ที่นั่ง
เมื่อเวลา 12.30 น. ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไทเปิดตัวกรรมการบริหารพรรค 29 คน และผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ต่างๆ โดยมีกรรมการบริหารพรรค อาทิ นายชัชวาลย์ คงอุดม อดีต ส.ว. เป็นหัวหน้าพรรค นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เป็นรองหัวหน้าพรรค นายธีรศักดิ์ พานิชวิทย์ อดีต สปช. เป็นเลขาธิการพรรค นายชื่นชอบ คงอุดม อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นโฆษกพรรค นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม” ศิลปินชื่อดัง เป็นรองโฆษกพรรค โดยนายชัชวาลย์กล่าวว่า นโยบายพรรคพลังท้องถิ่นไทเน้นการแก้ปัญหายาเสพติด เด็กพูดได้หลายภาษา ยางพาราราคาดี และพัฒนาท้องถิ่นให้มีศักยภาพ ตั้งเป้าหมายส่งผู้สมัคร 350 เขตทั่วประเทศ เพราะทุกคะแนนมีค่า มั่นใจจะได้ ส.ส.อย่างน้อย 20 ที่นั่งขึ้นไป พรรคไม่มีเป้าหมายหนุนใครเป็นนายกฯ แต่ขอให้ประชาชนเลือกพรรคพลังท้องถิ่นไทให้มากที่สุด เพื่อให้ตนเป็นนายกฯ ในบัญชีรายชื่อนายกฯ 3 คน ของพรรคจะเป็นคนในพรรคทั้งหมด ตนเป็นรายชื่ออันดับ 1 ส่วนการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองอื่นๆนั้น พรรคทำงานร่วมได้กับทุกพรรค ถ้ามีนโยบายใกล้เคียงกันไปด้วยกันได้ ไม่เลือกว่าจะอยู่ฝ่ายใด เมื่อลงเลือกตั้งก็อยากเป็นรัฐบาล ไม่ใช่ฝ่ายค้าน เพราะการเป็นรัฐบาลสามารถที่จะผลักดันเรื่องต่างๆที่ตั้งใจไว้ได้ ยังมั่นใจจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 24 ก.พ.62 ตามที่รัฐบาลประกาศไว้
ปูดพรรคใหญ่ทุ่ม 30 ล้านดูด “ฟิล์ม”
นายเกรียงไกร ภูมิเหล่าแจ้ง รองหัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไทกล่าวว่า พรรควางตัวผู้สมัครเสร็จแล้ว จำนวน 220 คน ส่วนใหญ่เป็นบุคคลที่ทำงานในท้องถิ่น ทั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล, นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด, เทศมนตรี และเทศบาล เช่น นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น นายวิทยา ภูมิเหล่าแจ้ง อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ ส่วนนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” ศิลปินชื่อดังนั้นจะให้ลงสมัคร ส.ส. กทม. เขตดินแดง เป็นต้น และหลังจากนี้จะคัดเลือกให้ได้ครบ 350 คนเพื่อส่งสมัครรับเลือกตั้ง ทั้งนี้ ทราบว่าหลังจากที่พรรคได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครไปก่อนหน้านี้ มีพรรคการเมืองใหญ่บางพรรคติดต่อซื้อตัวฟิล์ม-รัฐภูมิ ในราคา 30 ล้านบาท แต่นายรัฐภูมิยืนยันจะทำงานร่วมกับพรรคพลังท้องถิ่นไท เพราะเชื่อมั่นในอุดมการณ์และนโยบายพรรค
เจ้าตัวรับถูกทาบแต่ขออยู่พรรคเล็ก
ด้านนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ รองโฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไท กล่าวถึงกระแสข่าวมีพรรคการเมืองใหญ่ทาบทามซื้อตัวไปร่วมพรรคด้วยว่า ยอมรับมีพรรค การเมืองใหญ่มาทาบทามให้ไปร่วมทำงานด้วยจริง ตั้งแต่ก่อนที่จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังท้องถิ่นไท แต่ขอเลือกอยู่กับพรรคเล็กเพราะสบายใจกว่า และมีนโยบาย อุดมการณ์ตรงกัน การลงมาเล่นการเมืองครั้งนี้ทำให้สีสันการเมืองเปลี่ยนไป มีบรรดาวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่สนใจเข้ามาทำการเมืองแบบตน เพื่อนๆศิลปินสอบถามมาว่ามาเล่นการเมืองไม่กลัวหรือ ตนไม่กลัว เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนเรื่องคดีความของตนก็จบแล้ว มีนัดเสียค่าปรับในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ไม่มีปัญหาอะไร
นายกฯปลื้มได้แต้มน่าลงทุนเพิ่ม
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนัก นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.พอใจผลคะแนนความยากง่ายในการทำธุรกิจไทย (Doing Business 2019) ของธนาคารโลกล่าสุดที่ไทยมีคะแนน 78.45 เต็ม 100 เพิ่มจากปีที่แล้วได้ 77.39 แม้ว่าอันดับจะตกลงไป 1 อันดับจาก 26 เป็น 27 แต่คงอยู่ใน 30 อันดับแรกของโลก โดยไทยปฏิรูปได้ดี 4 ด้าน คือ การเริ่มต้นธุรกิจที่มีค่าใช้จ่ายในการจดทะเบียนลดลง การเข้าถึงไฟฟ้าสะดวกขึ้น การปรับปรุงการชำระภาษีที่นำระบบออนไลน์เข้ามาใช้ และการค้าระหว่างประเทศนำระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Mat-ching System) มาใช้ลดเวลาขนถ่ายสินค้าและ ไทยยังปฏิรูปด้านการขอใช้ไฟฟ้ามากที่สุดได้คะแนน 98.57 ใกล้เคียงกับแนวปฏิบัติที่ดีเลิศของโลก ส่วนตัวชี้วัดการแก้ไขปัญหาล้มละลายก็ได้เพิ่มขึ้นจาก 75.64 เป็น 76.64 ทั้งนี้ นายกฯขอบคุณธนาคารโลกที่เห็นว่าไทยมุ่งมั่นปรับปรุงบรรยากาศให้กับผู้ประกอบการ ซึ่งจะช่วยให้คนไทยมีงานดีขึ้น นำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม
น้ำใจงามส่งของเยี่ยมเพื่อนประถม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ได้ส่งกระเช้าเยี่ยมนางบังอร ระยางค์กูล เพื่อนสมัยประถม โรงเรียนสหกิจวิทยา ปี 07 จ.ลพบุรี หลังประสบอุบัติเหตุล้มกระดูกสะโพกต้นขาหัก นอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี โดยนางบังอรและกลุ่มเพื่อนๆต่างบอกซาบซึ้ง เพื่อนคนนี้ ที่แม้วันนี้เป็นนายกฯแล้ว ยังส่งมอบกระเช้าและซองมาเยี่ยมผ่านทาง ผวจ.ลพบุรี ทั้งนี้ บางคนในกลุ่มเพื่อนนายกฯเคยเดินทางไปต้อนรับนายกฯ เมื่อครั้งลงพื้นที่ตรวจราชการที่ จ.ลพบุรี เมื่อวันที่ 7 ก.ย. และได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ตอนเรียนด้วยกันเคยมีหมอดูบอก พล.อ.ประยุทธ์จะได้เป็นผู้นำ
จวกไทยนิยมไม่ต่างประชานิยม
นายอุเทน ชาติภิญโญ อดีตหัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีรัฐบาลพยายามเร่งหลายโครงการ ลงไปในพื้นที่ในช่วงนี้ว่า เป็นธรรมดาที่ช่วงนี้ใกล้เลือกตั้ง ต้องพยายามหาเสียงกัน แต่หลายโครงการที่รัฐบาล อย่างเช่นโครงการนิยมยั่งยืน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเหมือนกับโครงการในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แค่เปลี่ยนชื่อเพื่อสร้างความรู้สึกใหม่เท่านั้น และที่เหมือนกันอีกอย่างคือมีกระบวนการที่ไม่โปร่งใสเหมือนกัน ผู้ที่ทำมีส่วนได้ ส่วนเสีย ตนไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้น เหมือนใครทำใครได้ ไทยนิยมของรัฐบาลนี้ หรือประชานิยมของนายทักษิณ ล้วนแต่สอนให้ประชาชนขี้เกียจ งอมือ งอเท้า อย่างแจกบัตรคนจนของรัฐบาลนี้ ไม่ต่างอะไรกับการโปรยทานที่โปรยไปเท่าไหร่ก็ไม่พอ ยิ่งกว่าการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ยิงปืนแบบไร้เป้าหมายที่ชัดเจน อาจจะถูกบ้างเพราะยิงไปเยอะ
โปรดเกล้าฯ “ณรงค์พันธ์” นายทหารพิเศษ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ แต่งตั้งนายทหารพิเศษ โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพย วรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งนายทหารพิเศษ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 15 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยปี 60 ประกอบมาตรา 4 และมาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ. ระเบียบบริหารราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 มาตรา 10 มาตรา 13 และมาตรา 15 แห่ง พ.ร.ฎ.จัดระเบียบราชการ และการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ พ.ศ.2560 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ แม่ทัพภาคที่ 1 เป็นนายทหารพิเศษ ประจำ กรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ กองบัญชาการทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย.61 ประกาศ ณ วันที่ 3 พ.ย. เป็นปีที่ 3 ในรัชกาลปัจจุบัน
พรรค “เกียน” สมชื่อไม่ส่งผู้สมัคร ส.ส.
ที่มูลนิธิกระจกเงา ซ.วิภาวดี 62 เมื่อเวลา 17.00 น. พรรคเกียน นำโดยนายสมบัติ บุญงามอนงค์ จัดการประชุมพรรค “เกียนปาร์ตี้” เพื่อเลือกหัวหน้า พรรค รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค โดยนายสมบัติได้ขอให้ผู้เข้าร่วมแต่งชุดคอสเพลย์แฟนซี มาร่วมงาน และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ผู้ก่อตั้งพรรคสวมชุดโจรสลัด การประชุมเริ่มด้วยการให้นายเดชรัต สุขกำเนิด นักวิชาการ ม.เกษตรศาสตร์ กล่าวนำเสนอนโยบายพรรค พร้อมคอนเสิร์ตจากแร็ปเปอร์ “เดอะเต่า” ที่ขึ้นร้องเพลงแร็ปเนื้อหาเสียดสีการเมือง เหมือนเพลงประเทศกูมี อย่างไรก็ตามเนื่องจากองค์ประชุมของพรรคเกียนไม่ครบ 250 คน ตามกฎหมาย การประชุมครั้งนี้จึงต้องปรับให้ เป็นการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารแทน ซึ่งผลปรากฏว่าที่ประชุมลงมติเป็นเอกฉันท์โหวตให้นายสมบัติ บุญงามอนงค์ เป็นหัวหน้าพรรค นายสมบัติกล่าวว่า พรรคเกียนถูก กกต.ดองมานานจนทำให้ผู้ที่สนใจไปสมัครพรรคอื่นกันหมด การเลือกตั้งที่จะถึงนั้นทางพรรคเกียนไม่สามารถส่งผู้ลงสมัคร ส.ส.ได้ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้รู้สึกเสียใจ หลังจากนี้จะเปิดเวทีเพื่อสะท้อนนโยบายคู่ขนานไปกับเวทีปราศรัยต่างๆ และดำเนินกิจกรรมการเมืองในนามพรรคเกียนต่อไป
ผบ.ทบ.วางมาตรการดูแลทหารใหม่
วันเดียวกัน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. กล่าวถึงนโยบายการดูแลพลทหารใหม่ที่เข้ารายงานตัวประจำการระหว่างวันที่ 1-3 พ.ย.2561 ว่า การจะดูแลให้หน่วยฝึกทหารใหม่ดีได้ กำลังพลก็ต้องอยู่ดี กินดี ดังนั้น พลทหารไม่ว่าจะเป็นทหารเกณฑ์ หรือทหารที่สมัครเข้ามาประจำการ กองทัพจะต้องดูแลให้ดีที่สุด จึงได้ออกระเบียบใหม่ ดูแลเรื่องอาหารและความเป็นอยู่ที่ต้องถูกสุขลักษณะ ที่อยู่อาศัยต้องพอเพียง ไม่แออัด กองทัพได้จัดกิจกรรมต้อนรับครอบครัวและญาติทหารใหม่ ให้ครอบครัวของทหารใหม่ได้เข้ามาดูหน่วยฝึก โรงนอน ตั้งแต่วันแรกที่รายงานตัว ที่สำคัญคือเรื่องสิทธิประโยชน์ ครอบครัวของพลทหารต้องรับทราบว่าลูกหลานจะได้รับอะไร เบี้ยเลี้ยงเท่าไร และหลังฝึกแล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร สิ่งที่พ่อแม่ของทหารใหม่เป็นห่วงมากคือ ยาเสพติด อยากให้กองทัพช่วยลูกหลานที่อาจเคยติดยาเลิกยาให้ได้ ฉะนั้นใครที่ติดยาเข้ามาในกองทัพเราจะบำบัดและดูแล ไม่ใช่แบบคนป่วย แต่คือคนที่หลงผิด ส่วนปัญหาการลงโทษพลทหารที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ต้องไม่เกิดขึ้นอีก เป็นความผิดร้ายแรง หากยังมีอีกถือว่าผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นไม่ใส่ใจดูแล เป็นนโยบายที่เข้มงวด ตนได้สั่งการด้วยตัวเองไปแล้ว
เลอะเทอะยกเลิกเกณฑ์ทหาร
เมื่อถามว่า อนาคตจะยกเลิกการเกณฑ์ทหารหรือไม่ ผบ.ทบ.ตอบว่า ประเทศต่างๆทั่วโลกล้วนมีทหาร อยากให้มองว่าการที่ลูกหลานมาเป็นทหาร คือการมีอาชีพ การอยากให้ยกเลิกเกณฑ์ทหารเป็นเพียงการมองของคนกลุ่มหนึ่ง ไม่มีประเทศไหนในโลกที่ไม่มีทหาร ประเทศที่ไม่มีทหารคือประเทศที่อ่อนแอ ผู้ที่นำเสนอความคิดดังกล่าว ไปจับเอาความเห็นคนส่วนน้อยขึ้นมา บางทีเป็นเรื่องการเมืองไป แต่ให้เชื่อมั่นเถอะว่าไม่มีประเทศใดไม่มีทหาร การยกเลิกการเกณฑ์ทหารเป็นไปไม่ได้ ทหารต้องมีทั้งระบบเกณฑ์ ระบบคัดเลือก และสมัครใจเข้ามา