ไทยรัฐฉบับพิมพ์
มหกรรมกีฬายูธโอลิมปิกเกมส์ 2018 ที่อาร์เจนตินา ปิดฉากลงไปอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว
ทัพนักกีฬาไทยโชว์ฟอร์มทำผลงานซิวมาได้ทั้งหมด 5 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 2 เหรียญทองแดง
รั้งอันดับ 12 บนตารางเหรียญรวม จากชาติสมาชิกทั้งหมด 206 ชาติ
ถือเป็นผลงานอันยอดเยี่ยม
หากจำแนกตามเหรียญรางวัลที่ “ไทย” ได้มา ในครั้งนี้ แบ่งเป็น
5 เหรียญทองจากเทควันโด รุ่น 55 กก.หญิง “น้องเก็ต” กานต์ธิดา แสงสิน, ยกน้ำหนัก รุ่นน้ำหนักมากกว่า 63 กก.หญิง “เจนนี่” สุพัชนินทร์ คำแหง, กอล์ฟ ประเภททีมคู่ผสม “มาร์ค” วันชัย หลวงนิติกุล และ “จีน” อาฒยา ฐิติกุล, มวยสากลสมัครเล่น รุ่น 57 กก.หญิง “น้องเนย” พัณพัชรา สมนึก, รุ่น 60 กก.ชาย “เจ้าเดียร์” อธิชัย เพิ่มทรัพย์
5 เหรียญเงินจากยกน้ำหนัก รุ่นน้ำหนักไม่เกิน 56 กก.ชาย “เจ้าตุ้ม” ณัฐวัฒน์ ชมชื่น, รุ่น 63 กก.หญิง “น้องมิ้นต์” ทิพย์วรา จรถวิล, เทควันโด รุ่น 63 กก.ชาย “เจ้าเบสต์” นฤพงษ์ เทพเสน, มวยสากลสมัครเล่น รุ่น 52 กก.ชาย “เจ้าตี๋” ศราวุฒิ สุขเทศ, รุ่น 60 กก.หญิง “น้องจูน” พรทิพย์ บัวป่า
2 เหรียญทองแดงจากแบดมินตัน หญิงเดี่ยว “น้องจิว” พิทยาภรณ์ ไชยวรรณ, มวยสากลสมัครเล่น รุ่น 75 กก.ชาย “เจ้าเกมส์” วีระพล จงจอหอ
นอกจากนี้ ยังได้อีก 1 เหรียญเงิน จากการแข่งขันทีมผสม ซึ่งเป็นการจับคู่กันของนักกีฬาต่างชาติกัน ซึ่งอิธิวัฒน์ สร้อยทอง จับคู่กับโซเฟีย เจียนนาซิโอ นักกีฬาอาร์เจนตินา จากยิงธนู ประเภทคันธนูโค้งกลับ
จากชนิดกีฬาที่เราได้เหรียญทอง ทั้งเทควันโด, ยกน้ำหนัก, มวยสากลสมัครเล่น เหล่านี้ถือว่าอยู่ในข่ายของความคาดหวัง
จะมีก็แค่ “กอล์ฟ” เพียงชนิดเดียวที่ไม่ได้คาดหวังมาก่อนหน้านี้
แม้ว่าก่อนเดินทางมาตั้งเป้าคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งจากประเภทบุคคล แต่เอาเข้าจริงๆเรากลับเอื้อมถึง “ทอง” เพียงแต่ได้มาจากประเภททีม (คู่ผสม) แบบพลิกโผ
ประเทศไทยเกือบจะไม่ได้เหรียญทอง
เหรียญนี้ เนื่องจากจบหลุม 15 ในวันสุดท้าย เหลืออีกแค่ 3 หลุม เราตามหลังสหรัฐอเมริกาห่างสุดกู่ถึง 5 สโตรก แต่ก็ด้วยฝีมือบวกกับสมาธิ อีกทั้งเทพีแห่งโชคอยู่ข้างเรา
“มาร์ค-จีน” จึงผงาดคว้าแชมป์มาได้แบบปาฏิหาริย์
“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เคยบอกว่า ขอให้นักกีฬาทำได้แค่ 3 เหรียญทอง เท่ากับยูธโอลิมปิกเกมส์เมื่อปี 2014 ก็เพียงพอต่อใจแล้ว
แต่เบ็ดเสร็จครั้งนี้ เราคว้ามาได้ถึง 5 เหรียญทอง ถือเป็นการคว้าเหรียญทองมากสุดในประวัติศาสตร์ของทัพนักกีฬาไทยในยูธโอลิมปิกเกมส์
อีกทั้ง (เฉพาะนักกีฬา) โกยเงินรางวัลอัดฉีดจากกองทุนพัฒนากีฬาชาติไปได้เบื้องต้นราวๆ 12 ล้านบาท
ถือว่าทะลุเป้ากระจุยกระจาย ทั้งในแง่ของจำนวนเหรียญและจำนวนเงิน
เป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง
หวังว่าในอีก 4 ปีข้างหน้า (ค.ศ.2022) ที่ประเทศเซเนกัลเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ทัพนักกีฬาไทยจะเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นได้อีก
เตรียมตัวซะแต่เนิ่นๆ เริ่มทันทีเลยตอนนี้
อะไรๆก็เกิดขึ้นได้.
นที คงสุข เรื่อง