หากนึกถึงรุ่นใหญ่ในวงการไอศกรีมเมืองไทย แน่นอนว่าต้องมีชื่อของ “ไผ่ทอง” ปรากฏเป็นชื่อแรกๆ ในหัว ซึ่งไอศกรีมกะทิหอมกรุ่นนี้ มีจุดเริ่มต้นมาจาก นายกิมเช็ง แซ่ซี่ ผู้บุกเบิกและฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการกว่าจะเป็นตำนานไอศกรีมอย่างที่เราเห็นทั่วบ้านทั่วเมือง...
คนไทยมักจะเห็นการขายของไอศกรีมไผ่ทองเป็นไปในลักษณะของรถปั่นสามล้อตระเวนขายตามบ้านเรือนต่างๆ, ขายตามข้างทาง, ขายหน้าออฟฟิศ หรือแม้กระทั่งหน้าโรงเรียน และถึงแม้ว่ารูปแบบการดำเนินธุรกิจของไอศกรีมไผ่ทองอาจจะดูไม่ฟู่ฟ่า แต่ยอดขายไอศกรีมนั้น น่าสนใจอย่างมาก
ทีมข่าวเจาะประเด็น ไล่เรียงรายได้ ไผ่ทอง ฉบับดั้งเดิม หจก.ไผ่ทองซีกิมเช็ง และฉบับของใหม่ บริษัท ไผ่ทองไอศครีม จำกัด มาดูกันว่าตำนานไอศกรีมหน้าตาบ้านๆ แต่ครองใจคนไทยมานานนับสิบปี มีรายได้เท่าไหร่...
เริ่มจากต้นตำรับ คือ หจก.ไผ่ทองซีกิมเช็ง จดทะเบียนบริษัทเมื่อปี 2541 ทุนจดทะเบียน 7.5 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์การทำธุรกิจชัดเจน คือ ผลิตไอศกรีม โดยมีรายได้เติบโตขึ้นต่อเนื่องทุกปี ดังต่อไปนี้
ปี 2556 มีรายได้รวม 45 ล้านบาท และมีกำไร 6.1 แสนบาท
ปี 2557 มีรายได้รวม 49 ล้านบาท และมีกำไร 6.7 แสนบาท
ปี 2558 มีรายได้รวม 65 ล้านบาท และมีกำไร 1.2 ล้านบาท
ปี 2559 มีรายได้รวม 66 ล้านบาท และมีกำไร 1.4 ล้านบาท
ปี 2560 มีรายได้รวม 75 ล้านบาท และมีกำไร 1.8 ล้านบาท
ส่วนที่ลูกหลานแยกตัวออกมาทำ คือ บริษัท ไผ่ทองไอศครีม จำกัด จดทะเบียนบริษัทเมื่อปี 2546 ทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท มีวัตถุประสงค์การทำธุรกิจ คือ จำหน่ายยานพาหนะทุกประเภท และไอศกรีม (ไผ่ทอง) โดยบางปีมีกำไร บางปีขาดทุน ดังต่อไปนี้
ปี 2556 มีรายได้รวม 20 ล้านบาท และมีกำไร 3.3 แสนบาท
ปี 2557 มีรายได้รวม 27 ล้านบาท และขาดทุน 6.4 แสนบาท
ปี 2558 มีรายได้รวม 29 ล้านบาท และมีกำไร 4.4 แสนบาท
ปี 2559 มีรายได้รวม 38 ล้านบาท และมีกำไร 8.3 หมื่นบาท
ปี 2560 มีรายได้รวม 36 ล้านบาท และขาดทุน 3.5 ล้านบาท
แม้ว่าไอศกรีมไผ่ทอง จะพัฒนารูปแบบของไอศกรีมเสมอมา แต่การรักษามาตรฐานรสชาติให้คงที่ตลอดไปนั้น ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจเช่นกัน...
ขอบคุณภาพจาก ไผ่ทองไอสครีม