เลือดข้น แต่สัมพันธ์จาง พี่น้องไอติมไผ่ทองร้าว ทายาทเปิดใจ แม่สั่งสอนลูก ฟ้องทำธุรกิจต้นตำรับเสียหาย หลังแยกตัวซุ่มเงียบทำแข่งกงสี “ไผ่ทองไอสครีม” ของครอบครัวที่มีรายได้ปีละประมาณ 70 ล้าน
เรื่องดราม่าที่มีการแชร์เรื่องการใช้แบรนด์ไอศกรีม ว่าแบรนด์ไหนของจริง แบรนด์ไหนของปลอมกันแน่ ล่าสุด นางสาวรตา ชัยผาติกุล บุตรสาวคนเล็กของครอบครัว ที่ดูแลด้านการตลาดของ “ไผ่ทองไอสครีม” ภายใต้ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไผ่ทองซีกิมเช็ง เปิดใจกับ ไทยรัฐออนไลน์ ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครอบครัวจนนำมาสู่การฟ้องร้องกัน เป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น แต่เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมีผลกระทบกับธุรกิจ “ไผ่ทองไอสครีม” ที่คุณพ่อและคุณแม่สร้างมานานเกือบ 70 ปี จนทุกวันเติบโตมีรายได้ปีล่าสุดประมาณ 70 ล้านบาท
“เรื่องนี้ที่เป็นดราม่าขึ้นมา เพราะเราต้องการสื่อสารกับลูกค้าว่าอีกแบรนด์หนึ่ง รสชาติและคุณภาพก็ไม่เหมือน จึงต้องสื่อสารออกมา แม้จะเป็นเรื่องน่าเศร้าที่เกิดจากความข้ดแย้งภายในครอบครัว”
นางสาวรตา เปิดเผยด้วยว่า ไผ่ทองไอสครีม ก่อตั้งมา 68 ปี จากรุ่นพ่อแม่ ปัจจุบันคุณแม่น้ายเฮียง แซ่ซี อายุ 82 ปี ยังดูแลธุรกิจ โดยก่อนหน้านั้นลูกๆ 8 คนก็ช่วยกันทำงาน ลักษณะเป็นกงสี แต่ต่อมาลูกคนที่ 6 คือพี่บุญชัย ได้ออกจากบ้านไปตั้งแต่ปี 2535 ไปทำธุรกิจหลากหลาย จนล่าสุดทราบว่าไปทำธุรกิจไอศกรีม ภายใต้ชื่อ และโลโก้คล้ายกัน ชื่อต่างกันที่ตัวสะกด ที่ของพี่บุญชัยใช้ชื่อ “ไผ่ทองไอศครีม” เพราะมีลูกค้าโทรมาถามถึงเรื่องคุณภาพ และการส่งขาย โดยที่ทางบ้านไม่ทราบ เพราะไม่ได้ติดต่อกับพี่บุญชัยมานานหลายปี
ส่วนของที่บ้านดั้งเดิม สูตรต้นตำรับของคุณแม่น้ายเฮียง ใช้ ส เป็นตัวสะกด ซึ่งมีที่มาเพราะเพราะพี่สาวอีกคนคือพี่สุณีเห็นว่า ถ้าใช้ ศ จะดูง่วงๆ เพลียๆ จึงสะกดเป็น “ไผ่ทองไอสครีม” มานานเกือบ 20 ปีแล้ว
“ที่ไม่ดราม่าของเรื่องนี้คือ ไผ่ทองไอสครีม ต้องการรักษาแบรนด์ สินค้า และมีจรรยาบรรณธุรกิจ คุณแม่พี่ฟ้องคุณบุญชัย ตามหลักที่ลูกเกเรก็ต้องจัดการ ในฐานะที่ทำให้แบรนด์เสียหาย และนี่คือธุรกิจที่คุณพ่อคุณแม่สร้างมา เราต้องปกป้องแบรนด์ของเรา” นางสาวรตากล่าว