สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 30 ส.ค.61 ที่ผ่านมาว่า สำนักงานกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USITC) ได้ประกาศผลไต่สวนชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก ประเทศสหรัฐฯ รายงานเมื่อวันที่ 30 ส.ค.61 ที่ผ่านมาว่า สำนักงานกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USITC) ได้ประกาศผลไต่สวนชั้นต้นในขั้นสุดท้าย โดยยืนยันว่า สินค้าหนังยางรัดของที่นำเข้าจากไทยและจีน มีการทุ่มตลาดในสหรัฐฯฯ หรือราคาขายสินค้าในสหรัฐฯ ต่ำกว่าที่ขายในประเทศผู้ผลิตจริง จนส่งผลให้ผู้ผลิตภายในของสหรัฐฯได้รับความเสียหาย ส่งผลให้ USITC ได้กำหนดเรียกเก็บภาษีตอบโต้การทุ่มตลาด (เอดี) จากผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยในอัตรา 0.00-5.86% และจากจีน 27.27% เท่ากันทุกราย
อย่างไรก็ตาม สินค้าหนังยางรัดของไทยนั้น เดิมไม่เสียภาษีนำเข้าสหรัฐฯ อยู่แล้ว แต่สำหรับจีนอาจต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้นอีก เพราะสินค้าหนังยางรัดของจีนอยู่ในบัญชีสินค้า 6,031 รายการ ที่สหรัฐฯประกาศสงครามการค้ากับจีน โดยจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนในอัตรา 25% และจะมีผลในช่วงกลางเดือน ก.ย.61 นี้ ซึ่งเมื่อรวมกับภาษีเอดีที่ 27.27% แล้ว จะทำให้หนังยางรัดของจากจีนจะต้องเสียภาษีนำเข้าในสหรัฐฯสูงถึง 52.27% แต่จากมาตรการนี้ สินค้าหนังยางรัดของจากไทยจะเสียภาษีนำเข้าในสหรัฐฯ อัตรา 5.86% ดังนั้น จะทำให้ศักยภาพแข่งขันของไทยในตลาดสหรัฐฯ ยังมีอยู่ และอาจทำให้หนังยางรัดของจากไทยทดแทนสินค้าจากจีนได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ไทยจะได้รับผลกระทบจากหนังยางรัดของปลอดภาษีจากศรีลังกาที่มีสัดส่วนในตลาดสหรัฐฯ 10% เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด
ในปี 60 สหรัฐฯนำเข้าหนังยางรัดของจากไทย 12.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีสัดส่วนตลาด 61% และนำเข้าจากจีน 4.9 ล้านเหรียญฯ มีสัดส่วนตลาด 25% โดยการไต่สวนมาตรการเอดีสินค้าหนังยางรัดของมาจากบริษัท Alliance Rubber Co. ผู้ผลิตหนังยางรัดของรายสำคัญของสหรัฐฯ ร้องเรียนให้เปิดไต่สวนการทุ่มตลาดและอุดหนุนสินค้าหนังยางรัดของนำเข้าจากไทย จีน และศรีลังกา เมื่อวันที่ 30 ม.ค.61 โดย USITC ได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นและมีเหตุผลเพียงพอว่าไทยและจีนทุ่มตลาดในสหรัฐฯ และให้สืบสวนต่อ แต่ยกเลิกการไต่สวนสินค้าจากศรีลังกา.