ระดับน้ำใน 'เขื่อนน้ำอูน' สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทะลักท่วมหลายหมู่บ้านรอบเขื่อน รวมทั้งกว่า 30 หลังคาเรือน ต้องถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ใช้การสัญจรทางเรือเท่านั้น...
วันที่ 26 ส.ค. 61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในเขื่อนน้ำอูน อ.พังโคน จ.สกลนคร ยังเพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากฝนที่ตกสะสมลงมา โดยเมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) ระดับความจุเก็บกักอยู่ที่ 563 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 108 จากความจุเก็บกักปกติ 520 ล้าน ลบ.ม. และเพิ่มขึ้นอีก 5 เซนติเมตร
ขณะที่ เช้าวันนี้ อยู่ที่ 564.44 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 109.12 ของระดับเก็บกักปกติ และจากภาวะดังกล่าวส่งผลกระทบกับพื้นที่หมู่บ้านที่อยู่รอบเขื่อน ในพื้นที่ ต.นาใน อ.พรรณานิคม และ ต.หนองปลิง อ.นิคมน้ำอูน หลายหมู่บ้านถูกน้ำอูนเอ่อเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตร ทั้งสวนปาล์ม, ยางพารา และนาข้าว ของชาวบ้านเป็นบริเวณกว้าง และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง จากการที่ยังคงมีฝนตกในพื้นที่ ทำให้มีน้ำไหลเข้าเขื่อนจำนวนมาก
นอกจากนี้ ที่บ้านโนนสวรรค์-อูนดง ต.นาใน อ.พรรณานิคม มีชาวบ้าน 28 หลังคาเรือน ถูกน้ำจากเขื่อนน้ำอูนโอบล้อมรอบหมู่บ้าน และท่วมถนนเส้นทางที่ใช้สำหรับเดินทางเข้าสู่หมู่บ้านเป็นระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ระดับน้ำสูงกว่าถนนประมาณ 50 เซนติเมตร ส่งผลทำให้รถไม่สามารถสัญจรผ่านเข้าออกได้เช่นปกติ ชาวบ้านต้องเดินทางเข้าออกด้วยเรือเพียงอย่างเดียว
จากการตรวจสอบรอบหมู่บ้านแห่งนี้ พบว่า หากปริมาณน้ำอูนยังสูงขึ้นอีกจากฝนสะสมที่ตกลงมา จะเหลืออีกประมาณ 70 เซนติเมตร น้ำจากน้ำอูนจะเข้าท่วมหมดทั้งหมู่บ้านแห่งนี้ นอกจากนี้ จากการสำรวจหมู่บ้านรอบเขื่อน ยังพบว่าหลายหมู่บ้านระดับน้ำจ่อเข้าท่วมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยหลายหลัง
...
สำหรับ สาเหตุที่น้ำอูนยังคงเพิ่มปริมาณสูงขึ้นเนื่อง มาจากปริมาณน้ำเข้าเขื่อนมากกว่าน้ำที่ระบายออก ซึ่งตลอดหลายวันที่ผ่านมายังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกทั่วทั้ง จ.สกลนคร วัดปริมาณฝนสะสมมากที่สุด อยู่ที่ อ.กุสุมาลย์ 43.7 มม., อ.เมือง 43.6 และ อ.นิคมน้ำอูน ซึ่งเป็นพื้นที่เหนือเขื่อนน้ำอูน ปริมาณน้ำฝนวัดได้ 36.8 มม. ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำในเขื่อนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม รายงานแจ้งสถานการณ์น้ำของโครงการชลประทานสกลนคร เขื่อนน้ำอูน ปริมาณน้ำ 109.12 % ของความจุ มีน้ำไหลเข้า 12.44 ล้าน ลบ.ม. ระบายออก 8.12 ล้าน ลบ.ม. ในระยะนี้จึงขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์สภาพน้ำท่าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ท้ายเขื่อนและรอบเขื่อนน้ำอูน.