ติดตามความคืบหน้ากันต่อ หลังจากที่ ครูวิภา บานเย็น ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กำแพงเพชร เซ็นค้ำประกันเงินกู้ยืม กยศ.ให้นักเรียน จำนวน 60 คน แต่ถูกเบี้ยวหนี้จนถูกบังคับคดียึดทรัพย์ กระทั่ง กยศ.และกรมบังคับคดี จับมือกันหาทางออกให้กับเรื่องนี้ โดยล่าสุด พบว่ายังมีลูกศิษย์อีก 17 ราย อยู่ในขั้นตอนการบังคับคดี คิดเป็นเงินต้นที่ค้ำประกันประมาณ 190,000 บาท ไม่รวมดอกเบี้ย

ครูวิภา เผย ศิษย์ฝากขอโทษ คาดกลัวครูดุ

จากข่าวที่ว่ามีลูกศิษย์ของครูวิภาดำเนินการปิดบัญชีไปแล้ว 10 คนนั้น ครูวิภา กล่าวว่า หลังจากข่าวออก และมีลูกศิษย์ทยอยกันมาปิดบัญชีนั้น สภาพจิตใจของครูวิภาตอนนี้ก็ดีขึ้น ลูกศิษย์ที่โทรศัพท์มาหาบอกว่า ขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการบังคับคดี เนื่องจากตัวของพวกเขาไม่ได้รับการติดต่อจาก กยศ. ครูวิภา จึงตอบไปว่า “ไม่เป็นไร ถ้าสามารถไปปิดบัญชีได้ก็ไปปิด บางคนระยะเวลายังไม่หมด แต่ถ้าปิดได้ก็ไปปิดบัญชี ไม่เช่นนั้นจะต้องเสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น”

ลูกศิษย์บางคนมีเงิน แต่บางคนแม้ยอดจะน้อยแต่ก็ไม่มีเงินไปปิดบัญชี ขณะที่ ลูกศิษย์อีกกลุ่มมีปัญหาที่ว่า ได้กู้ กยศ.ต่อเนื่อง จนถึงปริญญาตรี ทำให้มียอดหนี้เงิน ประมาณแสนสองแสนบาท และไม่สามารถหาเงินปิดบัญชีได้ทั้งหมด ส่วนจะปิดเฉพาะส่วนของครูได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เนื่องจากว่าลูกศิษย์ไม่ได้โทรศัพท์มาหาตน แต่โทรไปประสานกับครูท่านอื่นแทน และได้ฝากมาถึงตนด้วยว่า “ผมฝากขอโทษอาจารย์วิภาด้วยนะครับ” ซึ่งตนก็ไม่แน่ใจว่า ลูกศิษย์รายนี้อาจจะไม่กล้าโทรศัพท์มาหาตนโดยตรงก็ได้ ตนจึงบอกอาจารย์ท่านนั้นไปว่า ให้เด็กโทรมาหาเลยว่ามีปัญหาอะไรยังไง จะได้พูดคุยกัน

...

ครูวิภา แจง ไม่ต้องการประจานศิษย์ ได้ยินคำขอโทษสุดชื่นใจ

สำหรับการที่ลูกศิษย์ทยอยคืนเงินหลังเป็นข่าว และถูกขู่ว่าจะแฉนั้น ครูวิภา มองประเด็นนี้ว่า ที่ผ่านมาเด็กไม่รู้จริงๆ เพราะเขาบอกว่า ถ้าเขารู้เขาก็จะไม่ให้เป็นแบบนี้ เพราะไม่มีหนังสือแจ้งเตือนอะไรมาเลย อย่างเคสของตนที่เป็นคนค้ำและต้องรับผิดชอบ ก็รู้ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดการบังคับคดีถูกยึดทรัพย์สิน เมื่อถามว่า ลูกศิษย์บางคนมีเงินแต่ไม่ได้ใช้ตั้งแต่แรกใช่หรือไม่ ครูวิภาตอบว่า "ใช่ค่ะ"

รายชื่อลูกศิษย์ที่ถูกแฉผ่านโซเชียลมีเดียนั้น ใช่รายชื่อจริงหรือไม่ ครูวิภา ตอบว่า “ใช่ค่ะ แต่เจตนาจริงๆ ไม่ได้ต้องการที่จะประจานลูกศิษย์ และเด็กแต่ละคนที่โทรมาหาครูก็จะขอโทษก่อนเป็นอันดับแรก ครูได้ยินคำขอโทษคำแรก ความเป็นครูก็ยังอยู่มันก็ชื่นใจแล้ว และครูทราบมาว่า กลุ่มลูกศิษย์กำลังรวมตัวกันจะเข้ามาหาเพื่อขอขมา แต่ก็บอกว่า ไม่ต้องถึงขนาดนั้นก็ได้ แค่มานั่งพูดคุยกันตามประสาครูศิษย์ที่ไม่ได้เจอกันนานนับ 20 ปีจะดีกว่า"

นอกจากนี้ ยังมีครูอีกหลายคนออกมาเคลื่อนไหว กังวลลูกศิษย์เบี้ยวหนี้หลังเซ็นค้ำประกัน กยศ.ไปให้หลายสิบคนนั้น ครูวิภา กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ตนเป็นกรณีตัวอย่างที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องดี เพราะที่ผ่านมาถ้าฟ้องล้มละลายก็จะให้ฟ้องเลยโดยที่ต้องยอมรับสภาพหนี้ไปโดยปริยาย จึงมองว่า บางครั้งมันอาจจะไม่ได้บกพร่องที่ผู้กู้หรือผู้ค้ำ แต่อาจจะบกพร่องจากระบบส่วนไหนหรือไม่

กยศ. เผยคืบหน้า ลูกศิษย์ครูวิภา ปิดบัญชีเพิ่ม 5 ราย ชำระบางส่วน 3 รายจากทั้งหมด 17 ราย

ด้าน นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา เปิดเผยว่า ความคืบหน้าของกรณีลูกศิษย์ที่ครูวิภาได้ค้ำประกัน และอาจถูกบังคับคดี จำนวน 17 รายนั้น ผู้กู้ได้มาปิดบัญชีแล้ว 5 ราย และมาติดต่อชำระบางส่วนแล้ว 3 ราย ที่เหลือกำลังทยอยติดต่อเข้ามา เชื่อว่าจะสามารถติดตามหนี้ได้ทั้งหมด โดยจะไม่มีการบังคับคดี

สำหรับกรณีที่ข่าวแจ้งว่ามีผู้กู้บางรายที่ครูวิภาค้ำประกันเป็นข้าราชการ แต่ทำไมจึงไม่สามารถติดตามทวงหนี้ได้นั้น นายชัยณรงค์ ระบุว่า สำหรับผู้กู้ตามข่าวที่อยู่ระหว่างบังคับคดี และยังมีภาระหนี้สินกับกองทุนนั้น กองทุนได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานราชการที่ถือครองข้อมูลแล้ว ไม่พบว่าบุคคลตามข่าวเป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำ ที่อยู่ในระบบจ่ายตรงเงินเดือนแต่อย่างใด ส่วนรายที่สามารถดำเนินการบังคับคดีได้นั้น เนื่องจากกองทุนได้ดำเนินการสืบหาทรัพย์สินแล้ว ไม่ปรากฏว่ามีทรัพย์สินที่ลูกหนี้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ นอกจากผู้ค้ำประกันที่มีกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของที่ดินเท่านั้น กองทุนจึงได้ดำเนินการยึดทรัพย์ของผู้ค้ำประกัน

...

กยศ.แจงขั้นตอนติดตามหนี้ผู้กู้และผู้ค้ำ

นายชัยณรงค์ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา กองทุนได้มีมาตรการในการติดตามหนี้สินจากผู้กู้ยืม โดยขั้นตอนเป็นไปตามกฎหมาย และมาตรฐานเดียวกับสถาบันการเงินอื่นๆ ทั้งของรัฐและเอกชน โดยมีวิธีการส่งหนังสือแจ้งภาระหนี้ครั้งแรกให้ผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้งวดแรกทราบ เพื่อไปชำระหนี้ และส่งใบแจ้งหนี้ให้ผู้กู้ยืมทุกรายที่ครบกำหนดชำระหนี้ตั้งแต่งวดที่ 2 เป็นต้นไป เพื่อไปชำระหนี้ หากผู้กู้ยืมผิดนัดงวดใดงวดหนึ่ง กองทุนจะดำเนินการส่งหนังสือติดตามทวงถามหนี้ค้างไปยังผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันให้ชำระหนี้ ส่ง SMS หรือข้อความเสียง (สำหรับรายที่กองทุนมีหมายเลขโทรศัพท์) รวมถึงติดตามหนี้ทางโทรศัพท์เพื่อเจรจาให้ลูกหนี้ชำระหนี้

แต่หากมีการติดตามทวงถามโดยวิธีการต่างๆ แล้ว ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันไม่ชำระหนี้ จนผู้กู้มีหนี้ค้างชำระหลายงวด กองทุนจะมีหนังสือบอกเลิกสัญญา และดำเนินคดีกับผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน โดยยื่นฟ้องผู้กู้ยืมต่อศาลที่ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน มีภูมิลำเนาตามทะเบียนบ้าน ทั้งนี้ เมื่อถึงวันนัดพิจารณา หากผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกันมาศาล กองทุนจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความ และให้โอกาสในการผ่อนชำระหนี้ต่อไปอีกเป็นเวลา 9 ปี และหากผู้กู้และผู้ค้ำประกันไม่มาศาล ศาลจะดำเนินการสืบพยาน และมีคำพิพากษาให้ชำระหนี้ หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว กองทุนจะดำเนินการติดตามให้ผู้กู้และผู้ค้ำประกันชำระหนี้ หากผู้กู้และผู้ค้ำประกันขอผ่อนชำระหนี้ กองทุนจะพิจารณาให้โอกาสในการผ่อนชำระ แต่หากยังไม่ชำระหนี้กองทุนจะดำเนินการบังคับคดี ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด 

...

สำหรับขั้นตอนในการบังคับคดี กองทุนจะขอศาลในการส่งคำบังคับไปยังภูมิลำเนาของลูกหนี้ตามคำพิพากษา โดยจะสืบหาทรัพย์สินที่ผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน มีชื่อเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ และขอหมายบังคับคดีต่อศาล เพื่อส่งให้กรมบังคับคดีทำการยึดทรัพย์หรืออายัดทรัพย์สินของผู้กู้ยืมและผู้ค้ำประกัน เพื่อนำมาขายทอดตลาดต่อไป อย่างไรก็ตาม ทางกองทุนได้ประสานงานกับกรมบังคับคดีในการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยในชั้นบังคับคดี เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้ตามคำพิพาษา ที่ถูกยึดทรัพย์ในการผ่อนชำระหนี้ได้อีกภายในระยะไม่เกินสามปีหรือภายในระยะเวลาที่กองทุนและลูกหนี้ตกลงกันเพื่อให้โอกาสแก่ลูกหนี้ และงดการขายทอดตลาดไว้ก่อน เมื่อลูกหนี้ชำระหนี้เสร็จสิ้นกองทุนจะดำเนินการถอนการยึดทรัพย์สินดังกล่าว

ปัจจุบัน พระราชบัญญัติกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา พ.ศ. 2560 ได้กำหนดให้กองทุน มีอำนาจขอข้อมูลต่างๆ จากหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทำให้กองทุน สามารถเข้าถึงข้อมูลของผู้กู้ยืมเพื่อให้ติดตามหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และกองทุนมีอำนาจในการแจ้งหักเงินเดือนของผู้กู้ผ่านองค์กรนายจ้างทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการแจ้งหักเงินเดือนของข้าราชการกรมบัญชีกลางเป็นหน่วยงานแรกแล้ว และจะดำเนินการแจ้งหักเงินเดือนของข้าราชการทั้งหมดในลำดับถัดไป โดยในส่วนของภาคเอกชนจะเริ่มดำเนินการแจ้งหักเงินเดือนในต้นปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนผู้กู้ยืมที่ประกอบธุรกิจ โดยไม่ได้รับเงินเดือนผ่านนายจ้าง กองทุนจะดำเนินการติดตามหนี้อย่างต่อเนื่อง โดยใช้ข้อมูลที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ และติดตามโดยวิธีการอื่นๆ ในมาตรฐานเดียวกับที่สถาบันการเงินทั่วไป เพื่อให้ได้เงินกลับคืนสู่กองทุนและนำไปใช้หมุนเวียนในการให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียน นักศึกษารุ่นหลังต่อไป

...

อย่างไรก็ตาม จากสถิติข้อมูลด้านผู้ค้ำประกันในการกู้ยืมจากระบบ e-Studentloan ระหว่างปีการศึกษา 2551-2560 มีสถิติผู้ค้ำประกันจำนวน 2,548,086 ราย แบ่งเป็น มารดาบิดา 85% ญาติพี่น้อง 14% และครูอาจารย์ 0.17%

ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน

ภาพโดย ชุติมน เมืองสุวรรณ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง