ภาวะการซื้อขายหุ้น
ดัชนีตลาดหุ้นไทยพุ่งขึ้นจากสัปดาห์ก่อน โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับที่ 1,643.52 จุด ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.78% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปรับลดลง 21.49% จากสัปดาห์ก่อนมาที่ 44,962.24 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ mai ปิดที่ 429.41 จุด เพิ่มขึ้น 2.46% จากสัปดาห์ก่อน
สำหรับสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ค.) บริษัท หลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,635 และ 1,620 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,650 และ 1,675 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นต่อเนื่องของสถานการณ์การตอบโต้ทางการค้าระหว่างประเทศ โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯและจีน ตลอดจนการทยอยประกาศผลประกอบการงวดไตรมาส 2/2561 ของบริษัทจดทะเบียนไทย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯอื่นๆ ได้แก่ ถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านเดือน มิ.ย. และดัชนีการผลิตของเฟดฟิลาเดลเฟียเดือน ก.ค. ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ จีดีพีของจีน ดุลการค้าและดัชนีราคาผู้บริโภคเดือน มิ.ย. ของประเทศญี่ปุ่น.
ภาวะตลาดเงินและอัตราแลกเปลี่ยน
เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือน เงินบาททยอยอ่อนค่าลง และแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 9 เดือนที่ 33.36 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยการอ่อนค่าของเงินบาทสอดคล้องกับเงินหยวนและสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาค ท่ามกลางความกังวลต่อประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
สำหรับสัปดาห์นี้ (16-20 ก.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 33.10-33.60 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดน่าจะอยู่ที่ความคืบหน้าของเรื่องพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน สถานการณ์ค่าเงินหยวน และข้อมูลจีดีพีไตรมาส 2/2561 ของจีน
นอกจากนี้ ตลาดอาจรอติดตามถ้อยแถลงรายงานนโยบายการเงินของประธานเฟดต่อสภาคองเกรสด้วยเช่นกัน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญในระหว่างสัปดาห์ ได้แก่ ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย และเฟดสาขานิวยอร์กเดือน ก.ค. ยอดค้าปลีก ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน และการขออนุญาตก่อสร้างเดือน มิ.ย. และรายงาน Beige Book ของเฟด.
บ.ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด