ฝันค้างความร่วมมือ “เออีซี” ล่ม ม.หอการค้าชี้อาเซียนไม่ค้าขายกันเอง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ฝันค้างความร่วมมือ “เออีซี” ล่ม ม.หอการค้าชี้อาเซียนไม่ค้าขายกันเอง

Date Time: 1 มิ.ย. 2561 10:01 น.

Summary

  • ม.หอการค้าไทย ประกาศเออีซีล่ม คาดอีก 5 ปีข้างหน้าอาเซียนทำการค้าระหว่างกันน้อยลง ทำมูลค่าการค้าหายวับ 1.17 แสนล้านเหรียญฯ หันค้าขายกับนอกอาเซียนมากขึ้น ชี้เออีซีไม่ช่วยส่งเสริมการค้า...

Latest

จีนเร่งกระจายฐานการผลิต "ผู้ผลิตแบตเตอรี่ - อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง" ตบเท้าลงทุนไทย พุ่ง!

ม.หอการค้าไทย ประกาศเออีซีล่ม คาดอีก 5 ปีข้างหน้าอาเซียนทำการค้าระหว่างกันน้อยลง ทำมูลค่าการค้าหายวับ 1.17 แสนล้านเหรียญฯ หันค้าขายกับนอกอาเซียนมากขึ้น ชี้เออีซีไม่ช่วยส่งเสริมการค้า เหตุสมาชิกแห่ออกมาตรการกีดกันการค้ามากขึ้น ขณะที่จีน-เกาหลีใต้ เข้ามาแย่งตลาด

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงการประเมินตลาดอินโดจีน (CLMV : กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ภายหลังการเข้าร่วมประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 58 ว่า ในอีก 5 ปีข้างหน้า อาเซียนทำการค้าขายระหว่างกันลดลง 4.6% คิดเป็นมูลค่าการค้าระหว่างกันที่เสียโอกาสไป 117,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะหันไปเพิ่มการค้ากับนอกกลุ่มอาเซียนมากขึ้น เนื่องจากประเทศนอกอาเซียนจะมีกำลังซื้อที่ดีกว่า โดยเฉพาะจีนกับเกาหลีใต้

แม้อาเซียนจะกลายเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่มีการลดภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันเป็น 0% แต่ไม่เกิดผล เพราะอาเซียนกลับแข่งขันกันเอง ทั้งตัดราคาสินค้า และมีมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี (เอ็นทีบี) ค่อนข้างสูง รวมถึงอาเซียนทำข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศอื่นๆมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอาเซียนจะมีการค้าขายกับกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวีลดลงเช่นกัน โดยคาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า ซีแอลเอ็มวีสัดส่วนมูลค่าการค้ากับอีก 6 ประเทศในอาเซียนจะลดลงจาก 14.8% เป็น 14.0% และจะหันไปเพิ่มการค้าขายกับประเทศนอกอาเซียนเช่นกัน

“อาเซียนกำลังจะเสียตลาดซีแอลเอ็มวีให้กับจีนและเกาหลีใต้ต่อเนื่อง เพราะทั้ง 2 ประเทศ มีกำลังซื้อดีกว่าอาเซียนด้วยกัน นอกจากนั้นเมื่อมีเอ็นทีบี เช่น มาตรการด้านสุขอนามัย และมาตรฐานต่างๆ ก็ทำให้หลายประเทศเพิ่มการค้ากับนอกอาเซียนมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีเอฟทีเอระหว่างกัน โดยคาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า อาเซียนจะกีดกันการค้าสินค้าระหว่างกันมากถึง 5,975 รายการ จากปัจจุบัน 1,604 รายการ เป็น 5,975 รายการ”

สำหรับสาเหตุหลักที่ซีแอลเอ็มวีหันไปทำ ค้าขายกับประเทศจีนและเกาหลีใต้ นอกจากมาตรการกีดกันการค้า อีกสาเหตุคือ ปัจจุบันจีนเข้าไปลงทุนในลาว กัมพูชา และเมียนมา จำนวนมาก เช่น โรงแรม โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงธุรกิจอื่นๆ เพื่อป้อนสินค้าไปยังจีน โดยเฉพาะลาว ที่มี คนจีนเข้ามาอาศัย 2 ล้านคน และเมื่อก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมจีนเสร็จจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวลาว 10 ล้านคนต่อปี จากปัจจุบัน 3-4 ล้านคนต่อปี ส่วนเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในเวียดนามมากเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบริษัทยักษ์ใหญ่ ทั้งอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า โรงงาน โรงแรม

ทั้งนี้ คาดว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า การขยายตัวของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศอาเซียน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มซีแอลเอ็มวี พบว่า เศรษฐกิจเฉลี่ย ขยายตัว 6.8% โดยลาวและเมียนมาขยายตัวสูงกว่า ค่าเฉลี่ย ส่วนเวียดนามและกัมพูชาจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย ขณะที่อาเซียนเดิม 6 ประเทศ (ไทย สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และบรูไน) คาดว่าอีก 5 ปีข้างหน้า เศรษฐกิจจะขยายตัว 4.5% โดยไทย และสิงคโปร์มีอัตราการขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ย เพราะพื้นมูลค่าทางเศรษฐกิจเดิมสูงมาก โดยไทยเฉลี่ยที่ 4% และสิงคโปร์ 2%.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ