ตกเขียวคนพท. เด้งบิ๊กปศุสัตว์ เซ่นพิษสุนัขบ้า
นายกฯเผยนักการเมืองสมัครใจมาร่วมงานรัฐบาลเอง ยันไม่ศรัทธาการ “ดูด” ไม่ยอมรับวิธีเสนอเงิน ผลประโยชน์ ตำแหน่งแลกเปลี่ยน ข้องใจม็อบนัดชุมนุมใครหนุนหลัง ชี้วันเลือกตั้งชัดเจนอยู่แล้ว ปลุกสังคมไทยเปลี่ยนวิธีคิด กาบัตรเลือกคนใหม่ๆ หรือคนเก่าน้ำดี มท.1 ยันไม่มีฝ่ายปกครองเกลี้ยกล่อมตกเขียวนักการเมือง แกนนำเพื่อไทยพรึ่บตบเท้าเบิร์ธเดย์ 57 ปี “สุดารัตน์” แฉเด็กในสังกัด กทม.โดนจ้องดูด เย้ยนายกฯถ้าไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่นก็น่าจะเป็นรถดูดส้วม ปชป.เจ็บปวดสมาชิกหายอื้อ แต่ลั่นไม่มีวันอ่อนแอ “ไอติม” อยากเห็น ปชป.ปรับตัวสู่ยุคใหม่ “บิ๊กตู่” แหย่ถาม “มาดามแป้ง” สนไหมการเมือง เทิดทูนรัชกาลนี้คือรัชกาลแห่งการปฏิรูป ครม.เด้งอธิบดีปศุสัตว์เซ่นวัคซีนหมาบ้า “กฤษฎา” เผยเจ้าตัวขอย้ายเอง ศาลปกครองสูงสุดยืนยกคำร้อง “ทักษิณ” กรณีพาสปอร์ต ส่วน “จาตุรนต์” ให้คืน
กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ดึงนักการเมืองมาร่วมทำงานกับรัฐบาล ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของบรรดานักการเมือง โดยเฉพาะจากพรรคการเมืองใหญ่ว่าเป็นการ “ดูด” เพื่อหวังผลสร้างฐานการเมืองสำหรับการลงสนามเลือกตั้งครั้งหน้า ขณะที่นักวิชาการก็ระบุว่าเป็นการย้อนไปสู่วงจรการเมืองแบบเก่า
“บิ๊กตู่” ปลื้มสุขได้ทำงานให้ชาติ
เมื่อวันที่ 1 พ.ค. เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนด้วยท่าทียิ้มแย้ม และน่าสังเกตว่าได้ทาแป้งมาจนหน้านวล ผู้สื่อข่าวจึงทักนายกฯว่า หน้าตาสดใสลงมาเลย นายกฯกล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า “วันนี้ที่หน้าตาสดใสเพราะว่าอารมณ์ดี มีความสุขที่ได้ทำอะไรให้กับประเทศชาติ จะสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็ได้ทำไปเยอะพอสมควร”
...
เผยนักการเมืองสมัครใจมาเอง
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์กรณีนักวิชาการออกมาวิจารณ์คนในรัฐบาล และ คสช. กลับไปใช้วงจรการเมืองแบบเก่า ดูดอดีตมา ส.ส.ร่วมงานว่า ตอนนี้เห็นนักวิชาการออกมาทักท้วง ตั้งข้อสังเกต วิจารณ์กันเยอะ ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อทั่วไป ตนก็ฟัง แต่สิ่งสำคัญคือตนรู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่ การพูดว่าดูดเป็นมานานแล้ว คงไม่ใช่ว่า ตนยอมรับกติกานี้ อยากให้พิจารณาดูว่าที่มีข่าวสารออกมา มันเป็นเรื่องที่นักการเมืองสมัครใจกันเองหรือไม่ ทุกทีเวลาเลือกตั้งสื่อก็จะเห็นอยู่ ทุกคนจะย้ายไปตรงนู้นตรงนี้อะไรต่างๆ ขึ้นอยู่กับนโยบายพรรคที่เขาอยู่มาก่อน แล้วเขาเห็นอนาคตหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของเขา ตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวตรงนี้เลย ตนยังได้สอบถามพรรคการเมืองที่มีข่าวว่าสนับสนุนผม โดยถามไปว่าทำแบบนั้นหรือ ไปเสนอผลประโยชน์กันไว้หรือเปล่า เขาบอกว่าไม่ได้มีอะไร นั่งอยู่เฉยๆ ก็มีคนติดต่อมาขอพบหารือ ซึ่งเป็นธรรมดาของการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในช่วงนี้ ทุกอย่างยังไม่ไปสู่ขั้นตอนอะไรสักอย่าง ฉะนั้นยังไม่ชัดเจนหรอก ตนยังไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง
ลั่นไม่นิยมดูดแลกผลประโยชน์
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องการพูดคุยแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องระมัดระวัง ซึ่งทุกคนคงทราบดีแล้ว ตนไม่เห็นด้วยเลย หากเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นทางการเมือง หรือนโยบายต่างๆ ตนบังคับใครไม่ได้อยู่แล้ว แต่การใช้เงิน หรือเสนอผลประโยชน์ไว้ล่วงหน้า สิ่งนี้ตนไม่ต้องการโดยเด็ดขาด จะไปซื้อ สัญญา จะให้ตำแหน่งโควตารัฐมนตรี คิดว่าไม่ค่อยถูก แต่หากเป็นเรื่องที่ทุกคนจะเข้ามาทำการเมือง หรือพัฒนาประเทศร่วมกัน จะต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไรในการเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
ข้องใจม็อบเคลื่อนไหวใครโยงใย
ผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการรับมือกลุ่มคนอยากเลือกตั้งที่เตรียมชุมนุมในวันที่ 5 พ.ค.นี้ โดยปักหลักค้างคืนด้วยว่า เราบอกว่าจะมีการเลือกตั้งต้นปีหน้าแน่นอน ก็ยังจะเคลื่อนไหวอีก ต้องไปดูว่ากลุ่มคนที่เคลื่อนไหวเป็นกลุ่มไหน คนเดิมๆหรือคนใหม่ มีการสนับสนุนจากใคร สอดคล้องกับสิ่งที่นักการเมืองหรือพรรคการเมืองออกมาพูดตรงไหน ก็แสดงว่ากลุ่มนั้นเป็นผู้สนับสนุนให้ออกมา อยากให้ประชาชนใช้การเรียนรู้จากอดีตที่ผ่านมาช่วยรัฐบาลแก้ปัญหา เพราะกฎหมายมีทุกตัว พอบานปลายก็ต้องใช้กฎหมาย เสร็จแล้วกลายเป็นว่ารัฐบาลไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ขณะที่ตัวเองไปละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น วันนี้บ้านเมืองต้องสงบ เพื่อให้ทำมาหากินได้ การท่องเที่ยวไปได้ ชุมนุมไปไม่ได้อะไรขึ้นมา รัฐบาลนี้เอาทุกประเด็นมาแก้ปัญหาอยู่แล้ว
ปลุกกาบัตรคนใหม่-คนเก่าดีๆ
“การเลือกตั้งเป็นกระบวนการประชาธิปไตย ต้องคิดดูว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะทำอย่างไรเพื่อเป็นประชาธิปไตยที่มีธรรมาภิบาล ขณะเดียวกันสังคมไทยต้องเปลี่ยนแปลงวิธีคิด วิธีการเลือกตั้ง หลักการที่จะเลือกคนไปเป็น ส.ส. จะต้องเปลี่ยนวิธีการหมด แล้วผมจะไปบังคับใครได้ มันขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งหมด ทั้งระดับบน กลาง ผู้มีรายได้น้อย ทั้งหมดต้องช่วยกันออกมาเลือกตั้ง เพื่อให้ได้นักการเมืองใหม่ขึ้นมาให้ได้ หรือนักการเมืองเดิมๆ ที่ดีๆให้ได้ ผมยังไม่ไปก้าวล่วงพวกนี้เลย ขอเถอะ บ้านเมืองกำลังไปได้ด้วยดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เราก็พูดและประกาศไปแล้ว เราจะเลือกตั้งในต้นปี 62 ก็ไม่เห็นมีประเทศใดทักท้วงก็พอใจ ขอให้เราเดินไปตามนั้น ไม่ต้องมาเป็นห่วงว่ารัฐบาลนี้จะเลื่อน ผมไม่เคยคิดจะเลื่อนเลย แต่ที่มันปรับมาก็เป็นเรื่องของกฎหมาย แต่ก็ยังมาหาว่าผมทำให้กฎหมายยืดเยื้อ ผมจะไปทำอะไรขนาดนั้น” นายกฯกล่าว
ห่วงรัฐบาลใหม่ไม่สานงานต่อ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า สิ่งที่กังวลในวันนี้คือ สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำไว้ วันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ทราบ บางอย่างที่แก้ไปแล้วก็โอเค แต่จะกลับมาใหม่หรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลใหม่ และสิ่งที่เริ่มไปแล้วจะทำต่อเนื่องหรือไม่ ซึ่งวันนี้เราทำมาต่อเนื่อง 4 ปี มันถึงสำเร็จในบางเรื่อง บางเรื่องใช้เวลาปีเดียว แต่บางเรื่องต้องใช้เวลาถึง 10-20 ปีด้วยซ้ำ มันจะได้ รับการสานต่อหรือไม่ จากฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาลในสภา นั่นคือ สิ่งที่ทุกคนน่าจะห่วงใยมากกว่า ตอนนี้อย่าเพิ่งมาตีกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
“สมคิด” บอก “ผมโดนดูดมากกว่า”
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเตรียมตั้งพรรคการเมืองสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯอีกสมัยว่า “ผมจำได้ว่า ผมยังไม่ได้พูดอะไรมากเลย พูดแค่ประโยคสองประโยคว่าผมสนับสนุนท่านประยุทธ์ แล้วผมก็คิดว่าท่านเหมาะสม ถ้าท่านจะทำต่อนะ พอพูดแค่นั้นเองพวกคุณโอเวอร์รีแอ็กเกินไปหรือเปล่า ผมยังงงอยู่เลย” เมื่อถามถึงเสียงวิพากษ์วิจารณ์การดูดนักการเมือง และอดีตส.ส.มาสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ นายสมคิดตอบว่า “ผมถูกดูดมากกว่านะ”
มท.1 โต้ฝ่ายปกครองกล่อมการเมือง
ขณะที่ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าว กรณีฝ่ายการเมืองออกมาเปิดเผยว่า ฝ่ายปกครองเข้าไปเกลี้ยกล่อมอดีต ส.ส. ให้สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ว่า ไม่มีความเห็น และตนไม่ได้สั่งการฝ่ายปกครองในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอน
“บิ๊กป้อม” ไม่กังวลชุมนุม 5 พ.ค.
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นัดเคลื่อนไหวใหญ่วันที่ 5 พ.ค.ว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่ต้องเตรียมอะไรเป็นพิเศษ เพราะเตรียมพร้อมตลอดเวลาอยู่แล้ว ไม่วิตกกังวลอะไร เมื่อถามว่า ถ้าไม่วิตก ทำไมต้องส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความเคลื่อนไหวดังกล่าว พล.อ.ประวิตรตอบว่า “เจ้าหน้าที่ความมั่นคงเรามีไว้ทำไม มีไว้สำหรับดูแลความปลอดภัยเผื่อตีกันเอง ตอนนี้รัฐบาลก็บอกแล้วว่าจะมีการเลือกตั้ง ก.พ.62 เชื่อว่าผู้ชุมนุมรู้ว่าจะชุมนุมอย่างไรไม่ผิดกฎหมาย และคิดว่าไม่ยืดเยื้อ ไม่มีฝ่ายอื่นๆมาร่วมผสมโรงในการชุมนุม มีแต่ผู้สื่อข่าวผสมโรงเล่นงานเรา”
สมช.เอาอยู่-ไม่มีแนวร่วมอื่น
ด้าน พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่สร้างความรุนแรงหรือทำอะไรนอกกรอบกฎหมาย เมื่อถามว่า เกรงจะมีแนวร่วมกลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นใหม่ไปร่วมด้วยหรือไม่ พล.อ.วัลลภตอบว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ปลดล็อกให้พรรคการเมืองเคลื่อนไหว จึงทำได้ในภาวะที่จำกัดอยู่ หากปลดล็อกแล้วอาจมีการเคลื่อนไหวที่เปลี่ยนแปลงไป ตอนนี้ยังไม่มีข่าวว่าจะมีกลุ่มใดเข้ามาผสมโรง คิดว่ากลุ่มผู้ชุมนุมคงไม่ทำอะไรให้เกิดความรุนแรง และเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
เบิร์ธเดย์ “สุดารัตน์” พท.เพียบ
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.30 น. ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กทม. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายสมยศ ลีลาปัญญาเลิศ สามี จัดทำบุญฟังธรรมและเจริญจิตตภาวนา เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันเกิดคุณหญิงสุดารัตน์ครบ 57 ปี มีอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรค และอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย มาร่วมงานด้วยจำนวนมาก อาทิ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค นายชัยเกษม นิติสิริ นายวราเทพ รัตนากร น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง นายโภคิน พลกุล นายชูศักดิ์ ศิรินิล นายชวลิต วิชยสุทธิ์ นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. นายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีต ส.ส. นนทบุรี นายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม อดีต ส.ส.สุรินทร์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีต ส.ส.น่าน อดีตรองเลขาธิการพรรค นายก่อแก้ว พิกุลทอง แกนนำ นปช. รวมถึงนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นอกจากนี้ยังมีประชาชนร่วมด้วยคับคั่ง โดยคุณหญิงสุดารัตน์มอบของที่ระลึกให้แก่ผู้ร่วมงาน เป็นเสื้อโปโลสีส้ม มีข้อความ “S+ ทีมคุณหญิงสุดารัตน์” พัดรูปคุณหญิงสุดารัตน์ และพระพุทธเจ้าน้อยองค์เล็ก
ห่วงได้ประชาธิปไตยแค่เปลือก
กระทั่งเวลา 12.00 น. คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า วันเกิดปีนี้ได้มาทำบุญ สวดมนต์ ฟังธรรม และเจริญจิตตภาวนา ซึ่งพระคุณเจ้าบอกว่าให้เราคิดดี ดังนั้นจึงขออัญเชิญพระราชดำรัสในหลวงรัชกาลที่ 9 คือ การคิดดี พูดดี ทำดีต่อกัน และอยากให้ประเทศไทยมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น เพื่อเป็นของขวัญให้คนไทยได้มีความสุขมากๆ ขณะนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญมีการออกกฎหมายหลายฉบับ รวมถึงเรื่ององค์กรอิสระ การคืนสู่ประชาธิปไตยจะต้องคืนด้วยความจริงใจ คืนโอกาสให้กับประชาชน ที่สำคัญ คือต้องยึดโยงประชาชนเป็นศูนย์กลาง ขณะนี้มีการดีไซน์รัฐธรรมนูญ และกฎหมายโดยไม่ยึดโยงกับประชาชน จึงห่วงว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นประชาธิปไตยเพียงเปลือก ไม่ใช่แก่น ซึ่งจะไม่แก้ปัญหาประเทศ และประชาชน
แฉเด็กในสังกัด กทม.โดนจีบ
คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวถึงกรณีที่จำนวนสมาชิกพรรคเพื่อไทยลดลงว่า ไม่แปลกใจ เพราะประชาชนที่มาพบหลายคนก็บอกว่าไม่ได้ยืนยันสมาชิก เพราะรู้สึกว่าใจยังเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอยู่ ดังนั้นรูปแบบไม่สำคัญเท่ากับจิตใจที่ยังมั่นคงอยู่ ทุกพรรคก็คงประสบปัญหาในเรื่องดังกล่าวเช่นกัน เมื่อถามถึงพลังดูดของฝั่งรัฐบาล คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า เป็นการเลือกใช้วิธีการแบบนักการเมืองโบราณ ซึ่งก็คงไปบังคับไม่ได้ แต่สุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินใจเอง ในส่วนของพื้นที่ กทม. ได้ยินจากน้องๆ ว่ามีเสนอมาบ้าง แต่เขาก็ยืนยันว่าจะอยู่กับพรรคไม่ไปไหนกัน เพราะการทรยศประชาชน และอุดมการณ์ของตนเองเป็นเรื่องยาก เขาลำบากใจ ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเราต้องมองไปข้างหน้า รักษาจุดแข็ง เป็นผู้คิดค้นนโยบายในการแก้ปัญหาให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข และนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง
เย้ยนายกฯน่าจะเป็นรถดูดส้วม
เมื่อถามว่า นายกฯระบุว่าการดูดเป็นครรลองประชาธิปไตย คุณหญิงสุดารัตน์ตอบว่า ที่อ้างนักการเมืองเลวร้ายจนต้องเข้ามาปฏิรูปนั้น ต้องถามประชาชนว่า 4 ปีที่ผ่านมาของ คสช. ประชาชนได้อะไร เมื่อถามว่า ส่วนตัวคุณหญิงโดนดูดบ้างหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ทำท่าดูดปาก พร้อมกล่าวว่า “ต้องใช้หลอดดูดไหม” เมื่อถามอีกว่า นายกฯบอกว่า ไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า “แล้วอะไร กลัวจะเป็นรถสีเหลืองๆ”
ปชป.เผยสมาชิกเหลือแสนเดียว
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงยอดจำนวนสมาชิกพรรคที่มายืนยันลดลงจากเดิมจำนวนมากว่า ไม่เหนือความคาดหมาย เมื่อดูตัวเลขการยืนยันสมาชิกของพรรคการเมืองต่างๆ ก็มีลักษณะคล้ายกัน คือลดลงทุกพรรค สำหรับตัวเลขล่าสุดที่ส่งเข้ามาที่พรรค เมื่อคืนวันที่ 30 เม.ย.2561 มีการยืนยันเป็นสมาชิกพรรคประมาณ 1 แสนคน อย่างไรก็ตามแม้การยืนยันสมาชิกพรรคจะทำให้ยอดรวมลดลง แต่จะไม่ส่งผลต่อการทำงานใดๆของพรรค ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าสร้างพรรคให้มีความพร้อมสำหรับการเสนอตัวให้ประชาชนพิจารณาในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เชื่อมั่นว่าถึงแม้สมาชิกพรรคจะไม่มายืนยันการเป็นสมาชิก แต่จะยังยืนยันที่จะสนับสนุนพรรคอย่างมั่นคงต่อไป ทั้งนี้ เมื่อมีการปลดล็อกให้สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้ และให้รับสมัครสมาชิกใหม่ได้ พรรคจะรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองด้วยการสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพิ่มเติมต่อไป
ลั่นแปรผันความเจ็บปวดเป็นพลัง
นายราเมศ รัตนะเชวง คณะทำงานด้านกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการยืนยันสมาชิกพรรคว่า ความเสียหายที่เกิดจากคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ชัดเจนแล้ว ประชาชนที่เป็นสมาชิกโดยชอบด้วยกฎหมาย ได้รับความไม่เป็นธรรมจากคำสั่ง ดังนี้ นอกจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมด้วยรัฐธรรมนูญแล้ว ยังถือว่าเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพ และสร้างภาระเกินจำเป็นให้ประชาชนและพรรค การเมือง ทั้งยังเป็นการเลือกปฏิบัติต่อพรรคการเมืองด้วย ตัวเลข 1 แสนคน จาก 2.5 ล้านคนนี้คือความไม่เป็นธรรม เป็นความเจ็บปวดต่อประวัติศาสตร์การเมืองไทย ผู้นำที่มีคุณธรรมเขาไม่ทำเช่นนี้ อย่าหวังว่าพรรคจะอ่อนแอลงตามที่ คสช.ต้องการ จะไม่มีสิ่งกีดขวางความผูกพันระหว่างประชาชนกับพรรค เราจะใช้ความเจ็บปวดครั้งนี้รวมพลังให้เห็นว่ายังยึดมั่นอุดมการณ์และทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ ผลจากคำสั่งนี้ต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะเป็นเช่นไร
“ไอติม” รายงานตัวทหารใหม่
วันเดียวกัน ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 ตรวจเยี่ยมการดำเนินการรับ-ส่งทหารกองประจำการประจำปี 61 ในผลัดที่ 1/61 ให้กับหน่วย รับทหารกองประจำการในพื้นที่รับผิดชอบของมณฑลทหารบก 5 จังหวัดประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และนครปฐม ในห้วงวันที่ 1 และ 3 พ.ค.นี้ จำนวน 5,525 นาย แบ่งเป็นทหารกองประจำการที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ มทบ.11 จำนวน 3,094 นาย และทหารกองประจำการที่มีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ส่งช่วย มทบ. 11 จาก 13 จังหวัดภาคอีสาน อีก 2,476 นาย ในจำนวนนี้มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือไอติม หลานชายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มารายงานตัวเป็นทหารใหม่ด้วย
อยากเห็น ปชป.ปรับตัวสู่ยุคใหม่
นายพริษฐ์ให้สัมภาษณ์ถึงการสมัครเป็นสมาชิก พรรคประชาธิปัตย์ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ปรับตัวเป็นยุคใหม่ได้ตนก็จะสมัครเป็นสมาชิก ขณะนี้ยังไม่มีเหตุผลอะไรที่พรรคประชาธิปัตย์จะเข้าสู่ยุคใหม่ไม่ได้ สมาชิกพรรคจะได้สามารถกำหนดทิศทางพรรคมากขึ้น เช่น การเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง การคิดนอกกรอบ การกำหนดนโยบายตอบโจทย์สังคม เมื่อถามว่า มองอย่างไรกับเรื่องดูดนักการเมือง นายพริษฐ์ตอบว่า มี 2 เงื่อนไขที่ ส.ส.ย้ายพรรค คือ 1.ย้ายตามอุดมการณ์พรรคการเมือง ไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ 2.ระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแรงควรให้มีการแข่งขันกันหลายพรรคการเมือง การแข่งขันในแง่ตัวผู้สมัครก็สำคัญ แต่ควรอยู่บนพื้นฐานที่ยุติธรรม เมื่อถามว่าจะมีโอกาสที่ถูกดูดหรือไม่ในฐานะที่เป็นคนเก่ง นายพริษฐ์ตอบว่า คงไม่โดนดูด เพราะมีอุดมการณ์ที่ชัดเจน
นายกฯอารมณ์ดีรัวหมัดโชว์ฟิต
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ก่อนการประชุม ครม. พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ นำ นพ.ปิยะสกล สกล-สัตยาทร รมว.สาธารณสุข นายสุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์กิจกรรม “Happy Workplace องค์กรแห่งความสุข : ท่าบริหารร่างกายสไตล์ไทย เพื่อสุขภาพพี่น้องแรงงานไทย” เนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ โดยนายกฯได้วัดรอบเอวเพื่อวัดมาตรฐานสุขภาพ ปรากฏว่าเกินค่าไป 1 นิ้ว นายกฯระบุว่า “เดี๋ยวผมจะไปลด” ก่อนร่วมเต้น 12 ท่าบริหารร่างกายสไตล์ไทยประกอบเพลง เมื่อถึงท่าชกมวยนายกฯได้เดินไปรัวหมัดชกหยอกล้อกับผู้ที่นำออกกำลังกายอย่างอารมณ์ดี
รับเกียรติบัตรสตูลอุทยานธรณีโลก
ขณะที่ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำคณะเข้าพบนายกฯ เพื่อรับมอบเกียรติบัตรอุทยานธรณีสตูล ได้รับการประกาศเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก (UNESCO Global Geoparks) จาก Dr. Benno Boer ผู้แทนสำนักงานยูเนสโก กรุงเทพฯ จากนั้นนายกฯได้ส่งมอบต่อให้กับนายภัทรพนธ์ รัตนพิเชฏฐชัย ผู้ว่าฯ สตูล
ถาม “มาดามแป้ง” สนการเมืองไหม
ต่อมานายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา นำนางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยและทีมนักฟุตบอลหญิง เข้าพบนายกฯเพื่อรายงานความสำเร็จการแข่งขัน “ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย 2018 รอบสุดท้าย” โดยนายกฯกล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมา บ้านเมืองเรามีปัญหาค่อนข้างมาก แต่พยายามทำทุกอย่างให้เกิดความสงบ วันนี้เราอยู่ในช่วงที่ต้องปรับตัว ทั้งรัฐบาลและประชาชน การใช้จ่ายค่อนข้างมาก แต่รายได้น้อย รัฐบาลมุ่งหวังให้ดีขึ้น ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยากนัก ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย มีพวกวิพากษ์วิจารณ์บอกว่าเราแย่ตลอด ซึ่งไม่ใช่ว่ามันไม่ดีทั้งหมด ต้องขอร้องให้ช่วยกันชี้แจงสร้างความเข้าใจด้วยว่ามันไม่ได้แย่ทั้งหมด ทั้งนี้นายกฯได้สอบถามนางนวล-พรรณว่า “ไม่ไปเล่นการเมืองหรือ” นางนวลพรรณจึงตอบว่า “ขออยู่ตรงนี้ดีกว่า”
ยาหอมนักการเมืองเกลียดกันไม่ได้
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปเป็นประธานเปิดงานวันแรงงานแห่งชาติ พ.ศ.2561 กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้การเมืองค่อนข้างแรง ขอให้ฟังรัฐบาลบ้าง รู้ทุกคนเหนื่อยตรอมใจ อยากเปลี่ยนแปลง ตนก็เหนื่อยทั้งคิดทั้งทำ เงินเดือนน้อยกว่านายกฯคนอื่นในอาเซียน แต่ไม่เคยเรียกร้องอะไร มีเท่าไหร่ใช้เท่านั้น กับนักการเมืองเราเกลียดกันไม่ได้อยู่แล้ว เป็นคนไทยต้องรักกัน แบ่งกันไม่ได้อยู่แล้ว ตนยินดีที่ได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยนักการเมือง ไม่ได้ไปเรื่องการ เมือง เพียงแต่อยากให้รับรู้ปัญหามีอยู่แค่ไหน จะแก้ไข กันอย่างไร และขออย่าให้มีประท้วงชุมนุมกันใหญ่โตเลย มายื่นเรื่องที่ตนรับได้หมด รับรองจะทำให้ดีที่สุด เพราะหากชุมนุมไปนานๆ จะเสียบรรยากาศการลงทุน การท่องเที่ยวที่พยุงประเทศมหาศาล จะให้ ความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นเร็วที่สุด เพื่อคลี่คลายปัญหา อย่าปล่อยให้รกรุงรัง ไม่อย่างนั้นจะลงโทษสถานหนักฐานปล่อยปละละเลย
เผยเป็นรัชกาลแห่งการปฏิรูป
“5 ปีจากนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปประเทศ เป็นช่วงชี้เป็นชี้ตายประเทศ ที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม รัฐบาลและการเมืองทำฝ่ายเดียวไม่ได้ แต่ต้องร่วมกันทั้งประเทศ ต้องทำความเข้าใจ ลดความขัดแย้ง รัชกาลนี้เป็นรัชกาลแห่งการปฏิรูป จำคำพูดผมไว้ เราทำถวายรัชกาลใหม่ สานต่อในสิ่งที่รัชกาลที่ 9 ทรงทำไว้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท่านทรงห่วงใยเสมอ ผมมีโอกาสได้เข้าเฝ้าฯ ท่านรับสั่งถามดูแลประชาชนริมแม่น้ำอย่างไร ท่านลงรายละเอียดทั้งหมด ผมต้องหาวิธีแก้ไขและกราบบังคมทูลให้ทรงทราบ ผมมีหน้าที่นำพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อพวกเรามาให้พวกเรา และนำสิ่งที่ทุกคนถวายความจงรักภักดีไปถึงพระองค์ วันนี้มีคนพูดว่าผมมาทวงบุญประชาชน ผมไม่ได้มาทวง แต่มีหน้าที่ทำเพื่อประชาชน ก็ขออย่าทอดทิ้งผม และผมก็ไม่ทอดทิ้งประชาชน” นายกฯกล่าว
ระทึก “เพนกวิน” ประชิดตัวนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายกฯเดินเข้าบริเวณพื้นที่จัดงาน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แนวร่วมกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้แฝงตัวมาด้วยการสวมเสื้อสีน้ำเงินของสำนักงานประกันสังคมที่แจกให้กับผู้ใช้แรงงานที่มาร่วมกิจกรรม บุกประชิดเข้าหานายกฯแล้วนั่งลงกับพื้นก้มลงกราบ พร้อมกล่าวว่า “ผมขอกราบท่านนายกฯ ผมอยากเลือกตั้ง” ทำให้ทีมรักษาความปลอดภัยต้องรีบกรูเข้ามาล็อกตัวนายพริษฐ์ออกไป อย่างไรก็ตาม นายกฯบอกว่า “ปล่อยเขา อย่าไปทำอะไรเขา” จากนั้นทีมรักษาความปลอดภัยรีบนำตัวนายพริษฐ์ออกจากงานไปยังศาลาว่าการ กทม. และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดขึ้น โดยช่วงที่นายกฯเดินทักทายแรงงาน ทีมรักษาความปลอดภัยได้พยายามกันคนไม่ให้เข้าใกล้ตัวนายกฯ โดยนายกฯกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าไม่มีใครทำร้ายนายกฯอยู่แล้ว”
เด้งอธิบดีปศุสัตว์เซ่นวัคซีนหมาบ้า
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐ– มนตรี แถลงผลการประชุม ครม. ว่า ครม.เห็นชอบการโยกย้ายแต่งตั้งนายอภัย สุทธิสังข์ อธิบดีกรมปศุสัตว์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และให้นายสรวิศ ธานีโต ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นอธิบดีกรมปศุสัตว์ ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การสลับตำแหน่งครั้งนี้ เนื่องจากกรมปศุสัตว์มีปัญหาเรื่องโรคพิษสุนัขบ้าที่กำลังระบาด หลังจากวัคซีนในการจัดซื้อของปี งบประมาณ 59/60 ไม่ได้คุณภาพ รวมทั้งอาจมีการทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนแก้โรคพิษสุนัขบ้าด้วย ทั้งก่อนและขณะที่นายอภัยดำรงตำแหน่ง โดยให้นายสรวิศที่เคยเป็นรองอธิบดีกรมปศุสัตว์มาก่อนมาดำรงตำแหน่งแทน
“กฤษฎา” เผยเจ้าตัวขอย้ายเอง
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า การโยกย้ายดังกล่าวเป็นความต้องการของนายอภัยเอง โดยมาขอย้ายกับนายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ตนและปลัดจึงพิจารณาร่วมกัน เห็นว่าเมื่อเจ้าตัวต้องการย้ายก็เลยอนุมัติให้สลับตำแหน่งกัน และเพื่อให้การทำงานในกรมปศุสัตว์ดีขึ้นด้วย ซึ่งทั้งหมดอาจสืบเนื่องมาจากปัญหาที่มีการร้องเรียนเรื่องการซื้อวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้า
นายสรวิศ ธานีโต ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังการเข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมปศุสัตว์ มีเป้าหมายแก้ไขปัญหาโรคพิษ สุนัขบ้าที่ระบาดอยู่ให้เบ็ดเสร็จ การรายงานสถานการณ์โรคจะต้องชัดเจน มีสต๊อกกลางของวัคซีนเพื่อใช้กรณีฉุกเฉิน โดยทั้งหมดจะรายงานและประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์กลางของกรมปศุสัตว์ รวมทั้งการจัดทำแผนการควบคุมโรคในสัตว์ตามฤดูกาล เป็นไทม์ไลน์ตลอดทั้งปี เพื่อให้ผู้เลี้ยงและประชาชนทั่วไปรับทราบข้อมูลสำหรับวางแผนรับมือล่วงหน้า
“ดีอี” ยันไม่เสียหายมือดีแฮ็กคอมพ์
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์กรณีมีกลุ่มคนเจาะระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้เป็นฐานปล่อยมัลแวร์เข้าไปดูข้อมูลของหลายประเทศว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว มี 17 ประเทศที่ถูกปล่อยมัลแวร์นี้ ในส่วนของไทยเท่าที่ตรวจสอบไม่พบความเสียหายอะไร แต่ยังไม่ทราบเป็นฝีมือกลุ่มใด ตอนนี้กระทรวงดีอีแจ้งต่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ให้ตัดการเชื่อมโยงดังกล่าวแล้ว พร้อมตรวจสอบด้วยว่าจะต้องทำอะไรเพิ่มหรือไม่ สำหรับระบบป้องกันฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษาในไทย มีความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ โดยดีอีมีศูนย์ประสานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ประเทศไทยเป็นทีมงานรุกเร็ว เราได้ประชุมกับกลุ่มหลักๆ 6 กลุ่มที่เรียกว่าโครงสร้างขั้นพื้นฐานสารสนเทศที่สำคัญของประเทศ เพื่อร่วมกันทำงานล้อมรั้วป้องกันการเจาะข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของไทย อีกทั้งยังได้ยกร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แล้ว เพื่อการนี้โดยเฉพาะ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ก็กำชับให้ทุกกระทรวงดูแลความปลอดภัยระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ของตัวเองให้ดี
ยกฟ้องคดี “ทักษิณ” ร้องพาสปอร์ต
วันเดียวกัน ที่ศาลปกครอง ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ฟ้องอธิบดีกรมการกงสุล และพวกรวม 2 คน กรณีกรมการกงสุลยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณ 2 ฉบับ โดยก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าวแล้ว แต่นายทักษิณได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด โดยศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางที่มีคำพิพากษายกฟ้อง เพราะคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทาง ของกรมการกงสุลชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณกับสื่อมวลชนในประเทศเกาหลีใต้ก่อความเสียหายและกระทบเกียรติภูมิของประเทศ ตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง
เจ้าตัวไม่แปลกใจคำตัดสิน
ด้านนายวัฒนา เตียงกูล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ กล่าวว่า คดีถึงที่สุดแล้วคงต้องยุติ ทำอะไรไม่ได้ หลังจากนี้จะประสานไปยังนายทักษิณ เพื่อแจ้งคำพิพากษาของศาลให้รับทราบต่อไป
ขณะที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทวิตเตอร์ข้อความว่า “วันนี้ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ผมฟ้องกระทรวงการต่างประเทศที่ยกเลิกหนังสือเดินทางผมโดยมิชอบ ก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย ที่ฟ้องไม่ใช่เพราะผมเดือดร้อนอะไร ที่ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางของไทย แต่เพียงต้องการอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมของไทย ได้มีโอกาสปรับตัวจากการถูกปรามาสว่าถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนไม่เป็นที่พึ่งของสังคม เพราะได้ดำเนินการโดยขัดหลักนิติธรรมสากล และเลือกปฏิบัติต่อคนเฉพาะกลุ่มเฉพาะฝ่ายมาโดยตลอด”
แต่ “อ๋อย” ได้เฮคดีทำนองเดียวกัน
อีกคดีหนึ่ง ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ฟ้องกระทรวงการต่างประเทศ กรมการกงสุล รมว.ต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ อธิบดีกรมการกงสุล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และ ผบ.ตร. รวม 7 ราย กรณีกรมการกงสุลมีคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางทั้ง 3 ฉบับของนายจาตุรนต์ โดยก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวของกรมการกงสุล เนื่องจากเห็นว่านายจาตุรนต์เคยได้รับอนุญาตจากหัวหน้า คสช. และศาลทหารกรุงเทพฯ ให้เดินทางออกนอกประเทศหลายครั้ง จึงไม่ใช่ผู้ที่ศาลหรือพนักงานฝ่ายปกครองเห็นว่าไม่ควรออกหนังสือเดินทางให้
ขมขื่นใจถูกดองเค็มนานเกือบ 3 ปี
นายจาตุรนต์กล่าวภายหลังทราบคำพิพากษาว่า คดีครั้งนี้น่าจะเป็นผลทำให้หน่วยงานของรัฐและฝ่ายรัฐบาลต้องให้ความสนใจในการใช้อำนาจโดยไม่ชอบ เพื่อประโยชน์ในทางที่จะปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เรื่องนี้ต้นเหตุสำคัญที่นำมายกเลิกหนังสือเดินทาง ไม่ใช่กลัวว่าตนจะหลบหนีไปต่างประเทศ แต่คือรัฐบาลไม่พอใจที่ตนวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ จนนำไปสู่การดำเนินการต่างๆ ที่ไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ดีใจที่จะได้หนังสือเดินทางคืน แต่อดที่จะรู้สึกขมขื่นใจไม่ได้ ที่ต้องไม่มีหนังสือเดินทางมานานเกือบ 3 ปี โดยไม่มีเหตุผล ส่วนจะฟ้องกลับผู้ที่ยกเลิกหนังสือเดินทางหรือไม่ ขอเวลาพิจารณาก่อน จะคิดอีกครั้งหลังพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว
ยกคำร้องฝากขัง 4 แกนนำม็อบ
ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นำนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ นายรังสิมันต์ โรม นายอานนท์ นำภา และนายปกรณ์ อารีกุล ผู้ต้องหาที่ 1-4 แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง มายื่นฝากขังต่อศาลครั้งแรก กรณีชุมนุมเดินขบวนเรียกร้องการเลือกตั้งและขับไล่รัฐบาล คสช. ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อเย็นวันที่ 24 มี.ค.61 ฐานยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 และอีกหลายความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ นอกจากนี้ ยังมีการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงเดินขบวนกีดขวางการจราจร ตาม พ.ร.บ.จราจร โดยชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนแล้วแต่ยังไม่เสร็จสิ้น ต้องสอบพยานอีก 6 ปาก ขอฝากขัง 12 วัน และคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำผิดซ้ำหลายครั้ง แต่ศาลพิจารณาแล้วให้ยกคำร้องฝากขัง ผู้ต้องหาจึงได้รับการปล่อยตัว โดยมีญาติมาคอยให้กำลังใจรับตัวไปทันที
“มาร์ค พิทบูล” หวิดโดนลำแข้ง
วันเดียวกัน ที่โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ กลุ่มไทยศรีวิไลย์ นำโดยนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ว่าที่หัวหน้าพรรค นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ “มาร์ค พิทบูล” ว่าที่รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือผู้กองปูเค็ม อดีตนายทหารกรมสรรพาวุธ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง จัดรวมพลร่วมอุดมการณ์ ปลดปล่อยประเทศไทย แสดงเจตจำนงทางการเมืองในการก่อตั้งพรรค เรียกร้องนายกฯลาออก เพื่อลงมาสู้กันทางการเมืองอย่างเต็มตัว อย่างไรก็ตามได้เกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เมื่อกลุ่ม “ชมรมพระเครื่อง” กว่า 100 คน นำโดยนายธนัท ชัยวชิระศักดิ์ หรือนัท แชมป์จตุคาม รามเทพปี 2550 รายการแฟนพันธุ์แท้ บุกเข้ามาในงานเพื่อกดดันให้นายณัชพล สุพัฒนะ หรือ “มาร์ค พิทบูล” ขอขมาพระพุทธศาสนา ระบุว่านายณัชพลไลฟ์สดผ่านทางเฟซบุ๊กเผยแพร่ถ้อยคำดูหมิ่น เหยียดหยามพระพุทธศาสนา ซึ่งนายณัฐพลยอมทำตามคำเรียกร้อง
วีมูฟบี้ปมชู้สาว กกต.“ธีรวัฒน์”
เมื่อเวลา 14.30 น. ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย WeMove นำโดย น.ส.สุเพ็ญศรี พึ่งโคกสูง หัวหน้าศูนย์ส่งเสริมความเสมอภาค นางเรืองรวี พิชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยบทบาทหญิงชายและการพัฒนา นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และคณะผู้แทนจากขบวนผู้หญิงปฏิรูปประเทศไทย เดินทางเข้ายื่นหนังสือสอบถามความคืบหน้าการดำเนินการของผู้ตรวจการแผ่นดิน กรณีเคยมีมติว่านายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ กกต. มีความประพฤติที่ผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีถูกร้องเรียนเรื่องชู้สาว และเตรียมเข้ายื่นหนังสือถามความคืบหน้าต่อสำนักงาน กกต.ด้วย
นายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า หลังผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติเรื่องนี้ ได้ส่งเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบแล้ว ไม่รู้ว่าการตรวจสอบคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว ควรจะต้องไปถาม กกต.
“ศุภชัย” เฉไฉไม่แจ้งคืบหน้า
ขณะที่นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ปฏิเสธที่จะตอบคำถามเรื่องการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมนายธีรวัฒน์ โดยระบุเพียงว่า “ไม่มี เป็นความลับทางราชการ” ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้านี้ กกต.เตรียมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องนี้ แต่ติดปัญหาเรื่องตำแหน่งของผู้ที่มาเป็นกรรมการฯ ต้องไม่ต่ำกว่าผู้ถูกตรวจสอบ และเป็นเวลาเดียวกับที่รัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้ ทำให้ กกต.ส่งเรื่องนี้ให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ โดยที่ กกต.ไม่มีการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว