“หมอแสง” ยันกลุ่มแพทย์ที่ทดลองคุณภาพยาสมุนไพรเป็นหมอสมัยใหม่ไม่มีความรู้ด้านสมุนไพรแถมใช้ยาที่เป็นสารเคมีทดลองลงในหลอดแก้วทั้งที่สิ่งเหล่านี้เข้าไปในร่างกายกลายเป็นคนละเรื่อง หากยังเรื่องมากจะเลิกแจกยาทันที ต่อไปผู้หลักผู้ใหญ่หรือใครก็ตามจะกินยาสมุนไพรให้ทำเรื่องส่งไปสถาบันมะเร็งหรืออธิบดีกรมการแพทย์ว่ามีความประสงค์จะกินยาสมุนไพรถึงจะแจกให้

หมอแสงยันผลวิจัยสมุนไพรฆ่ามะเร็งได้ หากมีปัญหามากเลิกแจกยาเลย ทั้งนี้ หลังจากที่กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกได้หารือร่วมกัน ระหว่าง นพ.ปราโมทย์ เสถียรรัตน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทย นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.มะเร็งแห่งชาติโดยระบุว่าผลการวิจัยพบว่าสมุนไพรของนายแสงชัย แหเลิศตระกูล หรือหมอแสง ไม่สามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งได้ มีผลเพียงบำรุงร่างกายเท่านั้น ขณะที่หมอแสงออกมาโต้ว่า การทดลองดังกล่าวเป็นการวิจัยในหลอดแก้วแต่ไปอยู่ในตัวคนจะเป็นอีกเรื่องนั้น

ต่อมาวันที่ 25 เม.ย. นายแสงชัย แหเลิศตระกูลหรือหมอแสง ให้สัมภาษณ์ที่บ้าน จ.ปราจีนบุรี อีกครั้งว่า ผลการวิจัยออกมาแล้วว่าสมุนไพรของตนกินได้ไม่เป็นพิษ ซึ่งที่จริงแล้วการนำสมุนไพรไปตรวจสอบ หรือทดลองหรือวิจัยหน้าที่หลักควรเป็นแพทย์แผนไทย ไม่ใช่ส่งไปให้ นพ.ณรงค์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ นพ.วีรวุฒิ ผอ.สถาบันมะเร็ง เพราะพวกนี้ไม่ได้จบด้านสมุนไพรแต่จบการแพทย์สมัยใหม่ ดังนั้น ความรู้ด้านสมุนไพรแพทย์สมัยใหม่อาจยังไม่ยอมรับ ส่วนการทดลองในหลอดแก้วเป็นไปได้ว่าสารเคมีที่เติมลงอาจทำลายเชื้อมะเร็งได้ 50-80% เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

“อย่าใช้คำว่าสมุนไพรไม่สามารถทำลายมะเร็งหรือฆ่ามะเร็งได้ ผลทดลองที่ท่านชี้แจงว่าสมุนไพรได้ผลเพียง 8-10-15 % ผมถามว่าเอาคุณภาพของสมุนไพรไปเทียบกับสารเคมีในการทดลองได้อย่างไร เมื่อทุกคนบอกว่ามะเร็งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้เมื่อเข้าไปในร่างกาย ทำไมเราไม่ทำให้มันอยู่ในร่างกายเราแล้วปรับสภาพในร่างกายเราไปฆ่ามะเร็งไม่ดีกว่าหรือ ทำไมต้องฆ่าด้วยสารเคมี ถ้าแบบนั้นเอาอะไรฆ่าก็ได้ ทำไมไม่มองผลกระทบว่าสารเคมีมีผลกระทบต่อร่างกายไหม ทำไมทุกสถาบันทุกหมอไม่ยอมพูดว่า คีโมฉายรังสีไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกาย ผมมีผลวิจัยของสถาบันมะเร็ง กรมการแพทย์บอกว่าถ้ารักษาไม่ถึง 50% ถือว่าใช้ไม่ได้” หมอแสงกล่าว

...

นายแสงชัยกล่าวอีกว่า “ถ้าผลไม่ถึง 50% ไม่สามารถรับรองในตัวผมได้ก็ไม่เป็นไร ทำให้ผมถูกต้องซิ ไม่ใช่บอกฆ่ามะเร็งหรือรักษามะเร็งไม่ได้ สำหรับรายงานของสถาบันมะเร็งอ้างผลทดสอบสารเคมีสามารถยับยั้งมะเร็งมีผลของเขาได้ 64% ของสมุนไพรได้ 26% ฆ่าด้วยสารเคมีกี่เปอร์เซ็นต์ ฆ่าด้วยสมุนไพรกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าต่ำกว่า 50% ถือว่าฆ่าไม่ได้ อย่างที่ผมบอกเอายาฆ่าแมลงใส่ลงไปคงฆ่าได้หมด ไม่รู้ว่าหมอจะเอาสมุนไพรไทยไปเปรียบกับสารเคมี ถ้ายังเป็นแบบนี้หรือยังเรื่องมาก เดือนนี้อาจจะเป็นเดือนสุดท้ายที่ผมจะแจกยา ต่อไปผู้หลักผู้ใหญ่รวมทั้งหมอ ตุลาการ ตำรวจ ทหาร พยาบาล ถ้าจะกินสมุนไพรของผมให้ทำเรื่องไปถึงสถาบันมะเร็งหรืออธิบดีกรมการแพทย์ว่าสมัครใจจะกินสมุนไพรหรือมีความประสงค์จะกินสมุนไพร

“ผมจะเอารายชื่อจากที่นั้นมาแจกสมุนไพรให้ ถ้าผมไม่ได้แจก ชีวิตคงมีความสุข ไม่ต้องดิ้นรนทำขนาดนี้ หมอก็รับคนไข้ไป ผมไม่คิดที่จะแย่งอาชีพหมอหรอก ไม่แย่งคนไข้ เดือนพฤษภาคมยังแจกเพราะคนไข้ยังรอจำนวนมาก แต่เดือนมิถุนายน ทุกคนต้องไปลงชื่อที่อธิบดีกรมการแพทย์หรือสถาบันมะเร็ง ถ้าเขาแจ้งมาว่าไม่มีใครประสงค์จะกิน ผมจะไม่แจก” หมอสมุนไพรชื่อดังกล่าว

ที่ สภ.เมืองปราจีนบุรี มีกลุ่มผู้ป่วยและญาติจำนวนมากยังให้ความมั่นใจกับสมุนไพรของนายแสงชัยเดินทางมาลงบันทึกประจำวันเพื่อขอรับสมุนไพรจากหมอแสงที่จะแจกยาในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมนี้ จากการสอบถามผู้ป่วยทุกรายยืนยันตรงกันว่า กินสมุนไพรของหมอแสงแล้วดีขึ้น เมื่อไปตรวจหาค่ามะเร็งแล้วลดลง ทุกคนต่างยืนยันไม่สนใจผลการวิจัยว่าสมุนไพรจะฆ่ามะเร็งได้หรือไม่ก็ตามเพราะผลจากการกินสมุนไพรแล้วเห็นผลทันตา

นายอรรถพล เพียรวรรณวณิช อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 267 เขตบางพลัด กรุงเทพฯ พ่อของแพทย์หญิงรายหนึ่งกล่าวว่า ลูกสาวเป็นอาจารย์แพทย์ ป่วยเป็นมะเร็งลำไส้และมดลูก อาการหนักมาก เลยตัดสินใจมารับยาสมุนไพรของหมอแสงไปกิน ปรากฏว่าอาการป่วยลดลงและมีสภาพร่างกายดีขึ้นและยอมรับว่ายาของหมอแสงดีจริง อีกทั้งเมื่อสัมผัสกับผู้ป่วยในแต่ละรายที่มารับยาหมอแสงพบว่าผู้ป่วย 80-90% อาการดีขึ้น