ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เชื่อ “พงศ์พร” ยังไม่ยอมหยุด หวั่นแจ้งความ 5 พระเถระ คดีทุจริตเงินทอนวัด ทำเหตุการณ์บานปลาย หลัง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติไม่ยอมชี้แจงสื่อตามมติมหาเถรสมาคม (มส.) ที่มีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานการประชุม กรณีออกมาระบุโทษทางพระธรรมวินัยปรับอาบัติปาราชิกกรรมการ มส. 3 รูป ทั้งที่ไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ
กรณีตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ตรวจสอบคดีทุจริตเงินทอนวัด พบการทุจริตงบอุดหนุน 3 ประเภทคือ 1.เงินอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัด 2.เงินอุดหนุนส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และ 3.เงินอุดหนุนการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี มีผู้เกี่ยวข้องเข้าข่ายความผิดหลายระดับ รวมทั้งอดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เจ้าหน้าที่ พศ. และพระหลายรูป โดยล่าสุด พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ยัง บก.ปปป. ดำเนินคดีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป โดย 3 ใน 5 รูป เป็นถึงกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเตรียมแจ้งความอีก 7 วัด แต่ถูกกระแสกดดัน จนต้องเลื่อนไปไม่มีกำหนด และยังสร้างความไม่พอใจแก่ มส. เพราะมองว่า พ.ต.ท.พงศ์พรไม่ยอมสอบถามข้อเท็จจริงกันก่อน และยังมาปรับอาบัติพระสงฆ์อีก เพราะการปรับอาบัติพระเป็นเรื่องของคณะสงฆ์ ส่งผลให้ในการประชุม มส.ครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 เม.ย. ซึ่งมีสมเด็จพระสังฆราชเป็นประธานการประชุม มีมติให้ พ.ต.ท.พงศ์พร แถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้ากรณีดังกล่าวเมื่อวันที่ 21 เม.ย.พระธรรมกิตติเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาส ในฐานะประธานศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องใหญ่ในวงการสงฆ์ สร้างความเสียหายแก่พระเถระทั้ง 5 รูป เพราะถูกกล่าวหาไปแล้ว ทั้งที่เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่ถูกเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ยังแทบไม่ได้เริ่มต้นด้วยซ้ำ ส่วนทางออกของเรื่องดังกล่าว มองว่าคงเป็นไปได้ยาก เพราะกระทบกับภาพรวมในวงกว้าง และเจ้าของเรื่องคงไม่ยอมง่ายๆ จนอาจทำให้คนหลายกลุ่มไม่พอใจ ซึ่งไม่อยากให้เหตุการณ์บานปลาย และเกิดความรุนแรง ก็ต้องช่วยกันแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุดต่อไป
...
วันเดียวกันมีรายงานว่า การแถลงข่าวของ พ.ต.ท.พงศ์พร เมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมานั้น ยังไม่ตรงกับสิ่งที่ มส.มีมติให้ พ.ต.ท.พงศ์พรออกมาแถลงข่าวทั้งหมด เพราะในการประชุม มส.มีมติให้ พ.ต.ท.พงศ์พรแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงในการดำเนินการกรณีเงินทอนวัดกับพระเถระทั้ง 5 รูป โดยเฉพาะที่มีการดำเนินการในเรื่องดังกล่าวกับกรรมการ มส.ถึง 3 รูป และอีกเรื่องที่ที่ประชุม มส.มีมติให้ พ.ต.ท.พงศ์พรแถลงคือ กรณีที่มีการระบุโทษทางพระธรรมวินัยปรับอาบัติปาราชิกกรรมการ มส. 3 รูป อยู่ในข้อความที่ไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษที่ บก.ปปป. ซึ่ง มส.มีมติให้ พ.ต.ท.พงศ์พรแถลงผ่านสื่อมวลชนว่า การปรับอาบัติพระสงฆ์เป็นขั้นตอนทางพระธรรมวินัย เป็นเรื่องของคณะสงฆ์ และไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งในระหว่างการประชุม มส. พ.ต.ท.พงศ์พรชี้แจงในเรื่องนี้ว่า ไม่ได้มีการระบุข้อความปรับอาบัติปาราชิกอยู่ในการร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่พอออกมาแถลงข่าว พ.ต.ท.พงศ์พรกลับแถลงข่าวเพียงเรื่องเดียวคือ ชี้แจงข้อเท็จจริงในการดำเนินการกรณีเงินทอนวัดกับพระเถระทั้ง 5 รูปเท่านั้นs