ปี 60 มีผู้ใช้มือถือ 121.53 ล้านเลขหมาย อึ้ง!! คนไทยใช้เน็ตมือถือ มากถึง 3.3 พันล้านกิกะไบต์ เพิ่มขึ้น 6 เท่าตัวภายใน 4 ปี เฉลี่ย 4.11 กิกะไบต์ ต่อคนต่อเดือน กว่า 40 ล้านคน ใช้เฟซบุ๊ก และกว่า 30 ล้านคน ใช้ไลน์...
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า จากการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ในปี 60 มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้งานอยู่จำนวนทั้งสิ้น 121.53 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น กลุ่มบริษัท AIS จำนวน 53.05 ล้านเลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ 43.65% รองลงมาคือกลุ่มบริษัท TRUE จำนวน 36.05 ล้านเลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 29.66% และกลุ่มบริษัท DTAC จำนวน 30 ล้านเลขหมาย คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 24.69% ส่วนกลุ่ม CAT และกลุ่ม TOT มีจำนวน 0.11 ล้านเลขหมาย และ 2.32 ล้านเลขหมายตามลำดับ โดยคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 0.09% และ 1.91% ตามลำดับ
ส่วนข้อมูลปริมาณการใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ (การใช้บริการดาต้า) ของโอเปอเรเตอร์หลัก 3 ราย พบว่า เมื่อสิ้นปี 60 มีการใช้งานสูงถึง 3,294,325,000 กิกะไบต์ (หรือ 3 ล้านเทราไบต์โดยประมาณ) โดยเติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 57 หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 6 เท่าตัวภายใน 4 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตของการใช้งานที่สูงมาก คิดเป็นปริมาณการใช้งานดาต้าโดยเฉลี่ย 4.11 กิกะไบต์ ต่อคนต่อเดือน แสดงให้เห็นว่าในปี 60 ใน 1 วันแต่ละคนมีการใช้งานดาต้าเฉลี่ย 0.14 กิกะไบต์ หรือ 140 เมกะไบต์
ทั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้คลื่นความถี่ เพื่อการสื่อสารข้อมูลผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด ภายหลังจากการประมูลคลื่น 2100 เมกะเฮิรตซ์ ในปี 55 และ 1800 และ 900 เมกะเฮิรตซ์ ในปี 58-59 ที่ทำให้มีการให้บริการ 3G/4G อย่างแพร่หลายทั่วประเทศ ทำให้สังคมไทยก้าวสู่สังคมออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ มีการใช้งานโซเชียลมีเดียสูง เช่น มีผู้ใช้งาน Facebook กว่า 40 ล้านคน และมีผู้ใช้งาน Line กว่า 30 ล้านคน ในประเทศไทย เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลผ่านการทำธุรกรรมออนไลน์ในระบบโมบาย แบงก์กิ้ง หรือ ฟินเทค ทำให้เกิดระบบการชำระเงินรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า พร้อมเพย์ ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 39 ล้านคนในปัจจุบัน ทำให้การซื้อขายสินค้าอุปโภคบริโภคและบริการสามารถทำได้ง่าย สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถดำเนินการได้ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ประชาชนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้ทุกที่ ทุกเวลา เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง.