ชีวิตมนุษย์อย่างกับในละครตอนแล้วตอนเล่า เหมือนหนังน้ำเน่าหลังข่าวในทีวีไม่มีผิดเพี้ยน มิใช่แค่บทบาทที่ถูกแต่งเสริมขึ้นใหม่ ยิ่งเรียนรู้อยู่ใช้ชีวิตยิ่งเข้าใจ สูงได้ต่ำได้ จนได้ก็รวยได้ อย่าหมายคิดไปเองว่าสิ่งที่มีอยู่จะยั่งยืนตลอดไป อย่างเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปสดๆ ร้อนๆ "นายจรูญ มณีพันธ์" อายุ 82 ปี อาชีพเก็บขยะขาย อาศัยนอนหน้าเซเว่น ถูกวัยรุ่นหัวร้อนซ้อมปางตาย ปมเหตุจากควบ จยย. เกี่ยวชนกับซาเล้งลุงจนล้มคว่ำ ให้เหตุผลเพราะโมโหโทษคุณตาผิดไม่ยอมรับ เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นภายในซอยชานเมือง 2 เขตพื้นที่ สน.ห้วยขวาง
"ผมเห็นคลิปที่ทางเพจเฟซบุ๊กแหม่มโพธิ์ดำนำมาลงหลายๆ มุมกล้องวงจรปิด รู้สึกตกใจมากที่เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในพื้นที่ สน.ห้วยขวาง รีบจัดทีมตำรวจ สายสืบลงพื้นที่หาข่าว และสามารถคุมตัวคนร้ายได้ภายหลังคลิปถูกเผยแพร่ไม่นาน ซึ่งต้องขอขอบคุณแหม่มโพธิ์ดำที่นำเสนอเรื่องราวช่วยเหลือสังคมอย่างแท้จริง สำหรับที่ผู้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าผมไม่อยากให้นิ่งนอนใจคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตน หากพบเรื่องราวลักษณะนี้อีกให้รีบแจ้งที่โรงพักทันทีไม่ต้องรอ" พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง
...
ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นหนุ่มวัยรุ่น คือนายนราธร โสดติยัง อายุเพียง 21 ปี ผมลงพื้นที่หาข่าวก่อนเดินทางไปเชิญตัวยังบ้านพัก ซึ่งเขาก็ยอมรับสารภาพโดยดีว่าเป็นคนก่อเหตุขึ้น และรู้สึกผิดมากจนเก็บมาคิดและนอนไม่หลับ อยากจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นดูแลจนกว่าคุณตาหายดีทำงานได้ พร้อมไปขอขมาในสิ่งที่ทำลงไป ยอมรับเป็นเพียงอารมณ์ชั่ววูบ เพราะโกรธที่คุณตาชนแล้วหนีไม่ลงมาถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมยืนยันไม่ได้เล่นมือถือขณะขี่ จยย.
"พ่อชอบใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่นอกบ้าน ยึดอาชีพเก็บขยะและของเก่าขายมานานหลายปี ตั้งแต่ พ.ศ.2544 ยุคฟองสบู่แตก ตอนนั้นหนูเรียนชั้น ป.1 พ่อเคยหุ้นกับเพื่อนลงทุนร่วมกันทำกิจการภายใต้ชื่อ "ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย" กันสาดผ้าใบ ช่างเชื่อม ต่อเติมส่วนต่างๆ ของอาคารบ้านเรือน ถือเป็นยุครุ่งเรืองของครอบครัว กระทั่งล้มละลาย แม่ต้องไปเข็นรถขายมันทอด ขนมไข่หงส์ หรือประเภทของทอดต่างๆ ส่วนพ่อหันไปปั่นซาเล้งเก็บขยะขาย ห้ามพ่อ พ่อก็ไม่ฟัง จนชาวบ้านมาบอกว่าพ่อชอบไปนอนอยู่หน้าเซเว่น พอไปตามกลับก็ไม่กลับ ซ้ำพ่อยังด่าไล่ใส่ ทางครอบครัวจึงปล่อยให้พ่อใช้ชีวิต แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ทิ้งขว้าง" น้องเจี๊ยบ วนิดา มณีพันธ์ ลูกสาว
"ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย" นี่คือแห่งเดียวกับที่กำลังเปิดกิจการอยู่ตอนนี้ใช่มั้ยคะ? "ใช่ค่ะอันเดียวกันเลย พ่อเป็นคนก่อตั้งร่วมกับเพื่อน ต่อมาเศรษฐกิจไม่ดีขาดทุนยับเยิน ต้องขายกิจการต่อ หลังจากนั้นพ่อก็ออกมารับซื้อของเก่า รับซื้อขยะขาย หาเงินส่งหนูเรียนจนจบ ป.ตรี พ่อหาเงินเก่งมาก ส่วนแม่ก็ไม่ท้อ หลังจบปริญญาตรีหนูทำงานเป็นลูกจ้างประจำในกระทรวง ตอนนี้ลาออกแล้ววางโครงการไว้ว่าจะเปิดร้านกาแฟค่ะ"
ชีวิตเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากที่พ่อเคยเป็นเจ้าของกิจการ ตอนนี้รู้สึกอย่างไร? ไม่รู้สึกอะไรค่ะ ปกติดี เข้าใจในโชคชะตามีขึ้นมีลงเราห้ามอะไรไม่ได้ มันจะเกิดต้องเกิด พ่อแม่ถึงเขาจะมีอาชีพอะไรเขาก็เลี้ยงดูเรามาจนเรียนจบนะ ส่วนหุ้นส่วนพ่อที่เคยร่วมกิจการด้วยกันตอนนี้อยู่เมืองนอก ไม่มีใครท้อ ครอบครัวหนูไม่ท้อ ครอบครัวเพื่อนพ่อก็ไม่ท้อเราต้องมีชีวิตที่สู้ต่อไป ดูแลกันให้ดีที่สุด ฝากเป็นกำลังใจให้ทุกๆคนที่กำลังท้อถอยด้วยนะคะ ล้มแล้วยังไงก็ต้องลุกค่ะ
"สำหรับคนที่ทำร้ายพ่อเรา พอได้มาดูในกล้องวงจรปิดถึงรู้ว่าเป็นคนรู้จัก ทางครอบครัวเขามาไกล่เกลี่ย ขอจ่ายเงินค่ารักษา ตอนแรกโกรธมากอยากเห็นหน้าคนลงมือทำคนแก่ แต่พอน้องเขามาขอโทษขอโพย ก็ยอมรับว่าให้อภัยนะ บ้านเขาทำเสื้อผ้าขายอยู่ประตูน้ำ ครอบครัวเขาก็ยืนยันจะดูแลเยียวยาจนถึงที่สุด ในส่วนของตำรวจจะดำเนินคดีอะไรต่อก็ว่าไปตามนั้น ถึงจุดนี้เชื่อว่าเป็นบทเรียนให้น้องเขาได้คิด ว่าต่อไปอย่าอารมณ์ร้อนแล้วทำเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก "
...
ต้องขอขอบคุณ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง ที่ช่วยตามคดีให้ค่ะ ก็รู้สึกว่าตำรวจยุคนี้กระตือรือร้น พอทราบเรื่องก็ติดตามทันที หากทำธุระเสร็จจะเข้าไปขอบพระคุณที่โรงพัก ในส่วนของพ่อตอนนี้รู้สึกตัวแล้วแต่ยังพูดไม่รู้เรื่อง เหมือนหลงลืมอะไรไป แพทย์ยังไม่อนุญาตให้กลับบ้าน.