โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน เส้นทางกรุงเทพฯ–นครราชสีมา เริ่มต้นชัดเจนแล้วเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.60 โดยเริ่มต้นการก่อสร้าง หลังจากประชุมร่วมกันมาหลายครั้ง ช่วงแรกเริ่มก่อสร้างจากสถานีกลางดง–ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร หลังจากนั้นจะทยอยสร้างให้เสร็จและเปิดใช้งานในปี 2564
แต่ก่อนจะไปถึงวันนั้น บางคนอาจไม่เชื่อใจว่า หากรถไฟสัญชาติจีน จะมาวิ่งบริการให้กับชาวไทยใช้งานได้มีประสิทธิภาพจริงหรือไม่
สมาคมผู้สื่อข่าวไทย–จีน จึงร่วมกับ สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศ ไทย ได้นำ คณะสื่อมวลชนไทย บินลัดฟ้าสู่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ไปศึกษาดูงานเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของแดนมังกร เพื่อเป็นข้อมูลหนึ่งที่จะสร้างความเข้าใจใหม่ให้เกิดขึ้น และทริปนี้ นายชัยวัฒน์ วนิชวัฒนะ นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน นำทีมไปเอง
ตลอดการดูงานครั้งนี้ คณะสื่อมวลชนไทย ได้รับการอำนวยความสะดวกจาก สำนักข่าวซินหัว เป็นผู้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานที่จะไปเยี่ยมชม โดยเริ่มต้นกันที่ บริษัทซีอาร์อาร์ซี บริษัทรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ที่รับงานผลิตขบวนรถไฟของจีนส่งขายในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยด้วย
นางหลี่ หมิ่น รองผู้อำนวยการประชาสัมพันธ์ บริษัทซีอาร์อาร์ซี บรรยายสรุปให้ทราบถึงวิวัฒนาการรถไฟของจีนไว้อย่างน่าสนใจว่า เดิมได้ผลิตขบวนรถไฟแบบธรรมดา ผสมกับรถไฟเพื่อการขนส่ง ซึ่งมีความเร็ว 3 ระดับ คือ 120, 140 และ 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในช่วงปี 2547 ได้เริ่มนำเข้าเทคโนโลยีรถไฟจากต่างประเทศ อาทิ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมนี เพื่อนำมาเรียนรู้ และต่อยอดพัฒนาเป็นเทคโนโลยีของตัวเอง
ใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี จนสามารถมีเทคโนโลยีผลิตรถไฟความเร็วสูงเป็นของตัวเอง โดยเริ่มที่ความเร็ว 200-250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มเส้นทางแรก จากปักกิ่ง-เทียนสิน ในปี 2551 ซึ่งเป็นปีเดียวกับช่วงที่จีนได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิก
จากนั้นได้พัฒนาเรื่องรถไฟอย่างเรื่อยมา จนตอนนี้มีขบวนรถที่วิ่งอยู่ที่ความเร็ว 300-350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา บริษัทได้พัฒนาความเร็วไปอีกขั้น โดยนำรถไฟความเร็วสูงขบวนใหม่ ชื่อว่า “ฟู่ชิง” มาทดลองวิ่งในเส้นทางจากปักกิ่งไปเซี่ยงไฮ้ โดยทำความเร็วเฉลี่ย 380 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถไฟ “ฟู่ชิง” มีชิ้นส่วนประกอบกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ผลิตในจีน คุณสมบัติด้านความปลอดภัยคือ หากเกิดเหตุฉุกเฉินสามารถสั่งหยุดรถระยะไกลได้ และสามารถเผชิญทุกสภาพอากาศ ซึ่งรองรับตั้งแต่ -40 องศาเซลเซียส ถึง 45 องศาเซลเซียส
นางหลี่ หมิ่น เผยว่า ปัจจุบันประเทศจีน มีระยะทางรถไฟติดอันดับโลก ซึ่งมีกว่า 22,000 กิโลเมตร กว่า 2,000 ขบวน ครอบคลุมทุกภาค และยังมีฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถผลิตขบวนรถไฟได้ประมาณ 5,000 ตู้ต่อปี
“ในอนาคต บริษัทซีอาร์อาร์ซีตั้งเป้าหมายพัฒนาเทคโนโลยีให้ถึงระดับโลก เพราะเรามีการตั้งศูนย์วิจัยพัฒนาระดับชาติกว่า 20 แห่งที่ครอบคลุมไปทั่วโลก รวมถึงมีในประเทศไทยด้วย ซึ่งในปี 2563 จะพัฒนารถไฟความเร็วสูง ความเร็วเฉลี่ยสูงกว่า 400 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สามารถวิ่งบนรางที่มีความกว้างขนาดที่แตกต่างกันได้” นางหลี่ หมิ่น กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หลังจากรับทราบข้อมูลจากบริษัทซีอาร์อาร์ซีแล้ว คณะสื่อมวลชนไทย ยังได้มีโอกาสนั่งรถไฟความเร็วสูงจากกรุงปักกิ่งมายังเมืองชิงเต่า มณฑลซานตง และถือโอกาสทดลองนั่งรถไฟความเร็วสูงไปในตัว ตลอดการเดินทางที่ได้สัมผัส พบว่ารถไฟจะทำความเร็วที่แตกต่างกันในแต่ละช่วงของสถานี แต่ได้ทำความเร็วสูงสุดที่ 309 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีความเงียบไร้เสียงรบกวนจากภายนอก
ส่วนระยะทางระหว่าง 2 เมือง ห่างกัน819 กิโลเมตร เทียบได้กับกรุงเทพฯ-เชียงราย ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง30 นาที เดินทางถึงจุดหมาย คือเยี่ยมชมโรงงานผลิต รถไฟความเร็วสูง ในนามของ บริษัทซีอาร์อาร์ซี ชิงเต่า ซือฟาง ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ บริษัทซีอาร์อาร์ซี
ทีมงานของซีอาร์อาร์ซีฯ ได้นำชมเทคโนโลยีบางส่วนของการผลิตรถไฟความเร็วสูง โดยมี นายเซียะ จิงเฉิง ผอ.แผนกความร่วมมือต่างประเทศ บรรยายสรุปให้ฟังว่า ขั้นตอนก่อนที่จะเริ่มต้นการก่อสร้าง ทางบริษัทได้นำระบบเทคโนโลยีความเป็นจริงเสมือน หรือ Virtual Reality ภาพจำลองขบวนรถไฟอย่างละเอียด สัดส่วนเท่าของจริง เพื่อออกแบบขบวนรถไฟให้ได้ขนาดความเหมาะสมตามความต้องการของผู้ผลิต
พร้อมทั้งยังมีระบบทดสอบชิ้นส่วนต่างๆว่ามีปัญหาหรือไม่ อาทิ ทดสอบแรงดันภายในขบวน ระบบทดสอบความแข็งแรง ระบบทดสอบแรงกระแทก รวมถึงเทคโนโลยีควบคุมเสียงรบกวนภายในขบวน เนื่องจากรถไฟที่ใช้ความเร็วจะมี เสียงลมรบกวน โดยจะมีการสร้างขบวนจำลองมาทดสอบกับระบบดังกล่าว ก่อนที่จะมีการก่อสร้างจริง
จากนั้นได้นำไปชมกระบวนการการผลิต เช่น โรงงานเชื่อมต่อตู้ขบวนรถ โรงงานประกอบรถ ซึ่งยังมีโรงงานแยกทำหน้าที่อยู่หลายชิ้นส่วน แล้วจะนำมาประกอบกันให้ออกมาในรูปแบบสำเร็จ ก่อนจะนำไปทดสอบการวิ่ง เพราะที่โรงงานได้ทำรถไฟไว้ด้วย ทั้งนี้ โรงงานในเมืองชิงเต่าสามารถผลิตขบวนรถไฟความเร็วสูงในแบบสำเร็จได้วันละ 6 ตู้ หรือ 180 ตู้ต่อเดือน
สำหรับการผลิตขบวนรถไฟให้กับประเทศไทยนั้น นายกง รุ่ยหมิง รองผู้จัดการการตลาดต่างประเทศ บริษัทซีอาร์อาร์ซี ชิงเต่า ซือฟาง เผยว่า มีความพร้อมสนับสนุนและผลิตรถไฟความเร็วสูง โดยสามารถจัดสร้างขบวนรถไฟได้ตามความต้องการในรูปแบบต่างๆที่เหมาะกับประเทศไทย
“รถไฟความเร็วสูงทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ที่จะช่วยพัฒนาตลอด 2 ข้างทาง เชื่อว่าถ้ารถไฟความเร็วสูงที่สร้าง ในระยะเริ่มต้น กรุงเทพฯ-นครราชสีมา แล้วเสร็จ ชาวไทยจะได้ประโยชน์อย่างแน่นอน” นายกง รุ่ยหมิง กล่าว
ในเวลา 10 กว่าปี พัฒนาการรถไฟของจีนเติบโตได้อย่างรวดเร็ว มีเทคโนโลยีทันสมัยและพร้อมที่จะพัฒนาอย่างไม่สิ้นสุด บวกกับความสามารถในการผลิตที่มีกำลังสูง เพราะมีเส้นทางรถไฟจำนวนมากติดเป็นอันดับโลก และยังมีการจำหน่ายให้กับหลายประเทศ
จึงน่าจะเป็นข้อมูลให้เชื่อมั่นได้ว่ารถไฟจากจีนสามารถมาวิ่งบริการในไทยได้ และสิ่งที่ต้องทำต่อไป คือการเรียนรู้เทคโนโลยี เพื่อให้คนไทยสามารถมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเองด้วยเช่นกัน.
ฐิตาภา ทรงเผ่า–พิสิฐ ภูตินันท์
รายงาน