ไทยรัฐฉบับพิมพ์
“บิ๊กต้อม” ธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้านักกีฬาไทยเผยอินโดนีเซีย เจ้าภาพกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ปี 2018 เตรียมการคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยเจ้าถิ่นเน้นการปรับปรุงสนามต่างๆเป็นหลัก ไม่สร้างใหม่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าหมู่บ้านนักกีฬาที่กรุงจาการ์ตายังไม่ค่อยพร้อมมากนัก แถมห้องยังคับแคบ ขณะที่การจราจรที่ตัดขัดเป็นเรื่องน่ากังวล ทีมงานของไทยต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี...
“บิ๊กต้อม” นายธนา ไชยประสิทธิ์ หัวหน้าคณะนักกีฬาไทย เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมการประชุมหัวหน้านักกีฬา ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 18 ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเดือน ส.ค.2561 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ว่า สาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้เจ้าภาพเน้นเรื่องของการพาคณะหัวหน้านักกีฬาจากทุกชาติของเอเชียไปสำรวจความพร้อมของการปรับปรุงและก่อสร้างสนามแข่งขันและหมู่บ้านนักกีฬา ทั้งที่กรุงจาการ์ตาและเมืองปาเลมบัง ซึ่งถือว่าตอนนี้มีความคืบหน้าไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว อย่างที่เกลอรา บังการ์โน เมน สเตเดียม (สตาดีโอน อูตามา เกลอรา บังการ์โน หรือเกลอรา เสนายัน เมนสเตเดียม) ที่จะใช้จัดพิธีเปิดและปิดการแข่งขัน รวมทั้งแข่งฟุตบอลนั้น ได้มีการเร่งปรับปรุงครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับสนามกีฬาอื่นๆ ที่เจ้าภาพเน้นการปรับปรุงสนามที่มีอยู่เป็นหลัก โดยไม่มีการก่อสร้างขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด
หัวหน้าคณะนักกีฬาไทยกล่าวต่อว่า อินโดนีเซีย เป็นมวยแทนเข้ามารับเป็นเจ้าภาพแทนเวียดนาม ที่ถอนตัวไปก็อาจจะมีปัญหาบ้าง อย่างหมู่บ้านนักกีฬา ที่กรุงจาการ์ตา ส่วนตัวมองว่ายังไม่พร้อมนัก ห้องค่อนข้างจะแคบ ขณะที่เวโลโดรมที่จะใช้แข่งขันจักรยานก็เพิ่งจะมีการปูพื้น คาดว่าเมื่อสร้างเสร็จก็น่าจะใช้แข่งขันเลย ส่วนการที่เจ้าภาพจะจัด “เทสต์ อีเวนต์” ใน 6 ชนิดกีฬา เพื่อทดสอบสนามก่อนการแข่งขันระหว่างวันที่ 8-18 ก.พ.2561 เชื่อว่าอย่างน้อยชาติที่ส่งนักกีฬาแข่งขันก็น่าจะได้เห็นอะไรดีๆ บ้าง ส่วนสิ่งที่ตนเป็นห่วงมากคือปัญหาการจราจรติดขัด ซึ่งในกรุงจาการ์ตาขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นเมืองหลวงที่มีปัญหารถติดระดับโลก ซึ่งชนิดกีฬาที่มีแข่งขันต้องวางแผนการเดินทางให้ดีไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปัญหาได้
ส่วนกรณีที่คณะมนตรีซีเกมส์ได้รายงานผลการตรวจสารต้องห้ามของนักกีฬา ในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 29 ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีนักกีฬา 3 คน ที่ไม่ผ่านการตรวจตัวอย่างบี ซึ่ง 2 ใน 3 คนเป็นนักกีฬาทีมชาติไทย ส่งผลให้ถูกริบเหรียญรางวัลนั้น เรื่องนี้ นายธนากล่าวว่า คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ได้เน้นย้ำเรื่องนี้กับนักกีฬาทุกคนและทุกสมาคมกีฬาทุกครั้งก่อนไปแข่งขันว่าต้องระวังและตระหนักอย่างมาก การใช้ยารักษาอาการเจ็บป่วยจะต้องได้รับไฟเขียวจากแพทย์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น เพราะเป็นเรื่องที่สำคัญมีผลกระทบและความเสียหาย
โดยรวมกับทุกคน และกรณีนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับนักกีฬาไทยมาแล้ว “เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ส่วนตัวผมมองว่าน่าจะเกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์มากกว่า เพราะเท่าที่ทราบสารต้องห้ามที่ตรวจพบเป็นสารในกลุ่มสเตียรอยด์ นักกีฬาอาจจะใช้เพื่อลดน้ำหนัก เพราะเป็นผู้หญิงจึงรักสวยรักงามเป็นธรรมดา แต่ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่เกิดขึ้น ส่วนบทลงโทษที่จะตามมาก็คงต้องรอทางฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะพิจารณากันต่อไป” นายธนา กล่าว.