ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์

เชื่อช่วยสางปัญหาแต่งตั้งโยกย้ายล่าช้า บูรณาการทำงานได้อย่างลงตัว

ตามที่ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) เตรียมทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้มีการแก้ไขคำสั่ง คสช.ที่ 19/2560 เรื่องการปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ข้อ 13 ที่ระบุให้อำนาจการบรรจุแต่งตั้งตามมาตรา 53 (3) และ (4) ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการแก้ไขให้เป็นอำนาจของศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ตามความเห็นชอบของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.) โดยการเสนอขอแก้ไขใหม่นี้ เสนอให้คืนอำนาจดังกล่าวให้ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้ลงนามในการแต่งตั้งโยกย้าย เพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งเรื่องปมอำนาจในการแต่งตั้งโยกย้าย โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการด้านการบริหารงานบุคคลคอยดูแลในเรื่องดังกล่าว รวมถึงมีคณะกรรมการบูรณาการด้านการศึกษาของจังหวัด เพื่อให้ขับเคลื่อนงานด้านการศึกษาในจังหวัดให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายนั้น

เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายธนชน มุทาพร ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) ชัยภูมิ เขต 1 ประธานชมรมผู้อำนวยการ สพท.แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ถ้าทุกอย่างมีการแก้ไขตามแนวทางดังกล่าวจริง ตนเชื่อว่าทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องยอมรับได้ และปัญหาต่างๆจะคลี่คลายลงได้ ที่ผ่านมางานด้านการบริหารงานบุคคลติดๆ ขัดๆมาก จะแต่งตั้งครูผู้ช่วยแต่ละคนต้องใช้เวลานาน เดิม สพท.สามารถดำเนินการ 4 ขั้นตอนก็เสร็จ ครูได้รับการบรรจุแต่งตั้งทำงานได้เงินเดือนตั้งแต่เดือนแรก แต่พอมี ศธจ.เข้ามามีขั้นตอนในการทำงานเรื่องนี้เพิ่มขึ้นเป็น 11 ขั้นตอน กว่าครูผู้ช่วยจะได้รับเงินเดือนต้องรอนานถึงเกือบ 3 เดือน ดังนั้นหากมีการให้อำนาจกลับมายัง สพท.จะช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้แน่นอน

...

“ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า สพท.หวงอำนาจ หรืออยากได้อำนาจคืน แต่เราคงทนไม่ได้ที่งานหลายๆเรื่องติดๆขัดๆ ล่าช้าไปหมด ที่ผ่านมาผู้บริหาร ศธจ. และ สพท.ต่างก็พยายามช่วยกันแก้ไข และร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่ เพราะถือเป็นพี่ๆน้องๆ เคยทำงานด้วยกันมาก่อน แต่เมื่อทำแล้วเกิดปัญหาก็ต้องหาทางออก ซึ่งผมว่าแนวทางที่มีการเสนอไปนี้จะช่วยบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพราะ ศธจ.เองก็มีภาพลักษณ์ที่ดีในเรื่องของความโปร่งใส ส่วน สพท.เองก็ทำงานได้คล่องแคล่ว รวดเร็ว ซึ่งดูแล้วทุกอย่างน่าจะเป็นไปด้วยดี และขับเคลื่อนงานการศึกษาได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย” นายธนชนกล่าว.