ขณะแสดงคอนเสิร์ตในผับ ตรวจพบนํ้าตาลในเลือดสูง ลูกชายวัย27โผล่ร่วมงานศพ
ช็อก “โจ บอยสเก๊าท์” หัวใจวายคาเวทีขณะเล่นคอนเสิร์ตกับเพื่อนร่วมวงที่ผับย่านทาวน์อินทาวน์ รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลยื้อชีวิตแต่ช่วยไม่ไหว “ต๊ะ บอยสเก๊าท์” เผยทั้งน้ำตา ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น ทั้งๆที่เพื่อนรุ่นพี่ไม่มีโรคประจำตัว ย้ำเป็นคนดีคอยช่วยเหลือทุกคนตลอด พ่อ ญาติและแฟนคลับแห่รับศพที่สถาบันนิติเวชฯ บำเพ็ญกุศลที่วัดสายไหม แพทย์ระบุสาเหตุการเสียชีวิตมาจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย เส้นเลือดที่จะไปเลี้ยงหัวใจตีบตัน ทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงหัวใจ ส่งผลให้เกิดหัวใจวายเฉียบพลัน เลขาฯ สพฉ.เตือนพบคนหยุดหายใจหรือหายใจเฮือก รีบช่วยทำซีพีอาร์และโทร.แจ้งหน่วยกู้ชีพ 1669 จะมีโอกาสรอด
สมาชิกวงดนตรีดัง “บอยสเก๊าท์” เสียชีวิตคาคอนเสิร์ตรายนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 11 พ.ย. เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง รับแจ้งขอความช่วยเหลือมีผู้หมดสติภายในร้านคัลเลอร์บาร์ ซอยลาดพร้าว 94 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ไปตรวจสอบเป็นสถานบันเทิงมีนักเที่ยวจำนวนมากอยู่ในอาการตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บนเวทีพบร่างชาย 1 คนนอนหมดสติ ทราบชื่อนายธนัท หรือโจ ฉิมท้วม อายุ 44 ปี สมาชิกวงบอยสเก๊าท์ โดยมีนายวินรวีร์ ใหญ่เสมอ หรือต๊ะ บอยสเก๊าท์ ประคองศีรษะอยู่ และนายทรงพล คล้ายพงษ์พันธ์ หรือดิ๊บ บอยสเก๊าท์ เพื่อนร่วมวงคอยช่วยเหลือ เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือเบื้องต้นพบว่า ไม่รู้สึกตัวแล้วจึงรีบนำส่ง รพ.ลาดพร้าว
เมื่อไปถึงแพทย์รีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน โดยมีเพื่อนร่วมวงและแฟนเพลงจำนวนหนึ่งตามมาที่โรงพยาบาล พบว่าหัวใจหยุดเต้นแล้ว จึงให้การ ช่วยเหลือด้วยเครื่องกระตุ้นหัวใจไฟฟ้า แต่โจ-บอยสเก๊าท์ยังแน่นิ่งไม่ตอบสนอง ใช้ความพยายามอยู่นานกว่า 30 นาทีแต่ก็ไม่เป็นผล จึงประกาศว่า นายธนัท ฉิมท้วม หรือโจ-บอยสเก๊าท์ เสียชีวิต หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งนำศพขึ้นรถเดินทางไปที่ สน.โชคชัย เพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือ โดยมี ร.ต.อ.เอกฤทธิ์ รูปสะอาด รอง สว. (สอบสวน) สน.โชคชัย รับแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ก่อนส่งร่างไปชันสูตรพลิกศพอย่างละเอียดที่สถาบันนิติเวชฯ รพ.ตำรวจ
...
เบื้องต้นจากการตรวจสอบประวัติด้านการรักษาของโจ-บอยสเก๊าท์ ไม่พบว่ามีโรคประจำตัว แพทย์ รพ.ลาดพร้าวระบุสาเหตุของการเสียชีวิตว่า กล้ามเนื้อหัวใจไม่ทำงาน ผลการตรวจเลือดพบว่ามีน้ำตาลในเลือดสูงถึง 300 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร คนปกติจะมีน้ำตาลในเลือดไม่เกิน 100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
นายวินรวีร์ ใหญ่เสมอ หรือต๊ะ-บอยสเก๊าท์ เผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตน พี่โจ และดิ๊บ ในนามวงบอยสเก๊าท์รับงานร้องเพลงที่ร้านคัลเลอร์บาร์ ย่านทาวน์อินทาวน์ เดินทางไปถึงร้านตั้งแต่เวลา 23.00 น. เริ่มเล่นตอนเวลา 23.30 น. ระหว่างร้องเพลงไปได้สักพัก เห็นพี่โจไปนั่งพักเป็นระยะ เป็นเรื่องผิดปกติถ้าเวลาอยู่บนเวทีเราจะไม่ทำแบบนั้น แต่ตนไม่ได้เอะใจอะไร จนมาถึงเพลงที่ 14 เพลงขอคืน ซึ่งเป็นเพลงสุดท้ายของการร้องเพลงวันนี้ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น
“ตอนนั้นเรากำลังพูดคุยเพื่อนำเข้าสู่เพลง แต่จู่ๆพี่โจล้มลงไป ตอนนั้นคิดว่าพี่โจเล่นมุข ยังแซวกันเองอยู่เลย จนผิดสังเกตจึงไปจับตัวพี่โจพบว่า ตาเหลือก กัดกราม น้ำลายฟูมปาก หายใจเบา และตัวเย็น รู้สึกตกใจมากจึงรีบใช้มืองัดปากพี่โจเพื่อให้หยุดกัดกราม ตอนนั้นมันไม่มีใครรู้เรื่องแบบนี้ ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเราได้ ตอนนั้นทุกคนที่พอจะช่วยได้พยายามช่วยกันเต็มที่ โทร.แจ้งมูลนิธิ โทร.แจ้งตำรวจ จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาพาไปโรงพยาบาล แพทย์ช่วยปั๊มหัวใจนานกว่า 30 นาที แต่ไม่เป็นผล” ต๊ะ-บอยสเก๊าท์กล่าว
ต๊ะกล่าวทั้งน้ำตาต่อไปว่า พี่โจเป็นคนน่ารักและเทกแคร์ดูแลทุกคน เวลาจะเล่นละครหรือไปร้องเพลงที่ไหนจะยกมือไหว้ทุกคนและทุกครั้ง ส่วนสภาพร่างกายพี่โจเท่าที่ทราบคือ ไม่มีโรคประจำตัวอะไรเลย ยังพูดคุยใช้ชีวิตตามปกติมาตลอด ก่อนหน้าจะขึ้นร้องเพลงตอน 16.00 น. ตนและพี่โจยังเดินทางมาซาวเช็กก่อนขึ้นร้องเพลง แล้วแยกย้ายกันกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาเจอกันที่ร้าน เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิด ทุกคนรู้สึกตกใจและเสียใจเป็นอย่างมาก
“เรารู้จักกันมา 25-26 ปี จากภาพยนตร์ที่เราเล่นด้วยกันคือเรื่อง อนึ่ง คิดถึงพอสังเขป จากนั้นเราเป็นเพื่อนกันเรื่อยมา หลังจากนั้น 2-3 ปี อาร์เอส มีโปรเจกต์ทำนักร้อง 3 คน ตอนนั้นพี่โจเป็นศิลปินอยู่แล้ว เราจึงลองไปออดิชั่นดู ขณะนั้นเฮีย (สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์) เรียกเราเข้าไปทีละคน แล้วถามว่าให้เลือกอีก 2 คนจะเลือกใคร เราทั้ง 3 คนตอบเหมือนกัน จึงทำให้เราเป็นวงบอยสเก๊าท์จนถึงตอนนี้ สำหรับพี่โจเป็นคนดี เป็นมากยิ่งกว่าเพื่อน เป็นคนที่ใส่ใจคนอื่น ตลอด 26 ปีที่คบกันมา สิ่งที่เราประทับใจมากที่สุดคือ ความเป็นเพื่อน พี่โจสามารถอยู่กับเราได้ทุกที่จริงๆ” ต๊ะกล่าว
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ นายสัมฤทธิ์ ฉิมท้วม อายุ 75 ปี บิดาพร้อมญาติเดินทางมารับศพนายธนัท ฉิมท้วม หรือโจบอยสเก๊าท์ ท่ามกลางบรรยากาศเศร้าสลด นายสัมฤทธิ์กล่าวว่า ทราบข่าวการเสียชีวิตของลูกชายตอนตี 3 ขณะลูกชายกำลังร้องเพลงและหมดสติล้มวูบไป ก่อนหน้านี้ลูกชายไม่เคยบ่นหรือแสดงอาการป่วยเลยเพราะกลัวว่าพ่อเป็นห่วง แต่ละครั้งจะโทรศัพท์ติดต่อมาหาพ่อตลอด เพื่อถามความเป็นอยู่สารทุกข์สุกดิบและถามพ่อว่ามีเงินใช้หรือไม่ คุยกันครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นแสดงที่ร้านดังกล่าว และนัดกับครอบครัวไปงานศพคุณป้าในวันอาทิตย์นี้ ตนและครอบครัวไม่คาดคิดว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น สำหรับลูกชายเป็นคนร่าเริง น่ารัก เวลาไปเล่นดนตรีที่ไหนมักโทรศัพท์มาหาพ่อเสมอ อีกทั้งเป็นเสาหลักของครอบครัวที่ดีมาก
นางบุษกร ฉิมท้วม ญาติและผู้จัดการส่วนตัว เผยว่า รู้สึกช็อกและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากสนิทกับโจ อยู่กันมาตั้งแต่เริ่มเข้าวงการ ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่าโจมีโรคประจำตัว เท่าที่คุยไม่พบสิ่งผิดปกติ ประกอบกับช่วงนี้มีงานเข้ามาเยอะ ทำให้โจพักผ่อนไม่เพียงพอจนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ยอมรับว่า ทางญาติรวมถึงเพื่อนศิลปินในวงการยังทำใจไม่ได้กับการจากไปอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ตามญาติจะนำร่างของโจไปบำเพ็ญกุศลที่ศาลาช้างเย็นฉ่ำวัดสายไหมเป็นเวลา 5 วัน และจะประกอบพิธีฌาปนกิจในวันที่ 16 พ.ย.
...
ด้าน พล.ต.ต.นพ.พรชัย สุธีรคุณ รรท.รองแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ กล่าวว่า สาเหตุการเสียชีวิตของนายธนัท ฉิมท้วม ที่ระบุเบื้องต้นว่า มีน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 300 มิลลิกรัมนั้น เป็นเพียงการหาสาเหตุชี้นำของการเสียชีวิต ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงเกิดจากกล้ามเนื้อหัวใจตาย เส้นเลือดที่จะไปเลี้ยงหัวใจตีบตัว จึงทำให้เลือดไม่ไปเลี้ยงหัวใจ ส่งผลให้เกิดหัวใจวายเฉียบพลัน ส่วนการตรวจหาสารเสพติดภายในร่างกายของนายธนัทไม่เกิน 7 วัน จะทราบผล อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภายในร่างกายของโจบอยสเก๊าท์ไม่มีสารเสพติด เนื่องจากการชันสูตรพลิกศพพบว่า อวัยวะต่างๆค่อนข้างดี ไม่ได้บ่งชี้ถึงการใช้สารเสพติด ทั้งนี้ ต้องรอผลพิสูจน์ให้แน่ชัดอีกครั้ง
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่ญาติรอรับศพโจ บอยสเก๊าท์ มีแฟนคลับนำเสื้อกำมะหยี่สีดำ หมวกคาวบอยสีน้ำตาล และแว่นตาสีดำที่โจใส่แสดงเป็นครั้งสุดท้ายที่ร้านคัลเลอร์บาร์มาสวมใส่ให้ และแต่งหน้าศพให้เหมือนตอนยังมีชีวิตอยู่
ด้าน นพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวและเพื่อนๆของโจกับเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น ความผิดปกติของหลอดเลือดหัวใจเป็นภัยเงียบที่อาจนำมาสู่อาการภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน อาจเกิดขึ้นกับผู้ที่มีความเสี่ยงได้ตลอดเวลา ในผู้ป่วยทั่วไปก่อนที่หัวใจจะหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจจะมีภาวะเต้นพลิ้วไม่เป็นจังหวะ ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายไม่สมบูรณ์ ทำให้เกิดภาวะหมดสติ ไม่รู้สึกตัว แต่สมองยังคงสั่งการให้ ร่างกายพยายามหายใจ ที่เรียกว่า การหายใจเฮือก (Gasping breathing) ผู้ป่วยจะหายใจแบบอ้าปากพะงาบ ทำให้คนรอบข้างเข้าใจผิดว่ายังหายใจเป็นปกติ ทำให้ตัดสินใจช่วยเหลือด้วยการกดหน้าอก (CPR) ช้าลง
“จากการวิจัยทางการแพทย์ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับการกดหน้าอกช่วยภายใน 4 นาทีหลังจากหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน จึงสามารถเพิ่มโอกาสรอด แนะนำว่าขั้นตอนการช่วยชีวิตสำหรับประชาชนทั่วไป เมื่อพบผู้หมดสติให้ปลุกเรียก ถ้าไม่ตอบสนองให้สังเกตการหายใจ หากไม่หายใจหรือหายใจเป็นเฮือก หรือสงสัยว่าไม่หายใจ ให้โทร. 1669 เพื่อเรียกหน่วยกู้ชีพ จากนั้นให้เริ่มกดหน้าอก ประสานมือตรงกึ่งกลางหน้าอกระหว่างหัวนมสองข้าง กดลึก 5-6 ซม. กดต่อเนื่องด้วยจังหวะ 100-120 ครั้งต่อนาที จนกว่าหน่วยกู้ชีพมาถึง หรือจนกว่าผู้ป่วยจะตอบสนอง หากมีเครื่องฟื้นคืนคลื่นหัวใจด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ (AED) ให้ร้องขอเพื่อนำมาใช้ กรณีเช่นนี้เรียกว่า ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ หากได้รับการนำส่งยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ สามารถใช้บริการตามโครงการฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่” เลขา สพฉ.กล่าว
...
เย็นวันเดียวกันที่ศาลาช้างเย็นฉ่ำ วัดสายไหม ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี มีพิธีรดน้ำศพนายธนัท ฉิมท้วม หรือโจ บอยสเก๊าท์ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีญาติพี่น้องและเพื่อนนักร้องนักแสดงมาร่วมงาน อาทิ ดิ๊บ-ทรงพล คล้ายพงษ์พันธ์ เพื่อนร่วมวงบอยสเก๊าท์ เท่ห์-อุเทน พรหมมินทร์ ขณะที่นายสัมฤทธิ์ ฉิมท้วม วัย 75 ปี บิดานายธนัท เปิดเผยด้วยสีหน้าเศร้าสลดว่า การเสียชีวิตของลูกชายรู้สึกตกใจมากจนทำอะไรไม่ถูก เพราะลูกชายไม่เคยแสดงอาการเจ็บป่วยหรืออาการผิดปกติของร่างกาย โจเป็นเสาหลักของครอบครัว ช่วยเหลือครอบครัวส่งเงินเลี้ยงดูไม่เคยขาด คอยเป็นห่วงคนในครอบครัวเสมอ ในโอกาสสุดท้าย อยากบอกลูกขอให้ไปสู่สุคติไม่ต้องเป็นห่วง พ่อยังแข็งแรงดี สำหรับพิธีสวดพระอภิธรรมศพของโจจะมีไปถึงวันที่ 15 พ.ย. จะฌาปนกิจวันที่ 16 พ.ย. เวลา 16.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างพิธีรดน้ำศพของโจมีนายโชคชัย หรือไอซ์ อุชชิน อายุ 27 ปี ลูกชายของโจ-บอยสเก๊าท์ ที่เกิดกับ “น้ำ” นันนทิยา อุชชิน อดีตภรรยา เดินทางมาเคารพศพพ่อด้วยพร้อมเปิด เผยว่า ช่วงก่อนที่พ่อจะเข้าวงการพ่อเป็นบาร์เทนเดอร์ กระทั่งมาเจอแม่จนมีลูกคือตน หลังพ่อเข้าวงการได้เลิกกับแม่ไป พอเริ่มจำความได้ทำให้รู้ว่าเป็นพ่อ ล่าสุดเพิ่งเจอพ่อเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา
“ที่ผ่านมาไม่ค่อยได้คุยกับพ่อโดยตรง ส่วนใหญ่จะติดต่อคุยกันทางเฟซบุ๊กตลอด พ่อไม่ได้ส่งเสียอะไร เวลามีปัญหาอะไรจะโทร.คุยกับคุณพ่อเป็นบางครั้ง พอทราบข่าวจากพี่ๆโทร.มาบอก ความรู้สึกแรกที่รู้คือตกใจ มันไวเกิน พ่อยังดูรุ่นๆอยู่เลย ไปไวไปหน่อย ที่ผ่านมาคุณแม่ติดต่อคุณพ่อตลอดเป็นเพื่อนกัน คุณแม่ให้มาแสดงความเสียใจและมาเคารพศพ อาบน้ำศพ มาอยู่กับคุณปู่ ครั้งนี้เพิ่งเจอกับคุณปู่ครั้งแรกเหมือนกัน พอได้เจอก็ดีใจ แต่ไม่น่าเจอกันในโอกาสแบบนี้ และอยากจะบอกพ่อว่า หลับให้สบายครับ คนที่อยู่ต้องใช้ชีวิตต่อไป
...
ส่วนนายสัมฤทธิ์ ฉิมท้วม พ่อของ “โจ-บอย สเก๊าท์” กล่าวว่า ไม่เคยทราบมาก่อนว่าโจมีลูก เพราะไม่เคยได้ยินจากปากโจเลย จริงๆถ้ามีน่าบอกบ้าง แต่นี่ไม่เคยเล่าให้ฟังเลยแถมยังบอกว่าอยู่คนเดียวสบายกว่า