ข้าว-ไข่-นํ้าปลา รูดปรื๊ดยอดฮิต
กระทรวงพาณิชย์เปิด “วอร์รูม” ทั่วประเทศ ติดตามการใช้บัตรคนจน รูดซื้อสินค้าในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ พบข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำปลา น้ำมันพืช และสินค้าอุปโภคบริโภคขายดี แต่ยังพบคนส่วนใหญ่ไม่รู้วง เงินที่ตัวเองได้ ทำให้เกิดความล่าช้าในการซื้อสินค้า ด้านกรมบัญชีกลางชี้แจงประชาชนไม่ต้องกังวลการใช้บัตรสวัสดิการฯ ใจปํ้ายกยอดเงินคงเหลือเดือน ต.ค.ไปสมทบกับเดือน พ.ย.ได้ ขณะที่ “สมชัย” ปลัดคลังสั่งกระตุ้นนำบัตรสวัสดิการ เข้าร่วมโครงการ National e-Payment มีสิทธิลุ้นรับโชค 1 ล้านบาทด้วย
หลังรัฐบาลเปิดให้ประชาชนที่มีรายได้น้อย และมีสิทธิได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ นำบัตรไปใช้ซื้อของจำเป็นต่อชีวิตประจำวันตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา และพบว่ายังมีความขลุกขลักบ้างในบางพื้นที่ ต่อมาเมื่อวันที่ 2 ต.ค. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการติดตามการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ กับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ ที่กระทรวงพาณิชย์ ว่า ได้รับรายงานว่าสินค้าที่มีประชาชนเข้ามาซื้อสูงสุด คือ กลุ่มอาหาร เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำปลา และน้ำมันพืช รองลงมาเป็นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและของใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนปัญหาที่พบ ส่วนใหญ่ผู้ถือบัตรไม่รู้ว่าตัวเองมีวงเงินในการซื้อสินค้าจำนวนเท่าไร จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการซื้อสินค้า และคิดว่าบัตรสามารถใช้ได้เพียงวันเดียว ทำให้มีประชาชนเดินทางไปซื้อสินค้าในวันที่ 1 ต.ค.เป็นจำนวนมาก จึงได้กำชับให้พาณิชย์จังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับร้านค้า และประชาชนในจังหวัดที่ตัวเองดูแลอยู่ โดยในส่วนของร้านค้า ขอให้ตรวจสอบวงเงินของผู้ใช้ให้ชัดเจนก่อน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการซื้อสินค้า และเข้มงวดการซื้อสินค้าในกลุ่มที่กำหนด ส่วนประชาชน ก็ขอให้ทำความเข้าใจว่าบัตรสามารถใช้ได้ทุกวัน ไม่ต้องรีบ และเมื่อใช้หมดแล้ว เดือนต่อไป ก็จะมีวงเงินเข้ามายังบัตรเพื่อให้ไปซื้อสินค้าอีก
รมช.พาณิชย์กล่าวอีกว่า สำหรับการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐในวันแรก (1 ต.ค.) มีผู้ใช้บัตรในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐแล้วร้อยละ 1 ของผู้มีสิทธิ์ 11.4 ล้านคน หรือประมาณ 110,000 ราย แม้เป็นจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิ์ แต่ประชาชนผู้ที่มีบัตรเข้ามาซื้อของตามร้านต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการกันอย่างคึกคัก และหนาแน่น บางพื้นที่มีการต่อคิวซื้อสินค้ายาวมาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการติดตั้งเครื่องรูดบัตรตามร้านค้าที่ยังล่าช้า กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานกับกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย เร่งติดตั้งเครื่องอีดีซีให้เร็วที่สุด ส่วนสินค้าธงฟ้าประชารัฐ ที่ราคาต่ำกว่าตลาดร้อยละ 10-20 อาจยังกระจายได้ไม่ทั่วถึง เพราะอยู่ระหว่างการขนย้ายกระจายสินค้า
สำหรับความคืบหน้าการติดตั้งเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ได้จัดส่งรายชื่อร้านค้าธงฟ้าประชารัฐให้กับกรมบัญชีกลางแล้ว 15,489 ร้าน จากจำนวนร้านที่สนใจเข้าร่วมโครงการกว่า 21,000 ร้าน ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตรไปแล้วประมาณ 5,000 ร้าน และอยู่ระหว่างการเร่งติดตั้งอย่างต่อเนื่อง โดยขอให้เน้นในพื้นที่ห่างไกลและขอให้ครอบคลุมทุกตำบลก่อน
ส่วนในพื้นที่ที่มีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ แต่ยังไม่ได้ติดตั้งเครื่องรูดบัตร กระทรวงจะเริ่มปล่อยรถธงฟ้าประชารัฐเคลื่อนที่ภายในปลายสัปดาห์นี้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐซื้อสินค้า รวมถึงประชาชนทั่วไป ขณะที่ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล 7 จังหวัดที่จะเริ่มใช้บัตรในวันที่ 17 ต.ค.นี้ กำลังเร่งประสานติดตั้งเครื่องรูดบัตรเพื่อให้ทันในช่วงเปิดใช้ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งไม่มีหน่วยงานพาณิชย์จังหวัดได้มอบให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นผู้ดูแล ซึ่งเฉพาะกรุงเทพฯ มีจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการกว่า 600 ร้าน จากเป้าหมาย 800 ร้านค้า
ด้านกระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง ถึงยอดการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เมื่อวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เพราะมียอดการใช้จ่ายมากกว่า 90 ล้านบาท มียอดการซื้อสินค้าผ่านบัตรสวัสดิการฯ กว่า 300,000 รายการ มีการใช้บริการผ่าน บขส. 200-300 รายการ แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่บ้าง โดยเฉพาะการขาดความรู้เกี่ยวกับร้านค้าที่รับบัตรสวัสดิการฯ เรื่องนี้ต้องเร่งประชาสัมพันธ์อย่างมาก รวมถึงต้องเร่งติดเครื่องรับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (อีดีซี) เพื่อให้สามารถรองรับการใช้งานผ่านบัตรสวัสดิการฯ ได้มากขึ้น โดยจะหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อหาแนวทางในการแก้ไข รวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่เป็นเรื่องทางเทคนิค เช่น ระบบอินเตอร์เน็ต ต้องหารือกับหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อไป รวมทั้งต้องเร่งให้หน่วยงานที่รับผิดชอบติดตั้งเครื่องอีดีซีให้ได้ตามเป้าหมายด้วย
นายสมชัยยังกล่าวอีกว่า ภายในเดือน ต.ค.นี้ จะสามารถเสนอให้คณะกรรมการขับเคลื่อนตามแผนยุทธศาสตร์ระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) พิจารณาให้ผู้ใช้บัตรสวัสดิการฯ ผู้มีรายได้น้อยที่ชำระสินค้ากับร้านค้าที่กำหนด มีสิทธิ์ลุ้นรับโชครางวัลใหญ่ 1 ล้านบาทต่อเดือน ที่กระทรวงการคลังกำลังกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตร่วมกับธนาคารพาณิชย์อยู่ในขณะนี้ เพื่อส่งเสริมให้ผู้มีรายได้น้อยมีการใช้บัตรสวัสดิการฯ มากขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มแจกโชคได้ตั้งแต่เดือน พ.ย.60 เป็นต้นไป
ด้านนางสาวสุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า ปัญหาการใช้บัตรสวัสดิการฯ ซึ่งเป็นวันที่ 2 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยภาพประชาชนที่ยืนรอใช้บัตรธงฟ้าประชารัฐจะไม่ปรากฏให้เห็นอีกแล้ว เพราะกรมบัญชีกลางได้ส่งคลังจังหวัดลง
พื้นที่ทั้ง 5,000 จุด ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านธงฟ้าและนำคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปติดตัวไปด้วย เพื่อช่วยเหลือประชาชนและช่วยเหลือร้านธงฟ้าประชารัฐ ในการคัดกรองสิทธิ์ หลังจากวันแรกเกิดปัญหาว่า ประชาชนไม่ทราบว่าตนเองมีวงเงินที่ใช้ได้ตามสิทธิ์ในบัตรสวัสดิการฯเท่าไหร่ เนื่องจากรัฐบาลกำหนดผู้มี รายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท ได้รับวงเงินในบัตร 300 บาท ส่วนผู้ที่มีรายได้เกินกกว่า 30,000 บาท แต่ไม่ถึง 100,000 บาท ได้รับเงินในบัตร 200 บาท จึงทำให้ร้านธงฟ้าประชารัฐ เสียเวลาในการตรวจสอบสิทธิ์ ทำให้คิวรอชำระเงินยาวออกไปนอกร้านค้า ซึ่งเชื่อว่าปัญหาเรื่องร้านธงฟ้าจะค่อยๆ ดีขึ้น กระทรวงพาณิชย์ได้พยายามเพิ่มร้านธงฟ้าให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัวและหายาก ทั้งนี้ ประชาชนสามารถโหลดแอพพลิเคชั่น ร้านธงฟ้าฯ เพื่อตรวจสอบร้านธงฟ้าฯ ที่ใกล้บ้านได้แล้ว พร้อมกันนี้ ก็กำลังติดตามดูในวันที่ 17 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นวันแรกที่จะเปิดบัตรสวัสดิการฯ กับประชาชนในเขตกรุงเทพฯ และอีก 7 จังหวัดรอบกรุงเทพฯ เช่น พระนครศรีอยุธยา นนทบุรี และปทุมธานี เป็นต้น จำนวนประชาชนประมาณ 1.3 ล้านคน ซึ่งจะได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แบบ Hybrid 2 Chips/บัตรแมงมุม เพื่อใช้ชำระค่าโดยสารรถ ขสมก.จะมีติดขัดหรือไม่ ซึ่งล่าสุด ขสมก.ได้ติดตั้งบัตรแมงมุมในเมล์ร้อน 200 คันเรียบร้อยแล้ว จากทั้งหมด 800 คัน
นอกจากนี้ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ยังระบุด้วยว่า การนำบัตรสวัสดิการฯ ไปซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐในช่วงแรกอาจไม่ได้รับความสะดวกและไม่สามารถใช้วงเงินในบัตรสวัสดิการฯ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งเพื่อให้ผู้มีสิทธิมีเวลาในการทำความรู้จักคุ้นเคยกับการใช้บัตรซื้อสินค้าที่ร้านธงฟ้าประชารัฐและสวัสดิการอื่นๆ กรมบัญชีกลางจึงจะยกยอดวงเงินคงเหลือจากการซื้อสินค้าร้านธงฟ้าประชารัฐและสวัสดิการทุกประเภทของเดือน ต.ค.ให้ไปใช้ต่อได้ในเดือน พ.ย.2560 อีก 1 เดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่ยังไม่ได้ไปรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สามารถติดต่อขอรับบัตรสวัสดิการฯ ได้ที่หน่วยงานที่เคยไปลงทะเบียนไว้ ซึ่งแต่ละหน่วยงานจะเก็บรักษาบัตรของท่านไว้เป็นเวลา 1 ปี
ส่วนพลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.พลังงาน กล่าวถึงการใช้บัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยว่า ในส่วนของสิทธิการใช้แอลพีจีราคาถูก 18.13 บาทต่อ กก.คิดเป็นเงินช่วยเหลือ 45 บาทต่อ 3 เดือน ขณะนี้มีผู้ใช้สิทธิไม่มาก แต่สิทธิดังกล่าวจะครอบคลุมทุกๆ 3 เดือน ดังนั้น ผู้ถือบัตรยังไม่ใช้สิทธิเดือน ต.ค.ก็สามารถขอใช้ใน 2 เดือนที่เหลือได้ ส่วนการกำหนดมาตรการช่วยเหลือร้านค้า หาบเร่ แผงลอย ที่อยู่ในกลุ่มได้รับสิทธิใช้แอลพีจีราคาถูก 18.13 บาทต่อ กก.เช่นกัน แต่ไม่ได้อยู่ในบัตรสวัสดิการ ตนกำลังพิจารณามาตรการช่วยเหลืออยู่
สำหรับบรรยากาศการใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ วันที่สอง ในส่วนภูมิภาค ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเป็นไปอย่างคึก คัก โดยที่ จ.สงขลา ประชาชนตื่นตัวแห่กันไปรับบัตรกันเป็นจำนวนมาก หลังเห็นว่าสามารถนำไปรูดซื้อสินค้าได้จริง เช่น ที่ธนาคารออมสิน สาขาหาดใหญ่ มีประชาชนไปจองคิวรับบัตรตั้งแต่ก่อนเปิดทำการจนล้นออกมาด้านนอก ซึ่งเจ้าหน้าที่ธนาคารเผยว่ามีประชาชนมาขอรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัว ส่วนที่ จ.พัทลุง น.ส.สุภากิตติ์ เกลี้ยงสงค์ พาณิชย์จังหวัดพัทลุง นำคณะไปติดตามผลการเลือกซื้อสินค้าของประชาชนที่ร้านดีมาร์ทพัทลุง เขตเทศบาลเมืองพัทลุง ปรากฏว่าการรูดบัตรบางร้านมีปัญหาติดขัดในเรื่องสัญญาณอินเตอร์เน็ต ทำให้เกิดการล่าช้า
เช่นเดียวกับที่ จ.นครสวรรค์ ประชาชนออกมาใช้บัตรสวัสดิการผู้มีรายได้น้อยกันอย่างคึกคัก ส่วนใหญ่เน้นซื้อสินค้าประเภทของกินของใช้ในครัวเรือน เช่น ซอส น้ำตาล น้ำมันพืช ข้าวสาร ปลากระป๋อง ฯลฯ ขณะที่เจ้าหน้าที่คลังจังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่าเครื่องรับบัตรสวัสดิการฯ มีไม่เพียงพอต่อจำนวนประชาชนที่มาใช้สิทธิ์ ทำให้เกิดความล่าช้าหลายชั่วโมง โดยทั่วทั้ง จ.นครสวรรค์ มีร้านค้าธงฟ้าที่ประชาชนสามารถนำบัตรไปใช้ได้มีเพียงแค่ 27 ร้านเท่านั้น ทางคลังจังหวัดนครสวรรค์ จะแก้ไขปัญหาในจุดนี้ โดยการประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าต่างๆ เข้าร่วมโครงการให้มากขึ้น
ขณะที่ จ.บึงกาฬ นายจำรัส กังน้อย นอภ.เมืองบึงกาฬ และนางวรจิตร์ ปัญญาดี นักวิชาการคลังชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน คลังจังหวัดบึงกาฬ นำเจ้าหน้าที่ศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 4 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายทะเบียนอำเภอเมืองบึงกาฬ เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 66 บ้านดงบักยาง หมู่ 7 ต.บึงกาฬ เพื่อทำบัตรประชาชนให้แก่นายสุริยัน อาจวาที อายุ 37 ปี ผู้พิการที่ไม่สามารถช่วยตัวเองได้ สืบเนื่องจากนายสุริยันไปขอทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่สำนักงานคลังจังหวัดบึงกาฬ ตรวจสอบสิทธิ์นาย สุริยันเป็นผู้ผ่านเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่เนื่องจากไม่มีข้อมูลทะเบียนราษฎรของนายสุริยันอยู่ในระบบ จึงไม่สามารถออกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้นายสุริยันได้ ทางคลังจังหวัดจึงประสานไปยังอำเภอเมืองบึงกาฬ เพื่อดำเนินการนำเจ้าหน้าที่มาออกบัตรประจำตัวประชาชนเคลื่อนที่ให้แก่นายสุริยันถึงที่บ้าน เมื่อได้บัตรประชาชนแล้วทางคลังจังหวัดจะแจ้งกรมบัญชีกลางเพื่อจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้แก่นายสุริยันต่อไป