คลังเล็งเสนอให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาลดหย่อนภาษีได้ โดยรวมกับเบี้ยประกันชีวิต วงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี หวังช่วยลดความเสี่ยงให้ประชาชนหลังค่ารักษาพยาบาลแพงมาก ขณะที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯไม่ละความพยายามอ้อนคลังอีกรอบ ขอนำค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงการคลังว่า ในเร็วๆ นี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะเสนอให้กระทรวงการคลังนำค่าเบี้ยประกันสุขภาพมาหักค่าลดหย่อนภาษีได้ ในวงเงินไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี เมื่อรวมกับประกันชีวิตแล้ว ตามข้อหารือระหว่างกรมสรรพากรกับนางนุสรา บัญญัติปิยพจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) ในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เห็นด้วยกับข้อเสนอของนายกสมาคมประกันชีวิตไทย จึงสั่งให้กรมสรรพากรศึกษาเรื่องดังกล่าวเป็นกรณีเร่งด่วน และรีบส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาก่อนที่จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป โดยกรมสรรพากรได้เสนอให้กระทรวงการคลังพิจารณา 2 ประเด็น คือ 1.เพิ่มค่าลดหย่อนการประกันสุขภาพเพิ่มเติมจากการทำประกันชีวิตจากเดิม 100,000 บาทต่อปี เพิ่มอีก 15,000 บาท รวมแล้วไม่เกิน 115,000 บาท และ 2.อนุญาตให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมานับรวมกับเบี้ยประกันชีวิตได้ แต่รวมแล้วไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี ซึ่งล่าสุด รมว.คลังได้เห็นชอบให้นำเบี้ยประกันสุขภาพมาหักค่าลดหย่อนรวมกับเบี้ยประกันชีวิตได้แต่ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กรมสรรพากรไม่เห็นด้วยที่จะเพิ่มค่าลดหย่อนการทำประกันสุขภาพเนื่องจากการทำประกันสุขภาพ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการส่งเสริมการออมเงิน โดยตั้งแต่ปี 2550 กรมสรรพากรได้ออกคำสั่งเข้มงวด ห้ามไม่ให้บริษัทประกันชีวิตนำเบี้ยประกันสุขภาพมานับรวมเบี้ยประกันชีวิตเพื่อขอลดหย่อนภาษี โดยเบี้ยประกันชีวิตสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ปีละไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งก่อนนี้ บริษัทประกันชีวิตนิยมขายประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ และยังมีโปรโมชั่นในระหว่างที่ทำประกันชีวิต เช่น มีการคืนเงินทุกๆ 4 ปี หรือ 5 ปี ซึ่งกรมสรรพากรในขณะนั้นมองว่า วิธีการนี้ ไม่ได้ส่งเสริมการออมเงินอย่างแท้จริง แต่เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะค่าพยาบาลมีราคาแพงมาก ทำให้การซื้อประกันสุขภาพช่วยลดความเสี่ยงให้แก่ประชาชนได้
ขณะที่ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ให้นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ไปหารือกับกระทรวงการคลังใหม่อีกครั้ง ถึงเรื่องการนำค่าใช้จ่ายในการเดินทางท่องเที่ยวมาใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภายหลังจากกระทรวงการคลังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอ โดยมองว่าเป็นไปได้ยากที่จะนำค่าใช้จ่ายจากการเดินทางท่องเที่ยวตามพื้นที่ต่างๆมาลดหย่อนภาษีตามขั้นบันได 15,000-50,000 บาท
สำหรับข้อเสนอใหม่นี้ ขอให้ทำแบบที่กระทรวงการคลังเคยทำเหมือนปีที่ผ่านมา ที่ให้นำค่าใช้จ่ายจากการเดินทางท่องเที่ยว ได้แก่ ค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทนำเที่ยวในประเทศ ค่าโรงแรมที่พักมาลดหย่อนภาษีได้ แต่เพิ่มวงเงินจาก 15,000 บาท เป็น 20,000 บาท ส่วนระยะเวลาขอให้เริ่มตามที่กำหนดให้ปี 61 เป็นปีท่องเที่ยวไทย โดยเริ่มตั้งแต่เดือน พ.ย.60-ม.ค.62 หรืออาจเริ่ม 1 ม.ค.61-31 ธ.ค.61 ตามแต่กระทรวงการคลังเห็นสมควร.